รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 337

บทที่ 337 ฉันต้องการนาย

ในที่สุดเธอก็เลือกเวลาที่นาน แต่เป็นตั๋วตรงไปประเทศF ที่เลือกเช่นนี้ก็เพื่อร่างกายของหลินเฉิงจี๋ และกลัวว่าหากนั่งเครื่องบินจะถูกคนของมู่เฉินหย่วนตรวจเจอ

สองวันมานี้หลินเฉิงจี๋เอาแต่เงียบขรึม และปล่อยเธอเป็นคนนำทาง ไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนถังซินรู้สึกว่าตัวเองนั้นพามาเพียงแต่ร่างของเขา ในใจจึงเศร้าอย่างมาก

เมื่อขึ้นเรือเป็นที่เรียบร้อย ถังซินรับน้ำอุ่นมา ก่อนจะส่งยาให้กับเขา

เมื่อเห็นเขารับยาไปโดยไม่หือไม่อือ ถังซินก็เริ่มทนไม่ไหว “หลินเฉิงจี๋อย่าเป็นแบบนี้ ฉันทนไม่ไหวแล้ว นายมีอะไรก็พูดมาเลย อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้”

เธอไม่ชอบที่เขาเป็นเช่นนี้ มันไม่ต่างจากคนตายเลย

หลินเฉิงจี๋หันมองไปนอกหน้าต่าง มองท้องทะเลสีฟ้า และผืนทะเลที่เป็นประกายระยิบระยับ

หลังจากที่เงียบนิ่งไปชั่วครู่ เขาก็เอ่ยตอบเสียงแผ่วขึ้นมา “ไม่ต้องไปตามหาห้องปฏิบัติการแล้ว พาผมไปเที่ยวรอบๆ เถอะ ร่างกายผม ผมรู้ดี ไปก็ไม่มีประโยชน์”

เขาเพิ่งจะทานยาเท่านั้น แต่กลับไอขึ้นมาอย่างรุนแรง

ฝ่ามือนั้นเต็มไปด้วยเลือด

ถังซินรีบใช้ทิชชูเช็ดมือเขา ด้วยกระบอกตาที่เริ่มร้อนผ่าว “จะต้องมีประโยชน์สิ ไม่แน่พอพวกเราไป งานวิจัยของพวกเขาอาจจะได้รับผมสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้”

“นายเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ เท่านั้นนะ จะตายได้อย่างไรกัน” ถังซินจับมือของเขาไว้มั่น และกล่าวอย่างขอร้อง “เพื่อฉันก็ได้ อย่าคิดมากเลยนะ ฉันแค่อยากให้นายใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

มือของหลินเฉิงจี๋ลูบแก้มของเธอ

ทั้งอ่อนนุ่มและลื่นมือ

เธอยังคงเป็นเธอแบบในตอนที่พวกเขารู้จักกัน ราวกับไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย แต่มีความมั่นใจยิ่งขึ้น สามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีเขาคอยดูแลอีกแล้ว

มู่เฉินหย่วนพูดถูก เป็นเขาที่คิดว่าถังซินอ่อนแอเกินไป เธอไม่สามารถถูกจับคงเอาไว้ในกรงได้ตลอดไป

“เป็นความผิดของผม เป็นผมที่กลัวเกินไป” หลินเฉิงจี๋กล่าวเสียงแหบ “ผมกลัวว่าพี่จะลงมือกับคุณ แต่คุณกลับมีความคิดที่กล้าหาญกว่าผม กล้าที่จะเผชิญกับทุกอย่าง”

เขาไม่ได้ชี้นำเธอให้ดี ทั้งยังผลักไสเธอไปเสียอีก

จนทำให้พวกเขาพลาดกันไป

ถังซินส่ายหน้า “ไม่ใช่ นายปกป้องฉันมาตลอด เพราะการปกป้องของนาย ฉันถึงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในตอนนี้ฉันเองก็ต้องการนายมากเหมือนกัน”

“ผมอยู่ได้อีกไม่นาน”

ถังซินรีบยกนิ้วขึ้นทาบปากเขา แววตาทั้งเศร้าสร้อยแต่ก็มุ่งมั่น “นายจะมีชีวิตไปอีกร้อยปี พอนายดีขึ้น ก็พาฉันไปเล่นสกีดีหรือไม่ นายบอกเองนี่ ว่าจะสอนฉันเล่นสกี”

หลินเฉิงจี๋หัวเราะ

เขารู้ ถังซินเลิกกับมู่เฉินหย่วนเพื่อพาเขาออกมา ไม่ใช่เพราะรักเขา เป็นเพราะเขากำลังจะตายต่างหาก นี่เป็นเพียงความสงสารของเธอเท่านั้น

คำพูดพวกนี้ก็ใช้เพื่อเกลี้ยกล่อมเท่านั้น

“อือ รอผมหายก่อนแล้วจะสอนคุณ” หลินเฉิงจี๋กุมมือของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น “ผมยังต้องพาคุณไปเที่ยวรอบโลก เพื่อดูทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดอีกด้วย”

ถังซินยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง “แน่นอน ฉันจะรอ”

“อือ”

หลังจากนั้นหลินเฉิงจี๋ก็อารมณ์ที่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้เอาแต่นิ่งเงียบ และหันมาคุยกับเธอมากขึ้น ถังซินจึงได้ลดความกังวลใจลงมา

ตอนเที่ยงถังซินพาหลินเฉิงจี๋ไปห้องอาหารเพื่อทานอาหาร

บนเรือนั้นก็มีอาหารกลางวัน แต่มันไม่ได้ปรุงโดยพ่อครัวคนจีน อาหารสุกเพียงสามในสี่ส่วน ทั้งยังเหม็นเล็กน้อย

ถังซินทานไปได้ไม่เท่าไหร่ก็อ้วกออกมา ภายในท้องราวกับว่ารับมันไม่ไหว อยากจะปลีกตัวไปห้องน้ำ แต่เพียงหันหน้าไป ก็ต้องรีบคว้าถังขยะและอ้วกไปในทันที

หลินเฉิงจี๋เดินมาลูบหลังให้กับเธอ ใบหน้าเป็นกังวล “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

ถังซินส่ายหน้า “ไม่เป็นไร คงไม่คุ้นชินกับอาหารบนเรือนี้มากกว่า”

หลินเฉิงจี๋ส่งน้ำให้กับเธอ รอจนสีหน้าของเธอดีขึ้น หลังจากนั้นก็เลือกพนักงานมา และก้มลงกระซิบข้างๆ หูของเขาอยู่สองสามประโยค

ถังซินหันมาเห็นพอดี จึงเอ่ยถามเขา “นายวานเขาทำอะไรหรือ”

“ขอให้เขาทำอาหารเที่ยงให้ใหม่”

“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก ฉันทานอย่างอื่นก็ได้”

หลินเฉิงจี๋กล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่ได้ เธอทานไม่ได้ก็เปลี่ยน อย่าทานอะไรที่ไม่สบายท้องเลย”

ถังซินทำได้เพียงตามเขาไป

สิบนาทีให้หลัง พนักงานก็นำอาหารจีนมาเสิร์ฟอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหารหรือไม่ แต่อาหารครั้งนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นแล้ว ทั้งยังมีรสเผ็ดที่กำลังพอดี ถังซินทานอย่างอิ่มหนำ อาหารครั้งนี้คงอร่อยทีเดียว

เมื่อทานเสร็จ หลินเฉิงจี๋ก็ส่งการ์ดให้กับพนักงาน

พักงานรูดบัตรไปสองครั้ง แต่ก็ยังรูดไม่ผ่าน จึงได้นำบัตรกลับมาอีกครั้ง “คุณผู้ชายครับ บัตรของคุณรูดไม่ได้ครับ”

“ลองอีกครั้งสิ” หลินเฉิงจี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่คือบัตรที่ฉันใช้อยู่เป็นประจำ”

พนักงานลองรูดอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ผ่าน

“ใช้ของฉันค่ะ” ถังซินส่งบัตรของตัวเองให้กับพนักงาน ก่อนจะกล่าวหยอกล้อกับหลินเฉิงจี๋ “นายคงรูดเกินวงเงินแล้วกระมัง ถึงได้ลืมว่าข้างในนั้นไม่มีเงินแล้ว”

หลินเฉิงจี๋กล่าวอย่างมั่นใจ “ไม่มีทาง ข้างในนั้นมีอยู่อย่างน้อยสิบล้านได้”

“.....”

หลังจากที่เดินออกมาจากห้องอาหาร หลินเฉิงจี๋ตัดสินใจยืมโทรศัพท์ของทางเรือ เมื่อต่อสายติด ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร สีหน้าของเขาถึงได้ย่ำแย่ลง

เมื่อวางสายไปแล้ว เขาจึงหันมาพูดกับถังซิน “บัตรทั้งหมดที่ผมมีถูกระงับแล้ว”

“เป็นฝีมือพี่ชายของคุณหรือ”

“นอกจากเขาแล้ว ก็คงไม่มีใครทำเรื่องใหญ่แบบนี้ได้แล้ว” หลินเฉิงจี๋ก็ต่อสายอีกครั้ง “ผมจะให้จงเซิงมา”

ถังซินหยุดมือของเขาไว้ “เขาวิ่งไปวิ่งมาจนเหนื่อยแล้ว รอจนไปถึงประเทศFแล้วค่อยโทรหาเขาจะดีกว่า อย่างไรบัตรของฉันก็ยังใช้ได้นี่ ก็ใช้ของฉันไปก่อน”

เธอลากหลินเฉิงจี๋ให้ตามมาอย่างดึงดัน “เอาล่ะ กลับห้องไปพักผ่อนกันดีกว่า”

หลินเฉิงจี๋ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยเท่านั้น

หลังจากที่พาหลินเฉิงจี๋กลับห้องมาอย่างทุลักทุเล เมื่อเห็นเขาหลับสนิทแล้ว ถังซินจึงได้เดินออกไปอย่างเบาเท้า และเดินมายังดาดฟ้าของข้างนอกตัวเรือ

ลมพัดแก้มของเธอจนเจ็บ นั่นทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย

เธอมองท้องทะเลสีฟ้าใส พลางนึกคิดอย่างเหม่อลอย การเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้จี้เจียจื้อได้รู้หรือไม่ มู่เฉินหย่วนเป็นอย่างไรบ้างที่เมืองหนานเฉิง กวนชิงเฟิงได้ดูแลเขาให้ดีหรือไม่

ตอนนี้นอกจากอาการป่วยของหลินเฉิงจี๋ สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือจี้เจียจื้อจะบอกเรื่องทั้งหมดกับมู่เฉินหย่วน

แต่เธอก็หวังว่าสิ่งที่เธอวางแผนนั้นจะยังไม่สายเกินไป

ถังซินคิดไปมาหลายตลบ ทั้งยังไหว้วานกวนชิงเฟิงและเฉินคางให้เป็นธุระให้ แต่คิดไม่ถึงว่าจี้เจียจื้อจะได้ส่งข่าวคราวนี้ไปยังตระกูลมู่ก่อนแผนการของเธอตั้งนานแล้ว

ตระกูลมู่ ——

คุณท่านมู่ได้อ่านจดหมายที่ไม่มีชื่อจ่าหน้ามาแล้ว ก็นิ่งเงียบไปเสียเนิ่นนาน

เขารู้ว่าผู้ที่ส่งจดหมายมานั้นย่อมมีส่วนรู้เห็นเป็นแน่ แต่เรื่องที่ลูกสะใภ้นั้นยังคงมีชีวิตอยู่นั้น สั่นคลอนใจของเขาได้มากนัก จนทำให้เขาสงบจิตสงบใจไม่ได้

หลังจากนั้น เขาก็โทรออกไปตามเบอร์ที่แนบมากับจดหมาย

“สวัสดีค่ะ ใครคะ” สายถูกรับโดยไว น้ำเสียงที่สุภาพอ่อนโยนและคุ้นเคยนั้นทำคุณท่านน้ำตาเกือบจะไหลอยู่รอมร่อ

“สาวน้อยหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงสั่น “ใช่สาวน้อยเสี่ยวอี้หรือไม่”

ปลายสายเงียบไปอึดใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องไห้เงียบๆ ดังขึ้นที่ปลายสาย “คุณพ่อ...”

คุณท่านมู่ปานสั่นระริก “สาวน้อย เธอยังมีชีวิตอยู่”

ร่างกายของคุณท่านมู่นั้นไม่ค่อยสบาย ไม่สะดวกที่จะออกไปไหนได้ เขาเอ่ยรบเร้าไปมา จนโมมอยอี้เห็นด้วยในท้ายที่สุด จึงได้รีบส่งคนไปรับทันที

เขารอคอยอยู่ที่ห้องรับแขกอย่างร้อนรน หลังจากนั้นประมาณยี่สิบกว่านาที ทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดับลงที่ข้างนอกประตู เขาจึงออกไปรอข้างนอกอย่างอดไม่ไหว

เมื่อมองออกไปนอกห้อง ไกลๆ นั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินมากับพ่อบ้าน สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำ ใบหน้าสด ดวงตาคู่นั้นที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

หลังจากที่โมมอยอี้เห็นคุณท่านมู่ ก็เม้มริมฝีปากแน่นและไม่ได้พูดอะไร

จนกระทั่งเข้ามาใกล้ หลังจากที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ไหล่ของโมมอยอี้ก็ไหวสั่น น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบๆ คุณท่านมู่กอดเธอเอาไว้ด้วยความรู้สึกทรมานใจ “สาวน้อย เหนื่อยแย่เลยนะ...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน