รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 222

บทที่ 222 หมาน้อยเยอรมันเชฟเฟิร์ดหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำหน้าที่โดยไม่สมัครใจ2

“กวนรั่วยิน!” กวนลี่หลั่งตะโกนด้วยความโกรธเคือง ยกมือขึ้นสูง “เธอทำท่าทีเช่นนี้หมายความว่ายังไง!”

ฝ่ามือของเขายังไม่ทันที่จะตกกระทบลงมา ทันใดนั้นก็มีอีกมือหนึ่งยื่นมาจับมือเขาไว้อย่างแรง

ถังซินนึกไม่ถึงว่าจะมีอีกมือยื่นเข้ามา เมื่อมองกลับไปจึงพบว่าเป็นมู่เฉินหย่วน ดังนั้นเธอจึงมึนงง

“คุณมู่”

มู่เฉินหย่วนทำเสียงอืม และเอ่ยถามเธอขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา ฝ่ามือของเขาก็ไม่ตกลงมาที่หน้าของฉันหรอก” ถังซินเอ่ยขึ้น สายตาของเธอจับจ้องไปที่กวนลี่หลั่ง “กวนลี่หลั่ง นายเอาเวลาว่างที่มาก่อกวนฉันตรงนี้ไปหาคนอื่นมาบริจาคแทนดีกว่า อาจจะต้องใช้เงินมากหน่อย นายถือโอกาสที่ลูกของนายยังไม่ป่วยระยะสุดท้าย ไม่แน่อาจจะหาคนมาบริจาคได้แล้วก็ได้”

กวนลี่หลั่งพูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรที่จะทอดทิ้งพวกเธอ แต่นั่นก็เป็นน้องของเธอ เลือดยังไงก็ต้องเข้มกว่าน้ำ”

“น้องของฉันมีแค่กวนชิงเฟิงคนเดียว” ถังซินแสดงออกอย่างเมินเฉย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน “แม่ของฉันได้หย่าร้างกับนายแล้ว พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ถ้านายมีความสามารถก็เอาฉันขึ้นฟ้องร้องศาล”

“เธอเธอเธอ”

ฝีปากที่ดีและความเย็นชาของลูกสาว ทำให้สีหน้าของกวนลี่หลั่งนั้นโกรธจนหน้าเขียวและเกือบจะหัวใจวาย

พูดครึ่งวันก็พูดออกมาไม่ครบประโยคทั้งหมด

“คอนโดตรงนี้ระบบรักษาความปลอดภัยนั้นแย่มาก กล้าให้คนแปลกหน้าเข้ามาอย่างอำเภอใจได้ยังไง พรุ่งนี้ฉันจะต้องไปร้องเรียนแล้ว” ถังซินพูดเหน็บแนมกวนลี่หลั่ง และหันหน้าเดินจากไป

มู่เฉินหย่วนเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือของกวนลี่หลั่ง และพูดด้วยเสียงที่กดดันขึ้นมาว่า “จากนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก”

กวนลี่หลั่งถูกเด็กรุ่นหลังสกัดห้ามไว้ ข้อมือของเขานั้นเจ็บจนทำให้สีหน้าบิดเบี้ยว จึงจำเป็นที่จะต้องพยักหน้า มู่เฉินหย่วนถึงจะปล่อยมือ จากนั้นก็จูงลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดเข้าไปในคอนโด

ถังซินกำลังรอลิฟต์อยู่

ในอีกวินาทีต่อมามู่เฉินหย่วนก็ตามเข้ามา และด้านหลังยังมีลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดตามเข้ามาด้วย

“ลูกสุนัขตัวน้อยตัวนี้อายุยังไม่ถึงเดือนใช่มั้ย?” ถังซินฉีกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดเหมือนกับกลัวมู่เฉินหย่วนและรักษาระยะห่างจากเขา

ใครจะทอดทิ้งลูกสุนัขตัวเล็กตัวนี้ได้?

มู่เฉินหย่วนพูดพรรณนาอย่างยืดยาวว่า ร่างกายของมันค่อนข้างอ่อนแอแล้ว จึงเอามันออกมาออกกำลังกาย

……

ลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดร้องโฮ่งโฮ่ง และแกว่งหางไปที่บนตัวถังซิน ถังซินเห็นว่ามันมีขนดำมืดแต่ว่าน่ารักจึงอดไม่ได้ที่จะกอดและเคล้าคลึงไว้ในอ้อมอก “ตัวแกหอมมากเลย อาบน้ำแล้วใช่มั้ย?” ถังซินลูบคลำไปพลางกระซิบไปพลาง เธอไม่รังเกียจมันและจูบไปที่บนหัวของลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดหนึ่งที “ช่างน่ารักจริงๆเลย”

ลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดตัวนี้น่ารักหรอ?

มู่เฉินหย่วนไม่กล้าที่จะประเมินคำพูดของเธอ

เมื่อเห็นลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดมักจะเสียดสีไปที่หน้าอกของถังซิน มู่เฉินหย่วนจึงรู้สึกไม่สบายใจ จึงเอานิ้วมือหยิกไปที่เนื้อหลังของมัน ลากตัวมันออกมาจากอ้อมอกถังซิน และวางมันลงพื้นอย่างเย็นชา

และเพื่อป้องกันไม่ให้ถังซินกอดลูกสุนัขเยอรมันเชฟเฟิร์ดอีก มู่เฉินหย่วนจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “คนนั้นคือพ่อเธอหรอ?”

ถังซินตอบว่า “อืม ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวและอวดดีคนหนึ่ง ทอดทิ้งพวกเรา และหย่าร้างกับแม่ฉันแล้ว หลังจากที่สุดท้ายเขาได้แต่งงานใหม่ ลูกเขาก็ได้เป็นลูคีเมีย ไขกระดูกของฉันเข้ากับเด็กคนนั้นได้ จึงกลับบ้านมาหาฉัน ติดตามฉันมาหลายเดือน และยังมาก่อความวุ่นวายที่คอนโดที่ฉันอยู่”

แววตาของมู่เฉินหย่วนอดกลั้น

เขาเห็นใบหน้าของกวนลี่หลั่งเต็มไปด้วยความประสงค์ร้าย เป็นคนที่มีอารมณ์โกรธง่าย ถ้าทำให้โกรธคาดว่าน่าจะทำเรื่องที่น่ากลัวขึ้นมา

“ฉันจะแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัย ให้พวกเขาเพิ่มมาตรการตรวจสอบการเข้าออกของผู้ที่พักอาศัย” มู่เฉินหย่วนเอ่ยขึ้น “และเธอก็ควรพกของที่สามารถป้องกันตัวเองได้ไว้ในกระเป๋า”

“ฉันรู้แล้ว” ถังซินพยักหน้า และรู้ว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่

“ เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันหรอ?

“พูดอะไร?

มู่เฉินหย่วนใช้หางตามองเธอ และแสร้งทำน้ำเสียงตามแต่ใจ “ข่าวเมื่อช่วงเช้า ฉันเห็นเธอไปพบกับแม่ของพี่ใหญ่ฉันแล้ว และเธอยังให้ของขวัญเธอด้วย”

“ของขวัญอะไร จริงๆแล้วเป็นความทุกข์ยากอย่างแท้จริง” ถังซินนึกเรื่องเมื่อช่วงเช้า ข้อมือก็ยังคงเจ็บตื้อๆอยู่ แม่ของเขาช่างมีแผนการจริงๆ เธอยังได้จัดการให้นักข่าวรออยู่ข้างนอก

มู่เฉินหย่วนเอ่ยถามขึ้น “ก่อนหน้านี้ทำไมเธอถึงได้พบกับพี่ใหญ่ของฉัน?”

“ คุณมู่ คุณเบื่อถึงขนาดนี้เลยหรอ?” ถังซินแบบไม่พอใจ “ตอนที่คุณอยู่ต่อหน้าพ่ออุปถัมภ์ ประกาศว่าคุณจะแต่งงานกับคุณส้ง ฉันก็ไม่เห็นจะพูดอะไร ตอนนี้ฉันจะนัดพบเจอกับใคร ต้องให้คุณมาก้าวก่ายด้วยหรอ?”

เดิมทีมู่เฉินหย่วนรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ แต่เมื่อโดนเธอพูดเหน็บแนม สีหน้าก็เศร้าหมองลงทันที “ฉันเพียงแค่แต่งงานปลอมๆกับส้งจิ้งเหอ เธอจะให้ฉันอธิบายซักกี่รอบ”

ถังซินพูดอย่างเย็นชา “คนนอกเค้าไม่รู้หรอกว่าพวกคุณแต่งงานจริงหรือแต่งงานแบบปลอมๆ และฉันก็ไม่อยากยุ่งอะไรด้วย!”

“ เธอหึงหรอ?”

ถังซินชะงักงง และทำหน้าเย็นชาหันไปทางลิฟต์ ทำเป็นไม่สนใจเขา

มู่เฉินหย่วนมีรอยยิ้มแสดงออกมาในแววตา เอามือหนึ่งวางไปที่บนราวจับด้านหลังของเธอ และก้มตัวเข้าไปใกล้ “ครั้งหน้าถ้าเธออยากจะพูดกับฉัน ใช่ไม่ใช่……”

ทันใดนั้นเสียงประตูลิฟต์ก็ดังขึ้นและเปิดออก

“ เอ๋ พี่เฉิน พี่ถังซิน?” ด้านนอกลิฟต์มีจู่ซือซือที่สวมชุดนอนยืนอยู่ เมื่อเห็นถังซินอยู่กับมู่เฉินหย่วนก็รู้สึกประหลาดใจ โดยเฉพาะกับกิริยาท่าทางดูมีลับลมคมในของพวกเขา

เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งและยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ “ถ้าเช่นนั้น…เชิญพวกพี่ต่อเถอะ?”

ถังซินรีบเขยิบออกห่างมู่เฉินหย่วน และกดย้ำปุ่มเปิดปิดประตูลิฟ “คุณมู่ คุณถึงแล้ว”

และถือโอกาสเอามืออีกข้างผลักดันทั้งคนและหมาออกไป

……

มู่เฉินหย่วนมองไปทางจู่ซือซือด้วยสายตาที่เย็นชา “ดึกขนาดนี้ ออกมาทำอะไรข้างนอก?”

“ก็หิว เลยอยากจะไปหาซื้อขนมกินสักหน่อย” จู่ซือซือน้อยใจเป็นอย่างมาก และพูดฟ้องร้องขึ้นว่า “ทุกอย่างต้องโทษพี่ ทำร้ายแฟนฉัน จนเขาไม่อยู่แล้ว อีกนิดเดียวก็จะหิวตายอยู่แล้ว?”

“เขาไม่ติดต่อเธอมาหรอ?”

จู่ซือซือพยักหน้าและบึนปาก “เดือนนึงแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่รับ และไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนแล้ว”

มู่เฉินหย่วนรู้สึกไม่สบายใจ “เขาคงมีอารมณ์โกรธมาก”

“ใครใช้ให้พี่ไปโกหกพี่ถังซิน” จู่ซือซือไม่เข้าข้างเขา “ทำร้ายจนพี่ถังซินไข้ขึ้นสูงอยู่หลายวัน ถ้าฉันเป็นเธอ ก็โกรธพี่เป็นฟืนเป็นไฟเหมือนกัน”

“ในเมื่อเธอไม่พอใจฉันขนาดนี้ ก็ตัดความสัมพันธ์กันเถอะ” มู่เฉินหย่วนเอ่ยขึ้น “คนกันเองไม่ช่วยแต่กลับไปช่วยคนอื่น ฉันอยู่เคียงข้างเธอก็จะทำให้เกิดความเสียหาย”

จู่ซือซือแลบลิ้นใส่เขา “ฉันไม่เอา! ฉันจะรอจนกว่าพี่จะแก่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียว และจะรับมรดกทรัพย์สินหลายร้อยล้านต่อ ฉันจะซื้อเกาะเล็กๆและเอาเขาไปอยู่ด้วย จะรักกันให้มากๆ”

มู่เฉินหย่วนหัวเราะเยาะ “เอาเงินฉันไปเลี้ยงผู้ชายคนอื่น?”

“ฉันรัก ฉันเต็มใจ!” จู่ซือซือมองบนใส่เขา เธอพึ่งจะพบว่าบริเวณเท้าของเขามีหมาเยอรมันเชฟเฟิร์ดอยู่ตัวหนึ่ง

“พี่เฉิน พี่ไม่ได้เกลียดพวกแมวหมาหรอกหรือ ทำไมถึงเอามันมาเลี้ยง?”

เมื่อย้อนคิดถึงภาพที่อยู่ในลิฟต์เมื่อสักครู่นี้ เธอก็ยิ้มอย่างดีอกดีใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ “ท่าทางที่พี่เสแสร้งนั้นหล่อมาก แต่การคิดหาวิธีที่ขอให้พี่ถังซินยกโทษให้นั้นช่างจนตรอกจริงๆ”

“ เธอไม่คิดจะแสดงละครแล้วใช่มั้ย?”

“ไม่คิดเลย ถ่ายละครจนฉันเหนื่อยไปหมดแล้ว” จู่ซือซือพูดขึ้น “ถ้ามีความสามารถก็เก็บฉันไว้ ถึงอย่างไรก็ตามคนที่หาเงินไม่ได้ก็คือพี่เฉิน” มู่เฉินหย่วนพยายามหยิกแก้มของเธอ “ฉันเลี้ยงคนอกตัญญูไว้คนหนึ่งจริงๆ”

จู่ซือซือชูมือขึ้นตีเขา

ประตูลิฟต์ก็เปิดออกอีกครั้ง ด้านในมีกวนชิงเฟิงที่สวมชุดออกกำลังกายสีเทายืนอยู่ ในมือถือถุงเก็บความร้อนอยู่ เขาเห็นทั้งสองคนกำลังล้อเล่นตีกันอยู่ จึงทำท่าเม้มปากแน่น

มู่เฉินหย่วนเห็นกวนชิงเฟิงก่อน จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนที่เธออยากจะเกี่ยวข้องด้วยมาแล้ว”

จู่ซือซือรีบหันกลับไป หลังจากที่มองเห็นกวนชิงเฟิน

จึงรีบพุ่งเข้าไปในอ้อมอกเขาเหมือนดั่งกระสุนปืน เธอกอดเขาไว้แน่น “นายหายไปไหนมาเป็นเดือน ฉันคิดว่านายจะไม่ต้องการฉันแล้วซะอีก”

……

มู่เฉินหย่วนทนดูต่อไปไม่ได้ จึงไปใช้ลิฟต์อีกตัว

“นายพูดออกมาสิ อย่าดูอะไรมั่วๆ” จู่ซือซือดึงหัวกวนชิงเฟิงลงมามองตนเอง และพูดด้วยความน้อยใจว่า “ทำไมไม่รับสายโทรศัพท์ฉัน? นายมีคนอื่นใช่มั้ย?”

“ที่โรงเรียนมีปัญหา ฉันเลยกลับไป และยุ่งมาก เธอปล่อยแขนก่อน” กวนชิงเฟินอยากที่จะเอาแขนเธอออก แต่จู่ซือซือกลับจูบปากเขาไว้แน่น ออกแรงเอาทั้งสองขาขึ้นโอบที่เอวของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน