รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 330

บทที่ 330 ประธานมู่คุณอย่าทำให้คนอื่นกลัวเช่นนี้

ในขณะนี้เครื่องบินได้ขึ้นบินเรียบร้อยแล้ว เขาจึงถูกตัดสัญญาณโทรศัพท์ไปโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่สามารถติดต่อผู้ช่วยจางได้ จึงจำเป็นต้องยอมแพ้

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงเครื่องบินก็ได้ลงจอดที่สนามบินเมืองหนานเฉิง เมื่อมู่เฉินหย่วนออกมาถึงที่ห้องโถงใหญ่ของสนามบินและมองเห็นผู้ช่วยจางที่มารอรับ จึงเข้าไปเอ่ยถาม “เมื่อคืนตอนที่เธอไปเมืองหางซี มีผิดปกติตรงไหนมั้ย”

ผู้ช่วยจางเปิดประตูรถให้เขาขึ้น พลางพูดขึ้นอย่างเร็วว่า “คุณผู้หญิงมีท่าทางรีบร้อน เหมือนกับร้องไห้ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่ให้ผมช่วยติดต่อบริษัทสายการบินให้ และบอกว่าจะเหมาลำ”

เพราะว่าผู้ช่วยจางกังวลใจจึงเอาเรื่องที่ถังซินไปเมืองหางซีบอกกับมู่เฉินหย่วน

แต่ว่าเมื่อเห็นสีหน้าแบบนี้ของประธานมู่…

ผู้ช่วยจางจ้องมองไปยังมู่เฉินหย่วน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ประธานมู่ เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”

“เธอบอกเลิกฉัน” มู่เฉินหย่วนยังไม่ยอมขึ้นรถและเอ่ยกำชับด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ให้คนไปสืบมาหน่อย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนของเมืองหางซี เตรียมเครื่องบิน ฉันจะไปเมืองหางซี”

ผู้ช่วยจางยังใจลอยไปกับคำพูดที่เขาพูดไปเมื่อสักครู่ “คุณผู้หญิงกับคุณ……เลิกกัน? เพราะอะไร?”

“ถ้าฉันรู้ว่าเพราะอะไร ฉันยังจะมายืนอยู่จริงนี้มั้ย?” มู่เฉินหย่วนเริ่มอารมณ์ไม่ดี “ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นายได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย?”

“สืบ! ผมจะให้คนไปสืบ!” ผู้ช่วยจางหันหลังให้มู่เฉินหย่วนและเริ่มต่อสายโทรศัพท์ ในขณะเดียวกันยังเอื้อมมือไปหยิบมือถืออีกเครื่อง และจัดการหาเครื่องบินส่วนตัวมา

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ผู้ช่วยจางก็รายงานให้กับมู่เฉินหย่วนฟังว่า “หาที่อยู่ได้แล้ว เฉินคางกลับมาจากเมืองเย่นจิ่งแล้ว ผมจะให้เขาไปส่งประธานมู่ที่เมืองหางซี”

มู่เฉินหย่วนขมวดคิ้ว “ทำไมเขาถึงกลับมา?”

ผู้ช่วยจางลูบหน้า และพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เขาบอกว่าที่เมืองเย่นจิ่งพืชหญ้าไม่เจริญงอกงาม อยู่ที่นั่นทุกข์ยากมากเลย”

“ช่างมันเถอะให้เขารีบมา!” มู่เฉินหย่วนยังคงรู้สึกหงุดหงิดและร้อนรนใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าประชุมหนักจึงทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า เขาแทบอยากจะขับเครื่องบินไปเมืองหางซีด้วยตนเอง!

ทั้งสองคนลงไปรอที่ลานจอดเครื่องบิน ไม่นานเครื่องบินส่วนตัวก็มาถึง

“ประธานมู่ พี่ชาย” เฉินคางทักทายทั้งสองคน เผชิญหน้ากับพวกเขา โดยเฉพาะมู่เฉินหย่วน ทำให้เฉินคางรู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย

อย่างไรเขาก็เป็นคนของมู่เฉินหย่วน สุดท้ายก็ทรยศหักหลังกลางคัน และทำตามถังซิน

เดิมทีเมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากผู้ช่วยจาง ให้เขาพามู่เฉินหย่วนไปเมืองหางซี เขาอยากจะหาเหตุผลมาปฏิเสธ แต่กวนชิงเฟิงให้เขามา บอกว่าจะได้รู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของมู่เฉินหย่วน

พี่ใหญ่ไม่กลัวเขาเปิดเผยความจริงหรอ?

ผู้ช่วยจางหันมาเจอเขากำลังใจลอย จึงตบไปที่หน้าผากเขาหนึ่งที และพูดอย่างโมโหขึ้นว่า “ใจลอยอะไรอยู่ ไม่เห็นหรอว่าประธานมู่ขึ้นไปแล้ว? นายเป็นแบบนี้จะขับเครื่องบินได้ยังไง?”

เฉินคางไม่กล้ากระด้างกระเดื่อง เพียงแค่ลูบคลำไปบริเวณหน้าผากที่ถูกตี และรีบขึ้นเครื่องบินไป

เครื่องบินเป็นเครื่องบินขับขี่อัตโนมัติ บินไปตามเส้นทางการบินไปยังเมืองหางซี เฉินคางนั่งอยู่ด้านหน้าสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความหนาวเย็นที่โชยอยู่ภายในห้องคาบิน

หนาวเย็นมาก

เขาไอออกมา เพื่อทำลายบรรยากาศอันเงียบเชียบนี้ “ประธานมู่ คุณจะไปทำอะไรที่เมืองหางซี?”

มู่เฉินหย่วนพูดเอ่ยกับเขาออกมาสองคำ “หุบปาก!”

……

ไม่นานเครื่องบินส่วนตัวก็มาถึงเมืองหางซี และลงจอดที่ลานจอดบนดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง

หลังจากที่เฉินคางมองเห็นชื่อโรงแรม ก็จำได้ว่านี่เป็นหนึ่งในที่อยู่ปลอมที่กวนชิงเฟิงได้เตรียมไว้

ก่อนหน้านี้ที่เขากลับมาหากวนชิงเฟิงที่เมืองหนานเฉิง กวนชิงเฟิงได้ลักลอบเจาะเข้าไปในระบบกลุ่มข่าวกรองเล็กๆของบริษัทมู่ซื่อแล้ว จึงรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างชัดเจน และยังใช้วิธีการนี้ให้ข้อมูลข่าวสารของที่อยู่ปลอม

เมื่อนึกถึงน้องภรรยาที่เก่งมากคนนั้น เฉินคางถึงกับขนลุกขนพองไปทั้งตัว

เขาพูดกับตนเองอย่างเงียบๆว่า ใครก็ไม่กล้ายั่วโมโหน้องภรรยาคนนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆ!

เพราะว่าเป็นที่อยู่ปลอม เมื่อมู่เฉินหย่วนไปถามที่หน้าแผนกต้อนรับ แผนกต้อนรับกลับแสดงออกให้เห็นว่าไม่กี่วันมานี้ไม่มีผู้หญิงที่ชื่อถังซินมาเข้าพักเลย

มู่เฉินหย่วนทำหน้าเคร่งขรึมและต่อสายโทรศัพท์หาผู้ช่วยจาง

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็ไปหาตามที่อยู่ใหม่ที่ได้มา พร้อมกับเฉินคาง

ไม่มี

สืบหาที่อยู่ใหม่ และไปตามหาตามที่อยู่ใหม่

ก็ยังคงไม่มี

เขาไปตามหาถึงสามโรงแรมติดต่อกัน เมื่อไปถามที่แผนกต้อนรับทุกที่ต่างแสดงออกว่าไม่เคยได้ยินผู้หญิงที่ชื่อนี้มาก่อน และไม่เคยเห็นเธอ ถึงแม้ว่าบางโรงแรมจะให้ดูกล้องวงจรปิดแล้วก็ตาม

สีหน้าของมู่เฉินหย่วนแย่ลงมาก แย่จนดูไม่ได้ถึงขีดสุด แต่เขาก็ได้ค้นพบปัญหาที่ซ่อนอยู่

ทางด้านเฉินคางนั้นมีท่าทางที่เป็นทุกข์และหวาดกลัวมาก

ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี ประธานมู่คว้าน้ำเหลวไปถึงสามครั้งแล้ว ท่าทางที่แสดงออกมานั้นแย่มาก เขาจะสงสัยตัวเองมั้ย? ฝีมือในการแสดงของตนเองมีความลับอะไรเผยมามั้ย?

เฉินคางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คิดไม่ถึงว่าทันใดนั้นมู่เฉินหย่วนก็ได้เดินเข้ามา เฉินคางที่รู้สึกกดดันอยู่นั้นได้มีหยาดเหงื่อไหลออกมา จนอยากที่จะยกมือยอมจำนน สองขาของเขานั้นสั่นเครือ

อะไรวะเนี่ย!

พี่ใหญ่ได้กำจัดเอกสารสัญญาของเขากับบริษัทมู่ซื่อทิ้งหรือยัง?

“มู่ ประธานมู่…” ตอนนี้ประธานมู่ดูน่ากลัวมาก เฉินคางแทบจะรักษาสภาพเดิมของตนเองไว้ไม่ได้ จึงพูดอย่างติดอ่าง “คุณจะถามอะไรก็ถามมา อย่าทำให้คนอื่นกลัวเช่นนี้”

มู่เฉินหย่วนพูดอย่างหงุดหงิดขึ้นว่า “เอาโทรศัพท์นายมายืมใช้หน่อย ของฉันแบตใกล้จะหมดแล้ว เหลือไม่พอที่จะคุยโทรศัพท์”

ที่แท้ก็เพราะโทรศัพท์

เฉิงคางถอนหายใจ และรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งให้เขา “ประธานมู่ คุณน่าจะพูดว่าจะเอามือถือตั้งนานแล้ว ทำให้ผมหวาดกลัวจนแทบจะปัสสาวะราดแล้ว คุณเอาไปใช้ เอาไปใช้”

มู่เฉินหย่วนขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่แยแส “ทำงานกับฉัน ทำไมถึงขี้กลัวขนาดนี้? ขายขี้หน้า!”

……

เฉินคางยืนก้มหน้าเงียบๆอยู่อีกด้าน เขาแอบได้ยินมู่เฉินหย่วนเหมือนกับโทรศัพท์หาใครซักคน เพื่อให้เขาช่วยสืบเรื่อง

เมื่อได้ยินมู่เฉินหย่วนเรียกคู่สายว่าไอ้สี่ ร่างกายเขาก็สั่นเครือ

แย่แล้ว นั่นไม่ใช่น้องชายคนที่สี่ของประธานมู่หรอ!

ลู่เหวินซูมีความชำนาญในด้านคอมพิวเตอร์เช่นกัน บางครั้งระบบสืบราชการลับของตำรวจไม่สามารถสืบได้ ก็ต้องขอร้องให้เขาเป็นคนช่วย กวนชิงเฟิงจะสามารถสู้คู่ต่อสู้แบบนี้ได้มั้ย?

เฉินคางเหงื่อออกไปทั้งหัว เมื่อรอให้มู่เฉินหย่วนคุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย เขาอยากที่จะเอาโทรศัพท์คืนกลับมา

แต่มู่เฉินหย่วนเอ่ยขึ้นว่า “ให้ฉันยืมใช้ก่อน ฉันกำลังรอข่าวสาร กลับไปฉันจะชดใช้ให้ ทำไม นายรีบใช้หรอ?”

“ไม่ ไม่รีบใช้” เฉินคางรีบดึงมือกลับมา ละทิ้งความคิดที่จะส่งข่าวสารให้กับกวนชิงเฟิง

เขากลัวว่ายังไม่ทันที่จะส่งข้อมูลข่าวสารไป ก็ถูกมู่เฉินหย่วนจับได้ก่อนแล้ว

ทำได้เพียงแค่ภาวนาให้น้องภรรยาจะเก่งกว่านี้อีก

หลังจากที่มู่เฉินหย่วนได้รับข้อความจากลู่เหวินซู ก็หันตัวเดินออกไปด้านนอก เฉินคางจึงเดินตามเขาขึ้นไป

ทั้งสองคนนั่งรถแท็กซี่มาถึงที่วิลล่าหลังหนึ่งในชานเมือง หลังจากที่เข้าไปในบ้าน เฉินคางก็ได้กลิ่นเลือดจางๆ ข้างในบ้านมีความอุ่น เหมือนกับคนที่อยู่ที่นี่ออกไปได้ไม่นาน

หรือว่าก่อนหน้านี้เจ๊ใหญ่ได้อยู่ที่นี่?

เฉินคางมองไปที่มู่เฉินหย่วน จากนั้นก็ก้มหน้าเงียบ ไม่เอ่ยปากพูดออกมา

มู่เฉินหย่วนหยิบผ้าพันคอที่อยู่บนโซฟาขึ้นมา เขาแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ที่อยู่ปลอม ถังซินเคยมาที่นี่

นี่คือผ้าพันคอที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่นก็ใช้อยู่ตลอด

และเขาก็ได้กลิ่นเลือดที่ยังคงกระจายอยู่ในบ้าน ยิ่งทำให้เขาร้อนใจมากขึ้น กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับถังซิน มู่เฉินหย่วนและเฉินคางได้เสาะหาอยู่ในบ้านจนไปเจอกับข้อมูลของคุณหมอและพยาบาล

หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลในเมือง มู่เฉินหย่วนก็ตามหาคุณหมอคนนั้น เอารูปของถังซินให้เขาดู

หลังจากที่รู้ฐานะทางสังคมของมู่เฉินหย่วน คุณหมอถึงได้บอกกับเขาว่าเมื่อคืนถังซินได้โทรศัพท์มาหาหมอ คุณหมอจึงพาพยาบาลไปที่วิลล่าด้วยหนึ่งคน และทำแผลให้กับผู้ชายคนหนึ่ง

มู่เฉินหย่วนหรี่ตาและเอ่ยถามว่า “ผู้ชายได้รับบาดเจ็บหรอ?”

“ใช่ครับ เขาเหมือนกับโดนคนแทงมาเกือบสิบกว่าที บาดเจ็บสาหัส” คุณหมอหวนกลับไปคิดและเอ่ยขึ้นว่า “เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นเห็นบาดแผลของเขา จึงใช้มือปิดตาเธอไว้”

“เขาชื่ออะไร?”

เหมือนกับจะชื่อ”หลินเฉิงจี๋” คุณหมอได้เอ่ยขึ้น โดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าและท่าทางที่เปลี่ยนไปของมู่เฉินหย่วน “แต่ว่าภายนอกเขาดูมีเอกลักษณ์ มีดวงตาสองคู่เป็นสีฟ้า น่าจะเป็นลูกครึ่งมั้ง?”

เพื่อความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล มู่เฉินหย่วนจึงเอารูปใบหนึ่งให้เขาดู “ใช่เขามั้ย?”

คุณหมอดูที่รูปและพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “ใช่ เป็นเขา!”

ในเวลานี้ ลู่เหวินซูก็ได้ส่งข้อความมาบอกเขาว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของหลินเฉิงจี๋ที่เคยซื้อไว้

แววตาของมู่เฉินหย่วนเคร่งขรึมและดุร้าย ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของความหวาดกลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน