ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 394

เสวี่ยตกใจมาก เพราะเมื่อครู่พวกเขาเห็นเฉินซ่าและพวกโหลชีหลายคน พบว่าพวกเขาไม่ได้ลงมือ แต่พลังของแสงสีดำนี่กลับมากมายเหลือคณา นางรีบมุดหน้าเข้าอ้อมกอดซีฉางหลีทันที "ฝ่าบาท!"

ซีฉางหลีสะบัดมือ ปัดอาวุธลับนั่นออกไป พอเพ่งตามอง นั่นกลับเป็นหัวลูกศรเหล็กหักๆที่ดูแล้วเหมือนคว้าหยิบมาจากข้างทาง

เสวี่ยรู้ว่าตอนนี้ไม่ว่ายังไงซีฉางหลีก็ต้องช่วยนาง เพราะซีฉางหลีอยากยั่วโมโหเฉินซ่า นางเองยังทนไม่ไหวเหลือบหางตาไปดูว่า เฉินซ่าได้แสดงสีหน้าริษยาหรือโกรธขึ้งไหมที่นางโผเข้าอ้อมกอดซีฉางหลี

แต่นางก็ต้องผิดหวัง เฉินซ่าไม่ปรายตามองนางเลยสักนิด กลับโอบกอดโหลชีแน่นขึ้น ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกัน

ภายใต้แสงจันทร์ เงาร่างสามคนค่อยๆย่างกรายเข้ามา ผู้ชายคนหัวหน้าในชุดขาวสีขาวดุจพระจันทร์ ดูแล้วจะใสกระจ่างเสียยิ่งกว่าแสงจันทร์

คิ้วโหลชีขมวดทันที พูดเสียงต่ำว่า "เฮ่อเหลียนเจี๋ยนี่กัดไม่ปล่อยจริงๆ"

"ชีชีรู้จักเขา?"

"เจอที่เขาพิณน่ะ"

พอชายผู้นี้ปรากฏตัว ดวงตาเฉินซ่าพลันหรี่มองทันที

หากว่าสตรีได้เห็นเฮ่อเหลียนเจี๋ย อันดับแรกจะถูกดึงดูดโดยการแต่งกายของเขา บุรุษเมื่อได้เห็นเฮ่อเหลียนเจี๋ย กลับรู้สึกถึงอันตราย

สำหรับเฉินซ่าแล้ว จนถึงวันนี้ชายผู้นี้เป็นคนแรกที่ทำให้จิตใจเขารู้สึกตึงเครียดขึ้นมา

แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาไม่เคยกลัวผู้ใดอยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้เขาถือสาคือ โหลชีรู้จักบุรุษผู้นี้ และยังเรียกชื่อออกมาด้วย เรียกเสียเป็นธรรมชาติเยี่ยงนี้

เขามองออกว่า ฐานะของบุรุษผู้นี้ต้องไม่ด้อยแน่ และเขาไม่รู้จักคนผู้นี้เลย ในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางเคยมีคนผู้นี้รึ? ดังนั้นเจอกันครั้งแรกก็บอกชื่อตนแก่โหลชี แปลว่าอะไร?

ยังไงซะ ฝ่าบาทก็เอาประสบการณ์ตัวเองมาครุ่นคิดละ เหมือนตอนแรกที่เขาบอกชื่อตนเองแก่โหลชี ตอนนี้ก็มิใช่รู้สึกว่านางน่าสนใจมากรึ?

พอคิดแบบนี้ เฮ่อเหลียนเจี๋ยผู้นี้มิใช่ว่ารู้สึกว่าโหลชีน่าสนใจมากเช่นกัน? น่าสนใจนั้น ไม่นานจะแปรเปลี่ยนเป็นชมชอบ

พอคิดอย่างนี้ สีหน้าฝ่าบาทก็ดำทะมึน และรู้สึกเป็นศัตรูกับเฮ่อเหลียนเจี๋ยทันที

แน่นอน ถึงฝ่าบาทจะรู้สึกเป็นศัตรูกับเฮ่อเหลียนเจี๋ย แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยสักนิด ยังคงเย็นชาดุจน้ำแข็ง

โหลชีเงยหน้าขึ้นมองเขา อยากจะหันไปมองเฮ่อเหลียนเจี๋ยต่อ แต่กลับโดนเฉินซ่าจับไว้ ไม่ให้นางหันไป ดูอะไร มีอะไรน่าดูกัน บุรุษอื่น ทางที่ดีนางมิต้องมองเลย

พวกเขาล้วนอยู่บนม้า แต่พวกเฮ่อเหลียนเจี๋ยสามคนกลับยืนอยู่ที่พื้น ตามหลักแล้ว พวกเขาน่าจะรู้สึกอยู่ต่ำกว่าคนขั้นหนึ่ง เพราะต้องเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น แต่บนตัวเฮ่อเหลียนเจี๋ยกลับไม่เห็นความรู้สึกต่ำกว่าออย่างนี้เลย เขายืนอยู่ตรงนั้น ด้านหลังเป็นภาพไฟสีแดงประหลาดพวกนั้นที่เผาไหม้เลือดเนื้อ แต่กลับช่วยเสริมให้เขาดูหล่อเหลาไร้ใครเปรียบมากยิ่งขึ้น

เสวี่ยเห็นบุรุษผู้นี้แล้วลืมซีฉางหลีไปชั่วขณะ

จะพูดอะไร ลืมดูสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยของซีฉางหลีเลย

เดิมเฉินซ่าก็อยู่เหนือเขาเรื่องนี้ทำให้เขาคับแค้นใจมากพอแล้ว ตอนนี้กลับมีมาเพิ่มอีกคน ความรู้สึกเช่นนี้มันยากจะรับได้นัก

พวกเขามองพิจารณาเฮ่อเหลียนเจี๋ย เฮ่อเหลียนเจี๋ยกลับสนใจมองโหลชีก่อนเป็นอันดับแรก ไม่เจอกันแค่หนึ่งชั่วยาม โหลชีกลับปรากฏกายที่นี่ และยังเปลี่ยนชุดแปลกประหลาดนั่นแล้ว อีกทั้งยังขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษ สนิทสนมกับเขาเยี่ยงนั้น คนมีตาย่อมมองออกว่า ความสัมพันธ์นางกับบุรุษผู้นั้นต้องมิธรรมดาแน่

เสวี่ยเห็นความสนใจคนที่มาอยู่ที่เฉินซ่าและโหลชีเท่านั้น ไฟริษยาในใจยิ่งเพิ่มพูน "นี่ คุณชายท่านนี้ เสวี่ยมิมีความแค้นใดๆกับท่าน เหตุใดท่านใช้อาวุธลับกับข้าเล่า?"

ถึงคำพูดนี้จะเป็นการกล่าวหา แต่สีหน้านางดูไม่ออกเลยว่าโกรธ อีกทั้งยังมีแววยั่วยวนอีกต่างหาก นางเกลียดชังจูซื่อนั่นยิ่งนัก แต่หลายวันนี้เรื่องที่จูซื่อทำกับซือเอ๋อร์ในห้องข้างๆ ก็ทำให้นางเข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิงมากขึ้น จากนั้นนางก็ได้พบกับซีฉางหลี พลีกายให้เขา จากสาวน้อยกลายเป็นสตรี คลับคล้ายถูกปลดสลักจากในกระดูกก็ไม่ปาน ตอนนี้นางเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว

ซีฉางหลีมีหรือจะฟังไม่ออกถึงแววยั่วยวนในคำพูดนาง ไม่งั้นมีหรือจะแทนตนด้วยชื่อ?

ยัง "เสวี่ย"แหนะ นี่คือกลัวอีกฝ่ายไม่รู้ชื่อนาง?

แต่ตอนนี้เขาก็อยากรู้ที่มาของบุรุษผู้นั้น ดังนั้นเลยมิได้เอ่ยคำ

สายตาเฮ่อเหลียนเจี๋ยปรายมามองนางอย่างเฉยเมย จากนั้นพูดคำที่ทำให้เสวี่ยแทบกระอักเลือดออกมา

"เมื่อครู่เจ้าคิดฆ่าโหลชี มีหรือจะละเว้นเจ้า"

คำพูดนี้ มิใช่หมายความว่า เขาออกหน้าให้โหลชี?

เสวี่ยโกรธจนหัวเราะ ชี้นิ้วไปที่โหลชีพูดเสียงดังกับเฉินซ่าว่า "เฉินซ่า!ตอนนี้ท่านเห็นชัดแล้วกระมัง โหลชีเป็นหญิงแพศยา ร่านไปทั่วยามอยู่ด้านนอก สตรีเช่นนี้ท่านยังเห็นเป็นสมบัติล้ำค่าอีก!"

พอนางพูดจบ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นหลายส่วน นางได้ยินเฮ่อเหลียนเจี๋ยสั่งการองครักษ์ข้างหลังว่า "หลานยี ตบปาก"

"ขอรับ!"

หลานยีปราดร่างเข้าไป และพุ่งไปที่ข้างกายซีฉางหลี

แต่เขาพึ่งค้างกลางอากาศ ก็มีโซ่เหล็กเส้นหนึ่งโจมตีมาที่เขา ประหนึ่งงูมีชีวิต เขาจะหลบพ้นแล้วแท้ๆ แต่โซ่เหล็กกลับเหมือนมีชีวิต และตามติดไม่ลดละ จนเขาหมดทางจะหนี โดนโซ่เหล็กเส้นนั้นรัดเข้า จากนั้นมีแรงหนึ่งดึงเขากลับไป สะบัดไปทางเฮ่อเหลียนเจี๋ย

คนที่ลงมือคือเฉินซ่า

เสวี่ยเห็นฉากนี้เข้า ในใจเหมือนหายไปหนึ่งส่วน!

นางมองเฉินซ่าอย่างมีความหวัง เขาไม่อยากให้นางเกิดเรื่องใช่หรือไม่? เขาช่วยนางใช่หรือไม่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ