เข้าสู่ระบบผ่าน

รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 7

บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”

จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็น

นางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนัก

จ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้อง

นางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย

“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเอง

องครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือน

เขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ

“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”

หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์ชายเก้าเองก็ไม่อาจจะจำได้ชัดเจนเท่ากับบันทึกนี้

“ไม่เลวเลย”

หลี่เฉินพยักหน้า แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ

“เหตุใดสิ่งแรกที่องค์ชายเก้าทำเมื่อตื่นนอนทุกวัน คือไปหาขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกา?”

ขันทีซานเป่าหลุบตาตอบ “ขันทีฝ่ายตรวจฎีกามีหน้าที่รวบรวมสาส์นกราบทูลข้อราชการที่เหล่าขุนนางสำนักราชเลขาธิการร่างไว้เมื่อวันก่อน ตามความคิดเห็นของขุนนางสำนักราชเลขาธิการที่ถูกประทับตราสีแดงไว้เพื่อแจกจ่ายออกไป ดังนั้นภายใต้ในนามของการฝึกอบรมองค์ชายเก้าของราชเลขาธิการ องค์ชายเก้าจึงได้รับอนุญาตให้ไปสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาทุกวัน เพื่อเรียนรู้กิจการของบ้านเมือง”

หลี่เฉินโกรธจัด

“ข้าเป็นองค์รัชทายาท เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาไม่เคยส่งสาส์นกราบทูลข้อราชการมาที่โต๊ะของข้า แต่กลับยกให้องค์ชายเก้าดู เช่นนี้แล้ว หรือว่าฮ่องเต้องค์ต่อไปของต้าฉิน จะเป็นคนที่จ้าวเสวียนจีกำหนด? องค์ชายเก้า?”

ขันทีซานเป่ารีบพูดว่า “องค์รัชทายาทโปรดระงับโทสะ ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาผู้นั้นคือคนสนิทของฮองเฮา และเป็นเวลาหลายปีแล้วที่สำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกาดำเนินการเหมือนถังเหล็กที่น้ำไม่สามารถเทลงไปได้ อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮา เกรงว่าเรื่องนี้ต้องหารือกันระยะยาว”

หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาแล้วพูดว่า “หารือกันระยะยาว? ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะเสียเวลากับพวกเขา ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาแล้วอย่างไร? หากไม่รู้ความก็ฆ่า ขันทีในวังที่ต้องการเลื่อนตำแหน่งขาดแคลนอยู่หรือไม่?”

พูดจบ หลี่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ “ไปสำนักสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา”

ในพระราชวังตอนนี้ ด้านนอกสำนักสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา

แม้ว่าเขาจะยังอ่อนเยาว์ แต่ภายใต้การฝึกอบรมและการศึกษามาอย่างยาวนาน องค์ชายเก้าก็มีความสง่างาม และมีกลิ่นอายผู้ทรงอำนาจ

“องค์ชายเก้าโปรดเดินช้าๆ พรุ่งนี้เช้า บ่าวจะจัดเตรียมสาส์นกราบทูลข้อราชการที่สำคัญไว้ล่วงหน้า เพื่อให้พระองค์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกิจการของรัฐ” เว่ยเสียน ขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกากล่าวด้วยความเคารพ

องค์ชายเก้าหลี่เสวียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “รบกวนกงกงแล้ว เพียงแต่ข้าไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อให้อ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการได้ ถ้ามันแพร่ออกไปคงจะเกิดข่าวลือที่ไม่ดีขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้องค์รัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ถ้าหากเขาทราบ จะยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรเก็บตัว และไม่เปิดเผยจะดีกว่า”

เว่ยเสียนหัวเราะคิกคัก “องค์ชายเก้า ในสายตาของพวกบ่าว พระองค์คือตัวเลือกที่ดีที่สุด องค์รัชทายาทมีอายุมากกว่าท่านเพียงไม่กี่ปี และใช้ประโยชน์จากการเป็นลูกชายคนโต ในแง่ของคุณธรรม ความสามารถ และพลังเบื้องหลัง ท่านได้รับการปลูกฝังโดยฮองเฮาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และยังมีใต้เท้าจ้าวราชเลขาธิการเป็นอาจารย์ องค์รัชทายาทจะเทียบกับท่านได้อย่างไร”

หลี่เสวียนตาเป็นประกายด้วยความพอใจและยินดี แต่ปากกลับพูดไปว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ หากคำพูดเหล่านี้ แพร่กระจายไปยังคนนอก ข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาเอาได้”

เว่ยเสียนตาเป็นประกาย

เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮาและราชเลขาธิการ แม้ว่าองค์รัชทายาทจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ในขณะนี้ แต่องค์ชายเก้าก็ยังคงมีโอกาสที่ดีอยู่ เมื่อเทียบกับองค์ชายเก้าแล้ว องค์รัชทายาทไม่มีอะไรเลย แม้แต่อำนาจผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ฮ่องเต้ก็เพิ่งมอบให้เมื่อคืนนี้

จะเกิดอะไรขึ้นหากฮ่องเต้สิ้นพระชนม์กะทันหัน?

กิจของรัฐ ไม่ใช่ราชเลขาธิการเป็นผู้ตัดสินหรือ เรื่องราวในวัง ไม่ใช่ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลหรือ?

องค์รัชทายาทนับเป็นอะไรกัน

ดังนั้นเขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใกล้ชิดกับองค์ชายเก้าให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าเสี่ยงถูกตัดหัวโดยแสดงสาส์นกราบทูลข้อราชการให้องค์ชายเก้าดู ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณมีเพียงฮ่องเต้และคณะสำนักราชเลขาธิการเท่านั้นที่สามารถดูได้

แต่สิ่งที่องค์ชายเก้าพูดในเวลานี้ชัดเจนมาก เขาแตกต่างจาก ‘คนนอก’ เหล่านั้น

“องค์ชายเก้ากล่าวถูกต้อง บ่าวพูดมากไป บ่าวพูดมากไป”

เว่ยเสียนพูด พลางยกมือตบปากตัวเองทีสองทีเบาๆ

หลี่เสวียนกล่าว “เอาล่ะๆ นี่ก็สายมากแล้ว ข้าต้องไปแสดงความเคารพต่อเสด็จแม่”

เมื่อหลี่เสวียนพูดจบ ด้านนอกสำนักสำนักขันทีฝ่ายตรวจฎีกา ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นว่า

“แต่ทว่าบ่าวได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท ได้รับการอนุมัติจากฮองเฮา เป็นขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาที่ราชเลขาธิการไว้วางใจ องค์รัชทายาทอยากจะสังหารบ่าวอย่างไร้เหตุ ชีวิตบ่าวอาจไม่มีค่า แต่องค์รัชทายาทต้องให้คำอธิบายแก่ฮองเฮา”

หลี่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “คิดจะใช้ฮองเฮาและสำนักราชเลขาธิการมากดดันข้างั้นหรือ? ข้าเห็นว่า ขันทีอย่างเจ้า อยากจะปีนขึ้นหัวเจ้านายเสียมากกว่า”

“เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจพูดคุยกับฮองเฮาและราชสำนัก เพื่อประนีประนอมกับเจ้า? น้ำหนักของเจ้ายังไม่คู่ควรหรอก”

พูดจบ ดวงตาของหลี่เฉินพลันวาวโรจน์ ในดวงตาระเบิดจิตสังหารออกมา

“ทหาร”

ขันทีซานเป่ารีบเดินออกมาจากด้านหลังของหลี่เฉินแล้วคุกเข่า

“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

วินาทีที่เห็นขันทีซานเป่า เว่ยเสียนก็ตาโต ทั้งตกใจทั้งโมโห “ซานเป่า! คนที่สร้างปัญหาก็คือเจ้างั้นหรือ!”

ขันทีซานเป่าแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ เหมือนไม่ได้ยินอะไร

“ลากมันไปตัดหัว ในเมื่อขันทีผู้ถือพู่กันฝ่ายตรวจฎีกาไม่ฟังข้า เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”

คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้เว่ยเสียนตระหนักได้ในที่สุดว่า หลี่เฉินไม่มีความตั้งใจที่จะเล่นเกมทางการเมืองแบบประนีประนอมกับเขา

อาจจะจริงอย่างที่หลี่เฉินบอก น้ำหนักเขาคงยังไม่พอ

เว่ยเสียนหวาดกลัวสุดขีด เขารีบกล่าวกับหลี่เสวียนว่า “องค์ชายเก้า ได้โปรดช่วยบ่าวด้วยองค์ชายเก้า!”

หลี่เสวียนไม่คาดว่าหลี่เฉินจะโหดร้ายเช่นนี้ เขาพูดอย่างกล้าหาญว่า “พี่รอง เว่ยเสียนเป็นคนเก่าคนแก่ในวัง ทำงานหนักมาหลายปีโดยไม่รับความดีความชอบใดๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังคงเป็นขันทีที่เสด็จพ่อแต่งตั้งเป็นการส่วนตัว ถ้าหากเขาถูกฆ่าแบบนี้ ข้า ข้ากลัวว่าจะมีการถกเถียงกันในราชสำ...”

หลี่เสวียนพูดไม่ทันจบ ก็เห็นหลี่เฉินมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาเย็นเยียบ

ความกล้าหาญของหลี่เสวียนก็พลันหดหาย ได้แต่กลืนคำพูดถัดไปอย่างเงียบๆ

ประโยคต่อไปของหลี่เฉิน ยิ่งทำให้หลี่เสวียนตัวสั่นด้วยความกลัว มือเท้าเย็นเฉียบ

“เจ้ารู้ไหมว่า องค์ชายองค์ใดอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ อาจถูกลงโทษฐานกบฏได้?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์