รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 329

บทที่ 329 เราเลิกกันเถอะ

เมื่อถังซินกำลังจะพูดปฏิเสธ โทรศัพท์ก็ได้สั่นขึ้นสองครั้ง มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา

เธอพบว่าเป็นมู่เฉินหย่วน จึงพูดกับจงเซิงครู่หนึ่งและก็วางสาย

เมื่อกำลังจะเอาโทรศัพท์ขึ้นแนบหูฟัง ก็ได้ยินเส้นเสียงอันทุ้มต่ำของมู่เฉินหย่วนดังเข้ามา “ผมจะไปถึงสนามบินหนานเฉิงตอนสิบโมงเช้า เธอสามารถกลับมาตอนเที่ยงได้มั้ย? ถ้ามาไม่ได้ก็ค่อยมาทานข้าวด้วยกันตอนเย็น”

เขารู้จากผู้ช่วยจางว่าเธออยู่เมืองหางซี แต่กลับไม่ถามเธอว่ามาทำอะไร

“มู่เฉินหย่วน……”ถังซินสูดลมหายใจ ความจริงเหล่านั้นทำให้ใจเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เศร้าเสียใจ แม้กระทั่งไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับมู่เฉินหย่วน

หลังจากที่ดีกันแล้ว พวกเขาเคยให้คำมั่นสัญญาซึ่งกันและกัน เมื่อพบกับปัญหาจะต้องแบ่งเบาความทุกข์ซึ่งกันและกัน อย่าได้พูดโกหก

แต่ว่าเรื่องนั้นเขาควรที่จะรู้หรือ?

ก็ไม่ควร แม้แต่หลินเฉิงจี๋ก็ไม่ควรที่จะรู้เรื่องพวกนั้น

มู่เฉินหย่วนฟังเสียงที่ผิดปกติของเธอออก จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “เป็นอะไร พบเจออุปสรรคอะไรที่เมืองหางซีหรอ? ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปเมืองหางซีเพื่อรับคุณกลับมามั้ย?”

ถังซินทำได้เพียงแค่ก้มหน้าและกัดริมฝีปากไว้ น้ำตาคลอเบ้า

เธอจะต้องพูดอย่างไร?

ทันใดนั้นก็มีสองแขนเข้ามาโอบกอดเธอจากข้างหลัง และเอาหัวมาซุกที่ซอกคอของเธอ

ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงเบาๆ เหมือนกับสัตว์ที่ตัวเล็กและอ่อนแอร้องครวญครางเมื่อได้รับบาดเจ็บ “ขอร้องเธอเถอะนะ… อย่าทิ้งให้ฉันอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว”

ถังซินมีท่วงท่าที่ยังคงถือโทรศัพท์แนบหูไว้ โดยที่เธอไม่ได้ขยับ แต่น้ำตากลับไหลพรั่งพรูออกมา หยดลงที่บนเคาน์เตอร์ครัว

เธอมองไปยังมือที่วางค้ำอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว ยังมีแหวนที่อยู่บนนิ้วนาง

ภาพการพบกันตั้งแต่ครั้งของเธอกับมู่เฉินหย่วน จนสุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ได้คบกัน และยังมีภาพเหตุการณ์ที่เขาได้สวมแหวนให้เธอบนเรือสำราญ ทั้งหมดนี้ยังวกวนอยู่ในหัวของเธอ

แน่นอน เธอรักผู้ชายคนนี้มาก

แต่ว่า…

ถังซินสงบสติอารมณ์ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบว่า “มู่เฉินหย่วน เราเลิกกันเถอะ!”

“ถังซิน เธอรู้ตัวมั้ยว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่” น้ำเสียงของมู่เฉินหย่วนเย็นชาขึ้นมาทันที เหมือนกับโกรธขึ้นมาแล้ว และแฝงไปด้วยความร้อนใจเล็กน้อย “เธออยู่ที่ไหนของเมืองหางซี ฉันจะไปหาเธอ”

“ฉันบอกว่า พวกเราเลิกกันเถอะ” ถังซินพูดซ้ำอีกครั้ง “ฉันเบื่อหน่ายกับคุณแล้ว นิสัยของพวกเราเข้ากันไม่ได้ คุณไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่ฉันชอบ”

มู่เฉินหย่วนเพียงแค่เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “เธออยู่ที่ไหนของเมืองหางซี?”

“แหวนและของขวัญฉันจะฝากหลี่ซูเจ๋เอาไปให้คุณ พวกเราจบกันแค่นี้เถอะ”

เมื่อพูดจบเธอจึงรีบวางสายโทรศัพท์ และน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง

ถ้าหากมู่เฉินหย่วนรู้ความจริง จะต้องฆ่าหลินเฉิงจี๋อย่างแน่นอน ในเวลาที่เธอลำบากที่สุดหลินเฉิงจี๋ได้ยื่นมือเขามาช่วยเธอ สิ่งเหล่านั้นที่เขาทำให้เธอทั้งโกรธทั้งเสียใจ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถที่จะนิ่งดูดายได้

จี้เจียจื้อรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว และอยากที่จะค่อยๆเปิดเผยความจริงออกมา เพื่อที่จะได้เห็นพวกเขาฆ่ากันเอง เธอทำได้เพียงแค่เอ่ยบอกเลิก และพยายามขัดขวางให้ที่ดีที่สุด ไม่ให้เขาทำแผนชั่วร้ายได้สำเร็จ

หลินเฉิงจี๋ดึงตัวเธอเข้ามา เมื่อเห็นเธอร้องไห้ขนาดนี้ จึงใช้หัวแม่มือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ ในใจเหมือนกับกระวนกระวายขึ้นแล้ว “ถ้าเธอรักเขาขนาดนั้น ถ้าอยากที่จะกลับไป…”

เมื่อเห็นเธอทุกข์ใจขนาดนี้ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

ถังซินชำเลืองมองผ้าพันแผลที่บนหน้าอกเขา จึงพยายามที่จะยิ้มออกมา “ไม่อยาก ฉันเลิกกับเขาแล้ว นายไปนั่งที่โต๊ะรับแขกเถอะ ฉันจะทำอาหารเช้าให้คุณ”

ความท้อแท้ผิดหวังในแววตาของหลินเฉิงจี๋ก็หมดไปและปรากฎแสงสว่างขึ้นมา “เขาพยักหน้าและไปที่ห้องรับแขก”

ถังซินจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้แล้ว จึงรีบไปจัดเตรียมอาหารเช้า

พลางต่อสายโทรศัพท์ไปหาหลี่ซูเจ๋ ให้เธอเอาของขวัญเหล่านั้นห่อให้เรียบร้อยและมอบให้กับผู้ช่วยจาง ถ้าเป็นไปได้ ให้ถามเย่นจิ่งเหนียนถึงที่อยู่ของห้องทดลอง เธอไม่สามารถกลับไปได้แล้ว

หลี่ซูเจ๋เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเบา “แล้วประธานมู่หล่ะ?”

“ฉันเลิกกับเขาแล้ว” ถังซินพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งไม่มีเปลี่ยนแปลงของอารมณ์แม้แต่นิดเดียว “ความผิดอยู่ที่โบแนร์-อเล็กซ์เลียร์ มู่เฉินหย่วนไม่ได้เป็นคนผิด หลินเฉิงจี๋ก็เช่นกัน ฉันไม่อยากเห็นพวกเขาฆ่ากันเอง”

“ฉันคิดว่าบางทีฉันก็อาจจะเป็นคนผิด…ฉันไม่ควรที่จะบอกเรื่องเหล่านั้นกับเธอและทำร้ายเธอ”

“ถังซินจึงพูดขึ้นว่า เธอเป็นคนคอยเฝ้าดูฉันแทนหลินเฉิงจี๋ เหยียบย่ำความไว้ใจของฉันที่มีให้เธอ แต่เธอบอกเรื่องเหล่านั้นกับฉันล่วงหน้า ก็เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามได้ เธอไม่ได้ติดค้างอะไรฉันแล้ว”

“ซินซิน…”หลี่ซูเจ๋ที่อยู่ในสายเหมือนกับกำลังร้องไห้

“ถ้าเธอสงสารฉันจริงๆ ก็ช่วยฉันหน่อยนะ” ถังซินขอร้องเธอ “หลินเฉิงจี๋อยู่ได้เพียงไม่เกินสามเดือน ถ้าเขาตายแล้ว ฉันต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน”

เธอได้ติดค้างผู้ชายคนหนึ่งแล้วตลอดชีวิต เธอแบกรับเรื่องเหล่านั้นไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

เสียงร้องไห้ของหลี่ซูเจ๋ได้หยุดลง “เธออยากทำอะไรก็ไปทำ หากต้องการความช่วยเหลือ ก็โทรศัพท์มาหาฉัน”

“ฝากเธอด้วยนะ”

และถังซินก็ต่อสายโทรศัพท์หากวนชิงเฟิง

เธอรู้ว่า ตามนิสัยของมู่เฉินหย่วน จะต้องให้คนสืบมาว่าเธออยู่ส่วนไหนของเมืองหางซี เธอจึงให้กวนชิงเฟิงช่วยคิดหาวิธีถ่วงเวลาให้เธอซักไม่กี่ชั่วโมง และบอกกับเขาเกี่ยวกับเรื่องที่หลินเฉิงจี๋ไปพบกับโมมอยอี้

เมื่อได้ยินว่าเธอเลิกกับมู่เฉินหย่วนแล้ว กวนชิงเฟิงจึงเงียบไปสักครู่ จากนั้นก็บอกว่าเขาจะช่วย จะพยายามถ่วงเวลาไม่ให้มู่เฉินหย่วนได้รับข้อมูลพวกนั้นได้เท่าที่จะทำได้

ถังซินกลัวว่าเขาจะทำคนเดียวได้ไม่ดีและทำอะไรก็ไม่สะดวก แต่ผู้ช่วยจางซื่อสัตย์กับมู่เฉินหย่วนมาก เธอจึงคิดไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็ต่อสายโทรศัพท์หาเฉินคาง

“เจ๊ใหญ่ พี่โทรศัพท์หาฉันมีอะไรหรอ?” เมื่อเฉินคางได้รับสายเธอก็เกิดกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก และเปลี่ยนการเรียกชื่อ

“นายยังอยู่ที่ตุรกีมั้ย?”

“ไม่ได้อยู่ ผมอยู่เย่นจิ่ง” เฉินคางเอ่ยขึ้น “เรื่องนั้นได้จัดการเสร็จแล้ว ประธานมู่ได้ส่งผมมาที่เย่นจิ่งเพื่อจัดการเรื่องอื่น ว้า ที่เย่นจิ่งน่าเบื่อมาก”

ถังซินลังเลใจ และเอ่ยถามเขาขึ้นว่า “ถ้าฉันให้นายช่วยทำอะไรบางอย่างให้ฉันหน่อย นายเต็มใจมั้ย?”

“เจ๊ใหญ่ อย่ามองว่าผมเป็นคนนอกขนาดนี้ ทุกคนไม่ช้าก็เร็วก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” เฉินคางสุ่มสี่สุ่มห้าพูดออกมา “ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องนี้ เรื่องอื่นๆผมก็ทำให้พี่ได้!”

“เรื่องนี้ต้องปิดบังประธานมู่และพี่ชายของนาย”

“ห้ะ?”

ถังซินจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฉันกลัวว่าน้องชายฉันจะทำคนเดียวได้ไม่เต็มที่ อยากที่จะให้นายไปช่วยเขา นายไม่สามารถที่จะบอกประธานมู่ได้ ถ้าประธานมู่ถามอะไรเธอ นายจะต้องพูดโกหก…นายช่วยฉันได้มั้ย?”

เฉินคางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “เจ๊ใหญ่ พี่ทะเลาะกับประธานมู่หรอ?”

“ไม่ใช่ทะเลาะ แต่เลิกกันแล้ว”

……

เรื่องนี้ยากที่จะจัดการ เฉินคางพูดอย่างลำบากใจ “ผมเป็นคนของประธานมู่ พี่ชายผมก็ยังเป็นผู้ช่วยเขา พวกเรารับเงินจากเขาทั้งคู่ นี่เป็นเรื่องของการทรยศหักหลัง……”

ถังซินจึงพูดเบาๆขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้นายลำบากใจมาก แต่ว่าชิงเฟิงจะช่วยกำจัดสัญญาฉบับนั้นทิ้ง ประธานมู่ให้นายเท่าไหร่ ฉันก็จะให้นายเท่านั้น ถ้านายช่วยฉัน”

เฉินคางจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ฉันรู้ได้มั้ยว่าพี่อยากจะทำอะไร?”

“ช่วยคนคนหนึ่ง” เมื่อนึกเรื่องที่จะทำ ถังซินก็รู้สึกเสียใจ และจำเป็นที่จะต้องทำ “ฉันไม่อยากให้ประธานมู่สืบหาที่พักในระหว่างการเดินทางของฉันได้ ดังนั้นจึงจำเป็นให้พวกนายช่วย”

ถังซินหยุดชั่วคราว และพูดเพิ่มเติมขึ้นอีกว่า “เธอมีแผนที่จะหมั้นกับหลิงเอ๋อมั้ย?”

เฉินคางเข้าใจความหมายที่ถังซินพูด หลังจากที่ลังเลอยู่ซักครู่ เขาก็ตอบรับคำ “เจ๊ใหญ่ สำหรับเรื่องเงินไม่ต้องให้ พี่ให้พี่ใหญ่จัดการเรื่องสัญญาของผมก็พอ”

“ลำบากเธอแล้ว เรื่องงานแต่งงานของนายกับหลิงเอ๋อ ถ้าถึงเวลาฉันจะเป็นคนดำเนินการด้วยตัวเอง”

“ ตอนนี้พูดเรื่องแต่งงานยังเร็วไป เธอบอกว่าอยากถ่ายละครซักหนึ่งถึงสองปี” เฉินคางรู้สึกเขินอาย “เจ๊ใหญ่ พี่มีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ อีกสักครู่ผมจะติดต่อกับพี่ใหญ่”

“ขอบคุณ”

……

หลังจากที่ถูกถังซินตัดสายโทรศัพท์ สีหน้าของมู่เฉินหย่วนเคร่งขรึมขึ้นมา

ในขณะที่คุยสายกันอยู่นั้น เขาฟังออกว่าเสียงของถังซินนั้นดูแปลกไป อีกทั้งยังร้องไห้ เขามั่นใจว่าเธอจะต้องพบเจอเรื่องอะไรมาอย่างแน่นอน ถึงได้บอกเลิกกันออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน