รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 338

บทที่ 338 เลิกล้อเล่นได้แล้ว

สุดท้ายโมมอยอี้ก็ทนไว้ไม่ไหว ซบไหล่ของเขาและร้องไห้เสียยกใหญ่ พ่อบ้านที่คอยรับต่างออกกันไปอย่างรู้ความ

คุณท่านมู่ปวดใจเป็นอย่างมาก และคอยลูบหลังปลอบใจเธออยู่ตลอด

รอจนกระทั่งโมมอยอี้ร้องไห้จนพอแล้ว คุณท่านก็พาเธอเข้ามาในห้องรับแขก คุณท่านพาเธอเข้ามานั่ง ทั้งเอ่ยถามขึ้นอย่างทรมานใจ “สาวน้อย ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอไปอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้”

โมมอยอี้เช็ดน้ำตา ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว “ครั้งนั้นฉันจะไปร่วมงานเลี้ยงกับซือหนานค่ะ ผู้จัดงานจัดขึ้นเพื่อการลงทุนของโครงการหนึ่ง งานเลี้ยงครั้งนั้นฉันได้พบกับโบแนร์-อเล็กซ์เลียร์...”

คุณท่านมู่คิ้วขมวด “ตระกูลอเล็กซ์เลียร์จากประเทศYนั่นรึ”

โมมอยอี้พยักหน้า

เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณท่านมู่ฟัง รวมทั้งเรื่องที่เธอมายังเมืองหนานเฉิงนี่ด้วย หลังจากที่นำเลือดออกจากสมองได้หมดจนความทรงจำฟื้นคืนขึ้นมา ก็ได้แอบมาหามู่เฉินหย่วนอยู่บ่อยครั้ง

คุณท่านมู่กระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะตัวสั่นด้วยความโกรธ “นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว ตอนนั้นฉันน่าจะสืบสาวเรื่องต่อ หากได้รู้เป็นฝีมือของตระกูลอเล็กซ์เลียร์ ฉันกับพวกเขาจะต้องตายกันไปข้าง”

ถ้วยชาแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะตกไปที่พื้น

โมมอยอี้กลัวว่าอาการตื่นตระหนกนั้นจะส่งผลต่อร่างกายของเขา จึงรับเอ่ยปรามเขาทันที “คุณพ่อคะ ไม่เป็นอะไรแล้ว ทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว คุณพ่อต้องห่วงร่างกายก่อนนะคะ”

คุณท่านมู่หันกลับมามองเธอ น้ำตาร่วงหล่นเป็นสาย “สาวน้อย พ่อช่วยเธอไว้ไม่ได้ หากตอนนั้น... พ่อเพียงสนใจการพาเฉินหย่วนกลับมา สนใจเพียงเรื่องของบริษัทมู่ซื่อ...”

โมมอยอี้ส่ายหน้า “คุณพ่ออย่าพูดแบบนั้นนะคะ ฉันรู้ว่าคุณพ่อเลี่ยงมันไม่ได้ ต่อให้คุณพ่อตรวจพบ ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะไม่ให้คุณพ่อไปตามหาฉันหรอกค่ะ”

คุณท่านมู่กุมมือของเธอไว้ ทั้งถอนหายใจเสียยืดยาว

โมมอยอี้ไม่อยากให้เขากังวลใจแทนเธอ จึงเปลี่ยนไปถามเขาเรื่องอื่นแทน “คุณพ่อคะ ซือหนานล่ะคะ”

“ซือหนาน เขา...” คุณท่านมู่เหลือบสายตามองเธอ สายตาดุดันอย่างไร้ความปรานี

ใจโมมอยอี้สั่นระรัว ก่อนจะไต่ถาม “โบแนร์ลงมือกับเขาหรือคะ”

คุณท่านมู่กล่าวด้วยความทรมาน “เขาโทรมาหาฉัน บอกให้ฉันไปหาเขา แต่ตอนที่ฉันไปกลับพบว่า... เขาฆ่าตัวตายด้วยปืน ทั้งยังต่อหน้าต่อตาเฉินหย่วน”

ดวงตาของโมมอยอี้เบิกโพลง คิดไปว่าเขากำลังล้อเธอเล่น

“เขาน่าจะรู้เรื่องที่เธอถูกโบแนร์พาตัวไป ทั้งยังไร้กำลังที่จะพาเธอกลับมา ดังนั้นถึงได้สิ้นหวัง” คุณท่านมู่กล่าวเรื่องเหล่านี้ออกมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไปทั้งใจจนเกินจะทน

“ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้...” โมมอยอี้พึมพำ เธอไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้ “โบแนร์สัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่ลงมือกับเขา เขาจะตายได้อย่างไรกัน เขาไม่มีทางตายได้...”

คุณท่านมู่ไม่ได้อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้ แต่ก็เลี่ยงที่จะไม่พูดไม่ได้ “สาวน้อย นี่คือเรื่องจริง ฉันไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหกเธอเลย เฉินหย่วนเห็นพ่อของเขาฆ่าตัวตาย ก็ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนแทบเสียสติ ฉันกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป จึงให้คนมาสะกดจิตเขา โชคยังดีที่เขาไม่เป็นอะไร เติบโตขึ้นมาได้ดีเหมือนกับพ่อของเขา”

โมมอยอี้กุมใบหน้าและร้องไห้อย่างหนักหน่วง น้ำตาไหลมาตามร่องนิ้ว ทั้งโศกเศร้าทั้งสิ้นหวัง

เธอคิดว่าที่ทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปี สามีและลูกชายจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่หลังจากที่ความทรงจำกลับมา ทั้งยังได้มารับรู้ความจริงที่น่าหดหู่นี้อีก

“ทำไมเขาถึงได้ทิ้งฉันได้ลงคอ...” โมมอยอี้ร่ำร้องด้วยความสิ้นหวัง “ราวที่ฉันทำลงไปทั้งหมดมันจะมีความหมายอะไรกัน ให้ตายเสียยังจะดีกว่า”

“อย่าพูดอะไรโง่ๆ แบบนี้นะสาวน้อย” คุณท่านมู่เอ่ยปลอบใจเธอ “ในคราแรกฉันคิดว่าพวกเธอตายกันไปหมดแล้ว อยู่มาจนผมเปลี่ยนเป็นสีขาว ตอนนี้ก็ได้เห็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ดีแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามีความสุขเท่าไหร่ แต่เฉินหย่วนจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่”

“คุณพ่อ ไม่เอานะคะ” โมมอยอี้รีบจับมือของคุณท่านมู่ไว้แน่น และเอ่ยขอร้องเขา “ให้ทำเป็นว่าฉันตายแล้ว อย่าได้บอกเขา แค่นี้เขาก็ทรมานมามากพอแล้ว”

“เธอคือแม่ของเขา...”

โมมอยอี้ส่ายหน้า และกล่าวทั้งน้ำตา “แค่ได้เห็นเขาโตเป็นผู้ใหญ่แค่นั้นก็ดี และฉันก็มีความสุขมากพอแล้วค่ะ ฉันไม่อยากให้เขามารับรู้เรื่องพวกนี้ ขอร้องล่ะค่ะ อย่าบอกเขาเลย”

คุณท่านมู่รู้สึกปวดใจกับเธอ “เขาจะต้องเข้าใจเธอ ได้เพียงมองอยู่ไกลๆ เธอพอใจแล้วอย่างนั้นรึ”

โมมอยอี้ทำได้เพียงส่ายหน้าไม่หยุด

มันไม่ง่ายเลยที่คุณท่านมู่จะแทรกความคิดของเธอได้ ในตอนที่กำลังจะพูด ประตูก็ถูกเปิดออก เป็นมู่เฉินหย่วนที่เดินเข้ามา เขาเห็นในทันทีว่าห้องรับแขกนั้นมีคนอยู่

ทันทีที่โมมอยอี้เห็นเขา ก็ร้อนรนแต่ไม่มีที่ให้ซ่อนตัวแม้แต่นิด

สายตาของมู่เฉินหย่วนมืดครึ้ม แต่ก็ส่งเสื้อคลุมให้กับคนรับใช้ไป เปลี่ยนรองเท้า แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องรับแขก ตาคมจับจ้องไปที่โมมอยอี้

“เฉินหย่วน หลานกลับมาได้อย่างไร” คุณท่านมู่ทักทายเขา นึกอยากจะพาเขาออกไป “คงหิวแล้วใช่ไหม พ่อเองก็หิวแล้ว พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ”

“จะทานข้าวต้องรอก่อน” มู่เฉินหย่วนยืนหลังตรง จดจ้องไปที่โมมอยอี้ และเอ่ยเสียงเย็น “เธอเป็นแขกของพ่อหรือ”

คุณท่านมู่พยักหน้า “ใช่ๆ แขก พวกเราคุยกันจบแล้ว และเธอกำลังจะไปพอดี”

มู่เฉินหย่วนคิ้วขมวด “แล้วเธอร้องทำไม”

“อ่า นั่น นั่น...” คุณท่านมู่ถึงชะงักไปอึดใจ ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้น “ความจริงเธอเป็นบริษัทซัพพลายเออร์ แจ้งราคามามากเกินไป เลยโดนพ่อด่าจนร้องไห้”

โมมอยอี้เช็ดน้ำตา และรีบลุกขึ้นจากโซฟา “คุณท่านมู่ รบกวนคุณแล้วค่ะ...”

เธอรีบร้อนที่จะเดินออกไป แต่ก็ถูกมู่เฉินหย่วนจับแขนของเธอเอาไว้

“ผมได้ยินเสียงของคุณแล้ว” สายตามืดครึ้มของมู่เฉินหย่วนจดจ้องไปที่เธอ “คุณเคยโทรมาหาถังซินก่อนหน้านี้ ชื่อโมมอยอี้ คุณเป็นแม่ของหลินเฉิงจี๋”

“คุณได้ยินผิดแล้ว ฉันไม่ใช่” โมมอยอี้ฝืนยิ้มออกมา ทั้งจงใจกดเสียงให้ต่ำลง

มู่เฉินหย่วนแสยะยิ้ม และกล่าวอย่างเย็นชา “การฟังของผมไม่มีปัญหา คุณมาที่ตระกูลมู่ทำไม หลินเฉิงจี๋ให้คุณมาหรืออย่างไรกัน”

โมมอยอี้ไม่กล้าพูด อยากจะผลักเขาให้หลบและรีบหนีไป แต่แขนกลับถูกจับไว้แน่น

“พอแล้ว เฉินหย่วนปล่อยมือ” คุณท่านมู่ส่งเสียงขึ้น เขาทำราวกับไม่เห็นสายตาอ้อนวอนของโมมอยอี้ เขาถอนหายใจ “เธอคือแม่ของแก”

มู่เฉินหย่วนชะงัก

เขาจ้องโมมอยอี้ ถามคุณท่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พ่อจะแต่งกับเธอหรือ”

คุณท่านมู่ถลึงตาใส่เขา และกล่าวอย่างโมโห “พูดบ้าอะไร เธอคือแม่แท้ๆ ของแก ฉันก็เป็นพ่อแท้ๆ ของพ่อแก เปลี่ยนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“....”

มู่เฉินหย่วนปล่อยโมมอยอี้ คิ้วของเขาขมวดนิ่ว “พ่อ เลิกล้อเล่นได้แล้ว”

คู่หมั้นเขาหนีไปกับคนอื่นแล้ว อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ดีจริงๆ

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น” คุณท่านมู่สีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่สนคำเอ่ยห้ามจากโมมอยอี้ เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้มู่เฉินหย่วนฟัง ไม่ตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว

โมมอยอี้ปิดปากเอาไว้ และร้องไห้อยู่เงียบๆ

มู่เฉินหย่วนยืนฟังอยู่ตรงนั้น ใบหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มในที่สุด จนห้องรับแขกนี้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศมาคุ

เมื่ออธิบายจนจบ สีหน้าของคุณท่านมู่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และถอนหายใจ “ฉันต้องขอโทษพ่อของแกด้วย ตอนนั้นฉันน่าจะพาพวกแกทุกคนกลับมา จะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

มู่เฉินหย่วนกลับมีท่าทีสงบนิ่ง และกล่าวเพียง “ผมเห็นผลตรวจDNAแล้ว ผมไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อ”

“ฉันรู้ว่าน้องสี่แกกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ จึงให้คนไปเปลี่ยนผลตรวจ” คุณท่านมู่กล่าว “ฉันกลับว่าแกได้เห็นผลตรวจDNAนั้นแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายกับแกอย่างไร”

มู่เฉินหย่วนกำกางเกงแน่น

เขาหันไปมองโมมอยอี้ที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด “นี่คือเรื่องจริง หรือเป็นแค่การเล่นละครของคุณกับหลินเฉิงจี๋”

โมมอยอี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร สุดท้ายก็เอ่ยได้เพียงว่า

“ขอโทษ”

คุณท่านมู่เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ไหว “นี่ไม่ใช่ความผิดของแม่แก อย่าได้โทษเธอ เฉินหย่วน...”

มู่เฉินหย่วนไม่ได้โกรธ แต่ก็ไม่มีท่าทีอะไร ใบหน้ายังคงมืดครึ้ม เขาไม่ได้ยินว่าคุณท่านมู่พูดว่าอะไร เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อบอกให้เย่นจิ่งเหนียนมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน