รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 371

บทที่ 371 ตอนนี้ กติกาของเกมเปลี่ยนไปแล้ว

อเล็กซ์เลียร์มีช่างตัดผ้าประจำตระกูล พักอยู่ที่ทางด้านตะวันออกของคฤหาสน์ คนรับใช้เป็นคนรับไปทางนั้นเพื่อนำมันมา

เดรสถูกออกแบบมาอย่างสูงส่งหรูหรา ตัวกระโปรงฟูฟ่องมีหลายชั้น ชายกระโปรงนั้นหนักอย่างแสนสาหัส

คนรับใช้ที่เห็นเอวคอดของถังซิน ก็ยังนำรัดทรงมาให้ ถังซินตื่นกลัวจนหน้าซีด รีบบอกทันทีว่าตัวเองไม่ต้องการ จัดวางกระโปรงให้เรียบร้อยและออกไปทันที

หากใส่อันนี้เข้าไปด้วย ลูกของเธอต้องแย่แน่

เมื่อออกมาจากห้องนอน ถังซินถึงได้เห็นว่าชั้นสองนั้นกว้าง จนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของสองข้างของทางระเบียงนี้ด้วยซ้ำ

เธอเหยียดขาที่เริ่มปวดเมื่อย และเดินทางซ้ายของระเบียง

เด็กนายที่อยู่ในบ้านที่ใหญ่โตเช่นนี้จะเติบโตมาอย่างไรกันนะ

ถังซินบ่นพึมพำ สายตากวาดมองภาพน้ำมันที่อยู่บนฝาผนัง นอกจากภาพวาดที่น่าสนใจในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาแล้ว เธอก็ยังเห็นภาพวาดน้ำมันของคนอีกหลายภาพ

รูปแรกคือเด็กชายสองคน คนหนึ่งตัวสูงคนหนึ่งตัวเล็ก ทั้งตอนเล่น ตอนเรียนต่างถูกวาดลงบนพื้นกระดาษทั้งหมด หลังจากนั้นก็มีเพียงชายผมน้ำตาสีฟ้าเพียงคนเดียว ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งมีเสน่ห์

ถังซินมองออกว่าผมสีดำตาสีฟ้านั้นคือหลินเฉิงจี๋ และรูปภาพของเด็กชายสองคนที่อยู่ในภาพเดียวกันก่อนหน้านี้ เด็กชายอีกคนหนึ่งน่าจะเป็นจี้เจียจื้อ

“คุณถัง สนใจภาพสีน้ำมันหรือครับ”

ไม่รู้ว่าจี้เจียจื้อนั้นโผล่ขึ้นมาตรงหน้าของถังซินตอนไหน เสียงที่แทรกขึ้นมานั้นขัดจังหวะการชมภาพของเธอ

“ไม่ใช่ความสนใจหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าฝีมือคนวาดยอดเยี่ยมมากเลย” ถังซินกวาดสายตามองเขา และหันกลับมามองภาพน้ำมันอีกครั้ง “ทุกภาพนั้นตรึงตรามากทีเดียวค่ะ”

เหมือนว่าจี้เจียจื้อจะแค่นเสียงขึ้นมา เขาเดินมาทางถังซิน ยิ่งเดินก็ยิ่งใกล้ แววตาทอประกายเย็นเยียบ แต่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของคุณชายผู้สูงศักดิ์

เขาเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “ผมได้ยินมาว่า ประธานมู่ไปรับน้องสาวของเขาที่โรงแรม ทั้งยังไล่คุณออก น้องสาวของประธานมู่ก็เป็นน้องสะใภ้ของคุณ คุณไม่ปวดใจหรือ ไม่กลับไปปลอบใจหน่อยหรือ”

“มีเพียงเราสองเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเลย” สีหน้าของถังซินเรียบนิ่ง ไม่ได้ตื่นเต้นตามเขาไป “มีประธานมู่อยู่เคียงข้างเธอ ฉันก็สบายใจค่ะ ไม่จำเป็นต้องกลับไปสักนิด และฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำยิ่งกว่าอีกด้วย”

“เช่น”

ถังซินหันกลับมามองเขา ริมฝีปากสีชาดยกยิ้มขึ้น “คุณกล้าที่จะสนใจเกมขนาดนี้ ฉันย่อมอยากเล่นด้วยอยู่แล้วค่ะ”

จี้เจียจื้อได้ยินเสียงที่เรียบนิ่งของเธอ ซึ่งแตกต่างจากน้ำเสียงสั่นด้วยความเดือดดาลของหญิงสาวในปลายสายโทรศัพท์ราวกับคนละคน ราวกับเหมือนไม่เห็นตัวเขานั้นในสายตา ราวกับกำลังดูถูกเขาอย่างไรอย่างนั้น

ใบหน้าของเขาแข็งกร้าว จับไหล่ของถังซินชนเข้ากับผนังอย่างแรง

“คุณคิดว่าการที่คุณกลับมากับไอ้เวรนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างนั้นหรือ” แววตาของจี้เจียจื้อทอประกายดุดัน ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ เธอ “กติกาเกมนี้ผมเป็นคนกำหนดขึ้น เกมจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผม”

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเย็นวาบและเจ็บแปลบขึ้นมาที่ลำคอในขณะที่กำลังพูด

ถังซินชูกำปั้นมือขวาขึ้น มีเข็มที่ซ่อนแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางโผล่ออกมาทิ่มที่คอของเขา ขยับเพียงนิดเดียวก็ทิ่มเข้าไปในของเขาได้ในทันที

ถังซินเงยหน้ามองเขา และเอ่ยเตือน “หากคุณกล้าเรียกเขาว่าไอ้เวรอีกครั้ง ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน คุณก็รู้นี่ว่าพ่อของคุณเข้าข้างหลินเฉิงจี๋ขนาดไหน และฉันที่เป็นแฟนของหลินเฉิงจี๋ คุณว่าในขณะที่คุณหลับ ฉันลอบเข้าไปในห้องของคุณ ถอดเสื้อผ้าของคุณ และพวกเราทั้งสองก็นอนหลับบนเตียงเดียวกัน คุณพ่อของคุณมาเห็นเข้าจะทำอย่างไรกันนะ”

จี้เจียจื้อกดน้ำหนักลงที่ไหล่ของเธอแรงขึ้น “คุณถังช่างใจกล้าเสียจริงนะ”

“ทุกคนนั้นเหมือนกัน” ถังซินหลุดหัวเราะขึ้นมา “ฉันโง่ คงเล่นสู้คุณชายไซเลส์ไม่ได้หรอกค่ะ ลงหมากอยากลับๆ บนกระดานใหญ่นี้ เพื่อขโมยชีวิตของหลินเฉิงจี๋”

เงียบไปอึดใจ และเธอก็กล่าวขึ้นต่อ “แต่ที่ประเทศของฉัน มีคำกล่าวว่า สายลมและสายน้ำย่อมเปลี่ยนทิศ และเกมตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในมือของคุณ กติกามันเปลี่ยนแล้ว”

จี้เจียจื้อหรี่ตาจ้องเขม็งอย่างดุดัน “คุณถัง คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว เช่นน้องสาวของคุณเลยหรือ”

ใจของถังซินตื่นตระหนก แต่ก็รีบข่มตัวเองเอาไว้และตอบเขาไป “คนเราไม่ได้มองเพียงที่จุดจุดเดียวหรอก ฉันกล้าที่จะมาประเทศYกับหลินเฉิงจี๋ นั่นก็เพราะได้เตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว”

“คุณถังไม่กลัวจริงๆ หรือ”

“คุณจะลองดูก็ได้” ถังซินกล่าว เข็มที่ฝังอยู่ในแหวนยังคงจี้อยู่ที่คอของเขา

“ยินยิน”

ระเบียงทางเดินนั้นถูกปูด้วยพรมขนสัตว์ จึงทำให้ไม่มีเสียงอะไร

ถังซินได้ยินหลินเฉิงจี๋เรียกตัวเอง ถึงได้พบว่าเขาขึ้นมาที่ชั้นสองแล้ว

เมื่อหลินเฉิงจี๋เห็นจี้เจียจื้อคร่อมถังซินกับกำแพง ก็รีบปรี่เข้าไปด้วยใบหน้าดุดัน

จี้เจียจื้อที่เห็นเขามาแล้ว ก็รีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เห็นหลินเฉิงจี๋ดึงถังซินให้หลบอยู่ที่ข้างหลัง จ้องมาที่ตัวเองด้วยสายตาเย็นชา ราวกับกำลังผดุงความยุติธรรม

“แฟนแก สุดท้ายก็เคยเป็นคนของประธานมู่ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” จี้เจียจื้ออมยิ้มเล็กน้อย ตบบ่าของหลินเฉิงจี๋เบาๆ “เทียบกับคนก่อนๆแล้ว คงต้องฝึกกันมากกว่านี้ว่ะ”

หลินเฉิงจี๋กำหมัดแน่น

ถังซินดึงมือของเขาไว้ จ้องมองแผ่นหลังหยิ่งยโสของจี้เจียจื้อที่เคลื่อนห่างออกไป และกล่าวเสียงแผ่ว “อย่าโกรธเลย เขาต้องการยั่วโมโหนาย เผื่อให้นายเกิดความสับสน”

หลินเฉิงจี๋หันกลับมา และมองเธออย่างประเมิน “เธอไม่ได้โดนเขาแกล้งใช่หรือไม่”

“สบายใจได้ ฉันไม่เป็นอะไร”

หลินเฉิงจี๋เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอเริ่มซีดขาว คาดว่าเธอน่าจะกินของผิดสำแดง และอ้วกออกมาจนหมดเพราะอาการแพ้ท้อง จึงจะให้คนครัวไปทำอะไรมาให้เธอสักหน่อย

ถังซินปฏิเสธ บอกว่ากลัวจี้เจียจื้อจับสังเกตได้

เธอรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย หลังจากคุยกับหลินเฉิงจี๋ไปเล็กน้อย ก็กลับไปยังห้องนอนที่คนรับใช้เตรียมไว้ให้เพื่อพักผ่อน ไม่รู้ว่าหลบไปนานเท่าไหร่ ก็รู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเมื่อมีคนเรียก

หลินเฉิงจี๋นั่งอยู่ที่ข้างเตียง เมื่อเห็นเธอตื่นก็เข้าไปประคองตัวของเธอ และส่งชามที่วางอยู่บนตู้ข้างหัวเตียงส่งให้กับเธอ “ผมกลัวว่าเคาะนานแล้วเธอจะยังไม่ตื่น และเดินเข้ามาน่ะ”

ถังซินขยี้ตา เมื่อได้กลิ่นเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ ก็รู้สึกถึงน้ำย่อยในกระเพาะมากขึ้น

“ฉันไม่ได้เคยบอกว่าห้ามนายไปที่ห้องครัวหรือ”

“ไม่เป็นไร ผมไล่คนรับใช้ออกไปข้างนอก และลงมือทำด้วยตัวเอง” หลินเฉิงจี๋ส่งส้อมสีเงินให้กับเธอ “ที่บ้านไม่มีใครทานอาหารจีนเลย มันจึงไม่มีตะเกียบ เธอมาจึงได้สั่ง”

ถังซินรับชามมาและเริ่มทาน ท้องเริ่มรู้สึกสบายขึ้น “จี้เจียจื้อคงไม่เห็นใช่หรือไม่”

หลินเฉิงจี๋ส่ายหน้า “ไม่หรอก ห้องของเขาอยู่ที่หัวมุมของระเบียงทางเดิน ตอนเย็นหลังจากที่กลับเข้าห้องแล้วก็ไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่นัก เธออย่ากังวลเลย ขอโทษเรื่องที่เธอต้องตามผมมาที่ประเทศY โดยที่ต้องปกปิดเรื่องที่ท้องไปด้วย”

“ฉันไม่เป็นอะไร นายไม่ต้องขอโทษหรอก” ถังซินไม่ต้องการเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความจนใจ “นายเป็นฮีโร่ของลูกฉันนะ หากไม่ได้นายมาห้ามฉันไว้ ลูกก็คงไม่อยู่แล้ว”

หลินเฉิงจี๋ตอบเสียงอือ “ทานยาบำรุงครรภ์หรือยัง”

“ไม่ได้ทาน เมื่อครู่ง่วงมาก กลับมาก็หลับไปเลย”

เมื่อหลินเฉิงจี๋ถามเธอแล้วว่ายาบำรุงครรภ์นั้นวางอยู่ที่ไหน ก็เดินไปหยิบและกลับมาพร้อมกับน้ำแก้วหนึ่ง และส่งให้กับเธอ “ยาไม่เยอะแล้ว ถึงตอนนั้นผมจะหาทางเอาที่โรงพยาบาลให้”

“ได้”

“หรือว่าจะหาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาลเสียหน่อย จะได้ดูด้วยว่าลูกแข็งแรงหรือไม่”

ถังซินลังเลอยู่เพียงครู่ สุดท้ายก็ยังคงส่ายหัวอย่างหนักแน่น “ไม่ไป สายของจี้เจียจื้อมีมากเกินไป พวกเราจะต้องทวงคืนคุณสมบัติของผู้สืบทอดกลับมาก่อน เวลามีไม่มาก ฉันเชื่อว่าลูกของฉันจะต้องแข็งแรงมาก”

เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หลินเฉิงจี๋เองก็ไม่ได้ห้ามอะไร

รอจนถึงเวลา เมื่อเขาเห็นถังซินทานยาบำรุงครรภ์แล้ว ถึงได้ออกจากห้องไปพร้อมจานอาหารของเธอ

บางทีอาจเพราะเหนื่อยและง่วงนอน ถังซินถึงได้ไม่ฝันร้ายเหมือนเมื่อหลายวันก่อน และตื่นขึ้นมาอีกทีของเที่ยงวันถัดไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน