ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 423

หยุนเฟิงเห็นอย่างนั้นเลยรู้ว่าหนีไม่รอดแล้ว เมื่อก่อนโหลชีสงสัยเขามากแต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากถามเลย ถ้านางถาม เขาเองก็ไม่ค่อยอยากหลอกนาง

เพียงแต่ครั้งนี้พูดขึ้นมา มันยาวและวุ่นวายมากเกินไป ไม่รู้ว่าจะทำนางตกใจหรือไม่ ดังนั้นหยุนเฟิงอึกอักสักพักก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไง

สุดท้ายโหลชีเห็นท่าทางเขาแบบนี้ ยิ้มมุมปากถาม "ถ้างั้น ข้าถาม เจ้าตอบ?"

หยุนเฟิงโล่งอกบอก "ได้"

เพราะเขามักจะไร้ซึ่งการระแวดระวังและป้องกันกับนางแบบนี้เสมอ ราวกับว่าไม่ว่านางพูดอะไรเขาก็ยืนดีที่จะเชื่อฟังเสมอ ถึงทำให้โหลชีค่อนข้างรับและเชื่อใจเขามากหน่อย

"เจ้ามาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยินใช่หรือไม่?" หยุนเฟิงอึ้งลง เขาไม่คิดเลยว่าคำถามแรกของโหลชีจะถามออกมาตรงๆแบบนี้ นางรู้เรื่องแผ่นดินใหญ่หลงหยินแล้ว? จางมิ่งบอกนางรึ? เขามองหน้าเฉินซ่า สายตาเฉินซ่ากลับจับจ้องกองไฟ ราวกับไม่สนใจว่าเขาจะตอบว่าอะไร

พวกเขาดูสงบนิ่งกว่าเขามากนัก หยุนเฟิงค้นพบจุดนี้

"ข้า...ใช่"

โหลชีเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร นางถามอีก "งั้นฐานะที่แท้จริงของเจ้าคือนายน้อยของโรงพรรณยา?" โรงพรรณยานี่ก็ลึกลับมาก ถ้าบอกไม่มีเบื้องหลังอะไร นางไม่เชื่อหรอก

หยุนเฟิงพยักหน้า "อันที่จริง ฐานของโรงพรรณยาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่หลงหยิน อยู่ที่นั่นไม่ได้เรียกว่าโรงพรรณยา แต่เรียกว่าโรงพรรณยาหยุน ชื่อของข้าคือจ้าวหยุนเฟิง หยุนเป็นอักษรของลำดับชั้นลูกหลานสายตรงของตระกูลจ้าว โรงพรรณยาหยุนมีประวัติศาสตร์สองร้อยกว่าปีที่แผ่นดินใหญ่หลงหยิน เพราะวัตถุยาดีที่สุดครบที่สุด มีฐานะไม่ต่ำเลย ราชตระกูลมากมายต่างยินดีสานสัมพันธ์ด้วย ผู้นำตระกูลจ้าวตอนนี้คือพ่อของข้าเอง"

"งั้นพวกเจ้ามาเปิดโรงพรรณยาที่แผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง คงไม่ใช่แค่ขยายกิจการกระมัง?" ดินแดนกว้างใหญ่ขนาดนั้นอย่างแผ่นดินใหญ่หลงหยินถ้าเปิดสาขาย่อยๆไป พอให้ตระกูลจ้าวหากินแล้ว ยังจะต้องมาที่แผ่นดินใหญ่ซื่อฟางอีก

หยุนเฟิงยิ้มเศร้าบอก "อันที่จริงพวกข้ามาที่นี่เพื่อหาคนหนึ่งคน และของสองอย่าง"

"หือ?"

ในเมื่อพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หยุนเฟิงเริ่มพูดคล่องคอขึ้น "เรื่องของแผ่นดินใหญ่หลงหยินพวกเจ้ารู้มากแค่ไหน?"

โหลชีส่ายหัวบอก "รู้แค่ผิวเผิน เหมือนว่ามีแปดราชตระกูล"" พวกเขารู้ไม่มากจริงๆ

"อืม อันที่จริง นอกจากแปดราชตระกูลแล้ว ยังมีหนึ่งวังหนึ่งเขา ฐานะราวกับอยู่เหนือแปดราชตระกูลเสียอีก หนึ่งวังคือวังศุทธิเซียน วังศุทธิเซียนที่ผ่านมาไม่สนใจโลกภายนอก แต่จ้าวเซียนวังศุทธิเซียนทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่รู้เรื่องการดูดวงดาวพื้นที่อีกทั้งยังสามารถทำนายได้ ร้อยปีก่อน จ้าวเซียนวังศุทธิเซียนคนก่อนได้ทำนายไว้อย่างลึกลับออกมาเรื่องหนึ่ง และเพราะความลับนี้ ทำให้แปดราชตระกูลเกิดการโกลาหลขึ้น"

หยุนเฟิงชะงัก ราวกับกำลังย้อนอดีต "ข้าก็ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นเดิมพูดไว้ยังไง เพราะเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว คำพูดเดิมนั้นค่อนข้างคลุมเครือและเข้าใจยาก ประหนึ่งในคัมภีร์ ลือกันไปลือกันมา ก็กลายเป็นภาษาเข้าใจง่ายกลุ่มหนึ่ง ประมาณว่า วันหนึ่งในราชตระกูลหนึ่งจะมีหงส์สวรรค์ตัวหนึ่งถือกำเนิดมากับกองเพลิง ผู้ที่ได้ครอบครองหงส์จะสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจ ได้รับการเคารพเลื่อมใสจากทุกผู้คน"

เขาพึ่งพูดถึงตรงนี้ โหลชีหัวเราะพรืดออกมาทันที

"เอาล่ะ ข้าน่าจะรู้ว่า น้ำเน่านี่มันมีอยู่ทุกที่จริงๆ"

"น้ำเน่า?" หยุนเฟิงตะลึง "ใช้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายใช่หรือไม่?"

"ฮะฮะ มิใช่ เจ้าพูดต่อเถิด"

หยุนเฟิงเล่าต่อไป เป็นเรื่องอภินิหารจริงๆ พอความลับนี้แพร่ออกไป แปดราชตระกูลนั่งไม่ติดแล้ว ตอนนั้นเป็นตอนที่แปดราชตระกูลคานอำนาจกันไปมา แต่ละฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ผู้ได้ครอบครองหงส์จะได้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของอำนาจ คำพูดนี้ออกมา มิใช่บอกว่าเป็นไปได้ที่จะรวบรวมแผ่นดินใหญ่หลงหยินเป็นหนึ่งหรอกรึ? งั้นใครต่างก็อยากได้หงส์ตัวนั้นสิ

แต่หงส์ตัวนั้นคืออะไร หมายถึงหงส์ซึ่งเป็นสัตว์เทพที่แท้จริงหรือ...

สตรี?

ทุกคนต่างพากันคาดเดา และเริ่มส่งคนออกไปตามหาทุกที่ หงส์ บางทีอาจจะเป็นสตรีที่ไม่เหมือนกัน แต่หาไปหามาก็หลายสิบปี ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ก็มีคนเริ่มไม่เชื่อในความลับนี้แล้ว

"จวบจนวันหนึ่ง มีข่าวหนึ่งแพร่ออกมาเอิกเกริก บอกว่ามีคนเห็นหงส์ปรากฏขึ้น"

โหลชีกับเฉินซ่ามองสบตากัน

ไม่รอพวกเขาถามอีก หยุนเฟิงพูดต่อเอง "เพียงแต่ใครก็มิคาดคิดว่า ข่าวพึ่งแพร่ออกไปไม่นาน ก็มีอีกข่าวหนึ่งตามมา คนที่เห็นหงส์นั่นตายอย่างน่าอนาถมาก ส่วนเรื่องที่เขาว่ามองเห็นหงส์ คือ หน้าตำหนักของราชตระกูลหนึ่งจู่ๆก็มีแสงสว่างที่เป็นหงส์สายรุ้ง"

โหลชีใจกระตุก "หรือว่าองค์หญิงของราชตระกูลนั้นถือกำเนิดรึ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ