รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 282

บทที่ 282 ฉากคู่

“จุ๊ๆ พี่ใหญ่ช่างเป็นต้นแบบของคนปากอย่างใจอย่างเสียจริง” ลู่เหวินซูยิ้มเยาะ “ปากบอกจะไปนิวยอร์ก แต่สุดท้ายก็ตามพี่รองมา เพื่อมาดูใครคนนั้น”

มู่เฉินหย่วนกล่าวอย่างไร้ความปรานี “ไอ้สี่ ซัพพลายเออร์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัททั้งสองแห่งของแกก็คือพี่ใหญ่ หากวันใดพี่ใหญ่ไม่จัดหาของมาให้แกอีก คำว่าล้มละลายคงอยู่ไม่ไกลจากแกเท่าไหร่”

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของลู่เหวินซูทันที รีบรินชาให้กับวี่เหวินถิงอย่างลนลาน และกล่าวประจบ “พี่ใหญ่เชิญดื่มชาครับ ฮะๆ ผมยังเด็กเลยยังไม่เข้าใจเรื่องราวมากนัก พี่อย่าได้ถือสาผมเลยครับ”

วี่เหวินถิงคร้านจะเถียงกับเขาต่อไป

และแล้วอาหารก็ถูกเสิร์ฟโดยเร็ว จนเต็มไปทั้งโต๊ะ ส่วนใหญ่ลู่เหวินซูเป็นคนสั่ง กล่าวว่ากลัวหลี่ซูเจ๋จะหิว จึงรีบส่งบาร์บีคิวให้เธอทันที

“ที่รักครับ ลองทานบาร์บีคิวนี้สิครับ”

“ที่รักครับ ข้าวแกงกะหรี่ไก่ชีสจานนี้ก็อร่อยนะครับ ผมป้อนนะครับ”

“ที่รักครับ ลองดื่มน้ำลูกแพร์นี่สิครับ ระวังสำลักนะครับ”

“ที่รัก...”

คนทั้งหกที่นั่งทานอาหาร นั่งฟังลู่เหวินซูเอาแต่เรียกที่รัก และทั้งเอนตัวไปจูบหลี่ซูเจ๋แทบจะตลอดเวลาโดยที่ไม่สนใจพวกเขาเลยสักนิด

“ไอ้สี่” มู่เฉินหย่วนกล่าวเสียงเย็น “หากนายยังไม่หยุดพูด ฉันจะทำให้นายหุบปากเอง”

ลู่เหวินซูกลับตอบไปว่า “พวกพี่จะทำแบบผมก็ได้นะ ผมไม่ถือสา...”

ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ มือของวี่เหวินถิงก็เอื้อมผ่านแผ่นหลังของมู่เฉินหย่วน กระชากผมของเขา และจุ่มหน้าของเขาลงกับจานพาสต้าซอสเนื้อ

วี่เหวินถิงเอ่ยถาม “หุบปากหรือยัง”

หญิงสาวทั้งสามที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามต่างหัวเราะงอหาย

หลังจากที่หัวเราะเสร็จ หลี่ซูเจ๋ก็ยื่นทิชชูให้กับเขา “คุณเช็ด... อุ๊บ ฮ่าฮ่า ขอโทษนะ ลู่เหวินซู ท่าทางของคุณในตอนนี้มันน่าตลกเกินไปแล้ว”

ลู่เหวินซูเศร้าใจ “ที่รัก ผมทำเพื่อคุณทั้งนั้น คุณยังหัวเราะผมอีก”

เพียงเขาเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าก็เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำซอสจนน่าขบขัน จนทำให้หลี่ซูเจ๋หัวเราะจนน้ำตาไหล ลู่เหวินซูรู้สึกเหมือนโดนระเบิดไปสักหนึ่งหมื่นลูก

“ขอโทษนะคะ ฉันต้องไปรับโทรศัพท์” โทรศัพท์ของหลี่ซูเจ๋ดังขึ้น เธอหันไปมอง หลังจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทั้งโทรศัพท์ทันที

ถังซินที่เห็นท่าทีเป็นกังวลของเธอ ก็อดสงสัยไม่ได้

หรือที่บริษัทจะเกิดเรื่องขึ้นกัน

ขณะเดียวกัน สายตาของมู่เฉินหย่วนก็มองตามแผ่นหลังของหลี่ซูเจ๋ไปเช่นกัน สายตามืดครึ้มขึ้นพลัน

“คุณวี่คะ ทำไมไม่ทานเลยล่ะคะ” เมื่อเห็นว่าจานของวี่เหวินถิงดูไม่ลดลงเลยแต่น้อย ส้งจิ้งเหอจึงส่งพริกไทยดำให้แก่เขา

วี่เหวินถิงไม่แม้แต่จะชายตาแล

ส้งจิ้งเหอก็เท้าคางมองเขา ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “คุณวี่ นี่เป็นวันที่ดีที่เราได้อยู่ด้วยกัน มิตรภาพเล็กๆ น้อยๆ คนรักเป็นไม่ได้ และแม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้หรือคะ”

“ไม่มีความจำเป็น” ใบหน้าของวี่เหวินถิงเรียบนิ่ง ราวกับว่าแม้แต่จะพูดสักคำสองคำก็ยังไม่ได้

ส้งจิ้งเหอร้องอุทาน ไม่นึกโกรธทั้งยังคุยกับเขาอย่างไม่สนอะไร “คุณวี่ก็สามสิบสามแล้วใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าแต่งงานหรือยังคะ”

“ไม่มีความจำเป็นจะต้องบอก”

“เช่นนั้นก็คงไม่มีแล้วสินะคะ” ส้งจิ้งเหอคาดเดาแล้วจึงถามต่อ “แล้วมีลูกหรือไม่คะ”

“.....”

ส้งจิ้งเหอส่ายหน้า และมองเขาด้วยสายตาสงสาร “คุณวี่ คุณก็อายุปูนนี้แล้วนะคะ ไม่มีทั้งแฟน และก็ไม่มีลูก ชีวิตค่อนข้างล้มเหลวนะคะ”

“พี่ใหญ่ของผมยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ประธานส้งรู้ได้อย่างไรครับว่าไม่มี” มู่เฉินหย่วนมองเธอด้วยรอยยิ้มไม่คล้ายยิ้ม “พี่ใหญ่ของผมอยู่ที่นิวยอร์กสามปี คุณเห็นหรือครับว่าเขาใช้ชีวิตมาแบบไหน”

ส้งจิ้งเหอยิ้มอ่อน “แค่เห็นท่าทางของเขาก็น่าจะรู้แล้วนี่คะ ว่าคงไม่ดีเสียเท่าไหร่”

“นั่นก็ไม่เสมอไป” มู่เฉินหย่วนคิ้วขมวด “บริษัทที่นิวยอร์ก หญิงสาวน้อยใหญ่ในบอร์ดบริหารต่างก็ให้ความสนใจพี่ใหญ่ของผม ทั้งยังชวนเขาไปทานข้าวข้างนอกเสียหลายครั้งหลายครา”

เขาลูบคาง ทั้งทำท่านึกย้อนไป “ผมจำได้ว่าคริสต์มาสเมื่อปีก่อนนั้น มีผู้หญิงอายุยี่สิบสามปีชาวโปแลนด์มาชวนพี่ใหญ่ของผมออกไปเที่ยวข้างนอก พี่ใหญ่กลับหายไปทั้งคืนเลย”

มู่เฉินหย่วนลอบเตะขาของลู่เหวินซูใต้โต๊ะ

“ใช่ๆ ผมเองก็จำได้” ลู่เหวินซูที่หลีกไม่ได้ ก็ร่วมด้วยช่วยผสมทันที ได้ยินมู่เฉินหย่วนพูดเช่นนั้น ทั้งยังเตะขาเขาอีก รับรู้ได้ในทันทีว่าต้องต่อประโยคเช่นไร

ลู่เหวินซูกล่าวยิ้มๆ “ผู้หญิงคนนั้นทั้งสวยทั้งสง่า จมูกโด่ง ตาโต อกเป็นอก เอวเป็นเอว โคตรมีเสน่ห์ หลังจากผ่านค่ำคืนคริสต์มาสกับพี่ใหญ่ไป หนึ่งให้หลังเธอก็ลาออกไป จุ๊ๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าท้องหรือไม่นะ อาจจะพาลูกพี่ใหญ่หนีไปแล้วก็ได้”

“ผมเองก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น” มู่เฉินหย่วนเองก็พยักหน้ารับเขา “ตอนนี้คงได้สองปีแล้วกระมัง”

“ไม่ใช่หรอก”

สองพี่น้องเติมแต่งคนละประโยค ราวกับกำลังร้องเพลงละครฉากคู่

วี่เหวินถิงคิ้วขมวด ในตอนที่คดจะพูดขึ้นมา ส้งจิ้งเหอที่นั่งตรงข้ามเขาก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะสาดน้ำใส่หน้าของเขา ด้วยใบหน้าที่โกรธจัด

ส้งจิ้งเหอยิ้มอย่างเย็นชา “ไปหาสาวบริหารชาวโปแลนด์ของคุณเถอะ”

ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกไป

“ว้าว ประธานส้งดุจริงๆ” ลู่เหวินซูผิวปากหวือ ก่อนจะส่งทิชชูให้กับวี่เหวินถิง เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพี่ใหญ่โดนสาดน้ำใส่ แล้วพี่ใหญ่ไม่โกรธ

“นี่พวกคุณเล่นละคร หรือว่าเรื่องจริงกัน” ถังซินที่ได้สติกลับมาแล้วเอ่ยถาม จ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง “คุณวี่ คุณคงไม่ได้มีลูกเก็บจริงๆ หรอกนะคะ”

“ไม่มี” วี่เหวินถิงเช็ดหยดน้ำบนใบหน้า น้ำเสียงแหบแค่นเสียงขึ้น “ผมไม่ได้ว่าง จนมีเวลาออกไปทานข้าวกับผู้หญิงข้างนอกเหมือนกันเจ้าสองและไอ้สี่หรอกครับ”

สายตาของถังซินเปลี่ยนไปทันที “หมายความว่าอย่างไรคะ”

วี่เหวินถิงเหลือบมู่เฉินหย่วนก่อนจะยิ้มเย็น “รู้จักหลี่จื้อเหลียนไหมครับ ผู้บริหารฝ่ายการค้าระหว่างประเทศคนเก่าของบริษัทมู่ซื่อ เมื่อเดือนหนึ่งปีนี้ถูกย้ายไปยังประจำที่สาขานิวยอร์ก และถูกส่งเข้าแผนกการเงิน เป็นประธานมู่ที่เคารพของคุณนั่นแหละที่เป็นคนจัดการ ตอนวันวาเลนไทน์ ประธานมู่ของคุณเหมาคลับหยินเฉียวในราคาร้อนล้าน เพื่อจะได้อยู่กับเธอหนึ่งคืน”

“ว้าว” ลู่เหวินซูอุทานอย่างตกใจ ราวกับกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย “ไม่น่าล่ะ วันนั้นผมถึงโทรหาพี่รองไม่ติด เป็นเพราะพี่รองติดนัดนี่เอง”

ใบหน้ามู่เฉินหย่วนเริ่มย่ำแย่ “เฮ้ย...”

“มู่เฉินหย่วน คนโกหก” ถังซินลุกขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะเอ่ยด่าทอเขา “ปากบอกไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่ที่จริงกลับเสพสุขแบบนี้น่ะหรือ”

ทันใดนั้นเธอพลันมองเห็นแก้วน้ำมะนาววางอยู่บนโต๊ะ จึงหยิบขึ้นมาสาดหน้าชายหนุ่มทันที “ไปหาหลี่จื้อเหลียนของคุณเถอะ”

ลู่เหวินซูพุ่งไปด้านข้างทันที เพราะกลัวจะโดนสาดไปด้วย

และชายหนุ่มสองคนที่โดนสาดน้ำ ก็เป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างทันที

มู่เฉินหย่วนเช็ดหยดน้ำบนใบหน้า ก่อนจะมองไปทางวี่เหวินถิงอย่างเหลือทน “พี่ใหญ่ ผมกำลังช่วยพี่นะ ทำไมถึงตอบแทนกันแบบนี้ ผมยังไม่รู้เรื่องเหมาคลับหยินเฉียวด้วยราคาหนึ่งล้านอะไรนั้นด้วยซ้ำ”

“แล้วฉันออกไปเที่ยววันคริสต์มาสกับสาวบอร์ดบริหารชาวโปแลนด์ตอนไหนกัน” วี่เหวินถิงถามกลับ “แค่ผ้าพันคอของแฟนเธอเหมือนของฉัน พวกนายก็คิดว่าเป็นฉันไปแล้ว”

“โว้วๆ พี่น้องกันทั้งนั้น อย่าทะเลาะกันเลย” ลู่เหวินซูยื่นทิชชูให้กับมู่เฉินหย่วน ปากกล่าวเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับกำลังแสดงออกว่ายินดียิ่ง

มู่เฉินหย่วนและวี่เหวินถิงอารมณ์เสีย

ประจวบเหมาะกับที่หลี่ซูเจ๋คุยโทรศัพท์เสร็จและกลับมาพอดี เมื่อเห็นว่าที่นั่งว่างเปล่า ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมเป็นพวกคุณล่ะ ซินซินกับประธานส้งล่ะคะ ไปห้องน้ำด้วยกันหรือ”

และเมื่อเห็นคอเสื้อของมู่เฉินหย่วนกับวี่เหวินถิงเปียกชื้น ก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ “พวกคุณเป็นอะไรกัน”

“พวกเขา...”

ลู่เหวินซูที่กำลังจะเอ่ยขัด ก็ถูกมู่เฉินหย่วนกระชากผม จนหน้าจุ่มไปกับจานซอสเนื้อ และวี่เหวินถิงก็ใช้นิ้วของเขาสแกนปลดล็อกโทรศัพท์ และส่งให้กับหลี่ซูเจ๋

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน