ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 426

ตอนนี้ฝนยังคงตกหนักมาก พวกเขาคงไม่มีทางหาฟืนแห้งได้แน่ ฉะนั้นเฉิงสิบกับหยู่จึงยังไม่ออกไปไหน ทั้งสองเริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดภายในถ้ำ

เพราะก่อนหน้านี้เฉิงสิบได้แบกเฉินซ่ามา มีใบไม้ใหญ่คอยบังฝน ตอนนี้จึงเปียกแค่ช่วงล่างบางส่วนเท่านั้น ช่วงบนของร่างกายยังแห้งอยู่ แต่ว่าหยู่กลับเปียกปอนไปหมดแล้ว ไม่เพียงแค่เขา โหลชีก็เปียกหมดเหมือนกัน

"แม่นาง ท่านจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือไม่"เฉิงสิบอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

โหลชียืนขึ้น นางอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าจริงๆ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เพราะนางเปียกไปหมดทั้งตัวแล้ว ถ้ามีน้ำหยดอยู่ตลอดเวลาคงไม่สะดวกที่จะทำการตรวจร่างกายให้เฉินซ่า เพราะเมื่อครู่นางพบว่าน้ำที่หยดจากแขนเสื้อของนางหยดลงไปที่หน้าอกของเฉินซ่า ปรากฏว่าจะทำให้เฉินซ่าหนาวขึ้นไปอีกหลายส่วน

นางแทบจะเป็นบ้าแล้ว

ตอนนี้ร่างกายของเฉินซ่าบอบบางจนแทบจะทำให้รู้สึกถึงขั้นอยากจะล้มทั้งยืนแล้ว

หัวใจนางเย็นเยือก แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ หยิบเอาเสื้อผ้าแห้งที่อยู่ในกระเป๋าออกมาเปลี่ยน ด้วยสถานการณ์ที่เร่งรีบ นางได้แต่ให้เฉิงสิบกับหยู่หันหลังไป และเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปตรวจร่างกายเฉินซ่าอีกครั้ง

"จี๊ดๆ "

เฉิงสิบได้ยินเสียงของสัตว์สีขาวตัวนั้น เกรงว่าประเดี๋ยวมันจะกระโดดออกมารบกวนโหลชี จึงส่งสายตาเป็นสัญญาณให้หยู่ ทั้งสองคนตีโอบ ไปจับเจ้าสัตว์สีขาวตัวนั้น

เจ้าสัตว์สีขาวหลบหลีกซ้ายขวา ไม่ช้าก็ถูกพวกเขาบีบจนจนมุม จับได้แล้ว เฉิงสิบให้หยู่เอาเข็มขัดมามัดมันเอาไว้ อีกฝั่งของเข็มขัดก็มัดไว้กับหินงอกที่อยู่ในถ้ำ

ถ้ำนี้ใหญ่มาก เมื่อครู่ตอนที่พวกเขาไล่จับสัตว์สีขาวตัวนี้และพบว่า อ้อมม่านหินผืนนั้นไป ข้างในยังมีที่ว่าง อีกทั้งมีหินย้อยเป็นแผงกั้น ลมฝนหน้าปากถ้ำไม่สามารถพัดเข้ามาได้ ข้างในอบอุ่นกว่ามาก

เมื่อบอกกับโหลชีแล้ว ก็ตัดสินใจจะย้ายเฉินซ่าไปข้างใน ก่อนอื่นเฉิงสิบได้เผาหญ้าผืนหนึ่งในนั้นก่อน จากนั้นก็กวาดเถ้าของหญ้าทิ้งทั้งหมด ปรับพื้นที่ตรงนั้นให้เรียบ และถอนหญ้าแห้งบางส่วนมาปูให้หนาขึ้น ปูให้ฟูนุ่ม ให้ไอร้อนบนพื้นดินที่ผ่านการเผาค่อยๆรมหญ้าให้แห้งขึ้นอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ค่อยตามหยู่ออกไป จับที่ปลายเสื้อคนละฝั่ง ยกตัวเฉินซ่าเข้าไป

ขั้นตอนนี้พวกเขาระวังจนไม่สามารถจะระวังมากกว่านี้ได้แล้ว เพราะเกรงจะกระทบกระเทือนต่อเขา

ข้างในนี้อบอุ่นกว่าจริงๆ มีเฉิงสิบกับหยู่เฝ้าอยู่ด้านนอก โหลชีจึงรู้สึกวางใจและทำใจให้สงบลงเพื่อจะทำการตรวจร่างกายให้กับเฉินซ่า

เสื้อท่อนบนของเฉินซ่าถูกถอดออกแล้ว นางเอาแต่มองที่หัวใจของเขา แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้โปร่งแสงทั้งหมด แต่ว่าในน้ำแข็งขาวโพลนนั้น ก้อนสีแดงนั้นยังคงโดดเด่นมาก นางค่อยๆโน้มใบหน้าเอาหูเข้าไปใกล้ กลั้นลมหายใจเอาไว้ จึงได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่แผ่วเบามาก แล้วก็จับจุดชีพจรของเขาอีกครั้ง แต่ไม่มีชีพจรแล้วอย่างแท้จริง

ดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดสนิท ทั่วทั้งร่างกายของเขามีไอเย็นชนิดหนึ่งแผ่ซ่านออกมา นี่ไม่ใช่กลิ่นอายแห่งความเย็นชาตามปกติของเขา แต่เป็นความเย็นที่ผุดออกมาจากภายในร่างกายของเขาจริงๆ นอนอยู่ตรงหน้านาง เหมือนศพแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น

ความหวาดกลัวที่โหลชีไม่เคยมีมาก่อน เมื่อก่อนตอนที่พิษกู่ของเขากำเริบ แม้ว่านางจะรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะมีความมั่นใจอยู่บ้างจึงสามารถควบคุมไว้ได้ อยู่ในขอบเขตความเชี่ยวชาญของนาง ฉะนั้นนางก็แค่ตื่นเต้น แต่ว่าตอนนี้นางกลับทำอะไรไม่ถูก เห็นเขาเป็นเช่นนี้ นางกลัวจริงๆว่าเขาจะตาย

เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่สมองนางมีคำพูดหนึ่งวาบขึ้นมา

ถ้าหากเฉินซ่าตายไป นางจะทำอย่างไร

โหลชีเพิ่งจะค้นพบว่า เฉินซ่ามีความสำคัญต่อนางขนาดนี้แล้ว

และอาจเป็นเพราะพลังภายในของเขาที่ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ วรยุทธไร้เทียมทาน ความบอบบางในตอนนี้จึงเป็นข้อเปรียบเทียบที่ร้ายแรงมาก ทำให้นางรับไม่ได้จริงๆ

ใช่แล้ว พลังภายใน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับพลังภายในของเขาก่อนหน้านี้

ดวงตาของโหลชีสว่างวาบขึ้นมา ยื่นมือไปวางไว้ที่จุดตันเถียนของเขา ค่อยๆรวบรวมพลังภายในไปที่ฝ่ามือ ปล่อยพลังสายหนึ่งเข้าไปอย่างระมัดระวัง

พวกเขาพบเจอเรื่องราวมากมายในภูเขา แต่กลับไม่รู้เลยว่าหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ด้านนอกของภูเขาก็พบเจอกับการกวาดล้างเช่นกัน หมู่บ้านเล็กที่เดิมที่เคยสงบสุข ตอนนี้กลายเป็นเหมือนขุมนรก

ไฟที่ลุกไหม้เป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง ในที่สุดก็ถูกฝนห่าใหญ่ในครั้งนี้ทำให้ดับมอดลง เลือดที่แต่เดิมไหลนองอยู่เต็มพื้นก็ถูกน้ำฝนชะล้างไปพอสมควร แต่ซากศพของชาวบ้านที่มองเห็นในขณะนั้นเผยให้เห็นถึงความจริงอันน่าสะพรึงกลัว ที่นี่เพิ่งจะเกิดเรื่องที่น่ากลัวมากขนาดไหน

ฝีมือการฆ่าคนของคนเหล่านั้นช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไปแล้ว ในเมื่อฆ่าคนไปแล้ว ยังจะฟันจนหัวแบะสมองไหล ควักไส้ออกมา หรือไม่ก็ฟันมือฟันขาจนขาดหมด แม้แต่คนแก่และเด็กก็ไม่เว้น

หมู่บ้านเล็กๆที่แสนสงบ ตอนนี้มีเพียงกลิ่นอายแห่งความตาย ปล่อยให้น้ำฝนชโลม ก็ล้างกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงไม่ออก

ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ คนกลุ่มนั้นยังไม่ไปไหน ไม่ พวกเขาไม่คิดจะไปไหนแล้ว จะอยู่ที่นี่

ครอบครัวหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ในห้องเก็บฟืนที่ไม่มั่นคงและมีฝนรั่วไปทั่ว น้ำฝนหยดลงมาไม่หยุด มีลมพัดเข้ามาเป็นครั้งคราว ทำให้เด็กที่หดตัวอยู่ในกองฟืนตัวสั่นสะท้านขึ้นมา เขาหดตัวอยู่ในช่องว่างระหว่างกองฟืนกับกำแพง และกำแพงที่อยู่ด้านหลังเขาก็มีรูเล็กๆรูหนึ่ง ขยับดวงตาเข้าไปใกล้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นภาพทั้งหมดที่อยู่ข้างนอกนั้น แต่เพราะเช่นนี้ จึงทำให้เขายิ่งกลัวมากขึ้น เพราะว่าเมื่อวานเขาได้มองผ่านรูนี้ มองเห็นชาวบ้านสองคนถูกคนชุดดำให้ดาบฟันจนร่างขาดเป็นหลายท่อน ตอนนี้ร่างที่ขาดสะบั้นเหล่านั้นยังอยู่ข้างนอก เขาอยู่ที่นี่ยังได้กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ