ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 753

“ใช่ๆ คุณแม่ของน้องเพลงพูดถูก อีธานและเอลล่าคงจะไม่มีทางไม่มีความสามารถพิเศษหรอกใช่ไหม?” พูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะเยาะที่แอบแฝงไปด้วยเจตนาไม่ดีดังขึ้นมา

ญาธิดาสายตากวาดมองไปที่แม่ของน้องเพลง แสร้งยิ้ม พูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเด็กๆ จะชอบแสดงอะไร มันก็เป็นอิสระของพวกเขา ถ้าไม่เต็มใจขึ้นไปบนเวที ฉันก็จะไม่บังคับเหมือนกัน”

แม่ของน้องเพลงพอได้ฟังแบบนั้น จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองผลักน้องเพลงขึ้นไปแสดงบนเวทีเมื่อตะกี้ขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ขมวดคิ้วพูดขึ้น “คุณให้ลูกไปแสดงรายการในโทรทัศน์ซะขนาดนั้นแล้ว ยังจะมาแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมอะไรที่นี่อีก”

อีธานที่เดิมทีนั่งอยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟังก็หันหน้ามาทันที มองเธอพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “แม่ทำไมถึงต้องสนับสนุนผมกับน้องให้ไปแสดงหนังด้วยล่ะ?”

ญาธิดารู้ว่าเด็กน้อยกำลังช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ สายตาก็อ่อนโยนลงเช่นกัน “เพราะว่าแม่เคารพความฝันของลูกและเอลล่ายังไงล่ะ แล้วก็เคารพการตัดสินใจของพวกลูกด้วยเหมือนกัน”

ภาพที่แสนอบอุ่นของแม่ที่เมตตาและลูกที่กตัญญูทิ่มแทงเข้ามาในใจของพวกผู้หญิงเหล่านั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

ตอนที่พวกเธออยู่บ้าน เพื่อที่จะบังคับให้ลูกเรียนหนังสือ ทะเลาะกันจนวุ่นวายตลอดทั้งวัน แต่ญาธิดากลับพูดจาซะสวยหรูดูดีว่าเคารพลูกออกมาได้อย่างง่ายดายซะอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เสแสร้งว่ามีคุณธรรมแล้วจะเป็นอะไรได้อีก

ใบหน้าที่หน่อมแน้มของอีธานยิ้มแย้มขึ้นมา มือน้อยที่จ้ำม่ำดึงแขนของเธอเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น “แม่ อีธานก็อยากขึ้นไปแสดงบนเวทีเหมือนกัน”

ญาธิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย พอคิดว่าเพื่อตัวเองแล้วอีธานถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ ก็รีบพูดปฏิเสธออกมาทันที “อย่าฝืนให้ตัวเองทำเรื่องที่ไม่ชอบเลย”

“ไม่เป็นไรฮะ” เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมสัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะต้องปกป้องแม่”

บรรดาพวกผู้ปกครองของเด็กๆ ที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ทุกคนต่างก็สีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น รีบส่งเสียงพูดกระตุ้นออกมาทันที “คุณดูสิ ลูกเขาเต็มใจที่จะแสดงแล้ว คุณในฐานะที่เป็นแม่มันก็ยากนะที่จะปฏิเสธ”

ในสายตาของพวกเธอ ลูกของตัวเองก็ไม่ได้แย่ไปกว่าอีธานที่คาบช้อนเงินช้อนทองออกมาตั้งแต่เกิด เด็กที่อายุสี่ห้าขวบคนเดียวจะแสดงอะไรได้ นอกจากพวกเต้นรำเล่นพวกเครื่องดนตรี อะไรแบบนี้ลูกของพวกเธอก็เล่นเป็นกันหมด

พวกเธอกระตือรือร้นอยากที่จะหาจุดสมดุลระหว่างญาธิดากับตัวเอง เพื่อที่จะมาสนองความริษยาของตัวเอง

ไม่นานอีธานก็วิ่งตรงไปข้างๆ เวทีอย่างรวดเร็ว เขย่งเท้าดึงชายเสื้อของครู ครูนั่งยองลงสบตากับสายตาของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาเข้าไปใกล้ๆ ตัวครูพูดกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

สีหน้าของครูเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองเขาด้วยสีหน้าตกใจ จากนั้นก็ลูบหัวของเขาพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม

ไม่นาน พวกครูวัยรุ่นสองสามคนก็ขนโต๊ะเล็กๆ และโน๊ตบุ๊คขึ้นไปตรงกลางของเวที ครูหนึ่งคนในนั้นถือไมโครโฟนพูดขึ้น “ต่อไปพวกเรามีเจ้าหนูอีธานที่จะมาทำการแสดง โลกของเหล่าดวงดาว ให้กับพวกเราได้รับชม”

พอได้ยินชื่อรายการที่เหมือนกับนิทานปฐมวัยชื่อนี้ เหล่าบรรดาแม่ของเด็กๆ ก็หลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นไฟในห้องโถงก็ค่อยๆ มืดลง บนเวทีมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่แสนกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นมา

มือจ้ำม่ำของอีธานเคาะอยู่ที่แป้นพิมพ์โน๊ตบุ๊คอยู่สองสามที “ดวงดาว” เริ่มค่อยๆ ขยับเขยื้อน ทุกคนราวกับว่าอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าจริงๆ

ภายในห้องโถงเงียบสนิท เสียงที่ดังฟังชัดและไร้เดียงสาของเขาค่อยๆ ดังขึ้นมา “พวกเราเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของพ่อแม่ ในสายตาของพ่อแม่ พวกเราเป็นดั่งดวงดาวน้อยๆ ในความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด เป็นความหวังที่สว่างไสวที่สุด……”

เขาปรับเปลี่ยนเนื้อหาของการฉายภาพ บอกเล่าโลกที่น่าหลงใหลในแบบฉบับของเด็ก ดึงอารมณ์ความรู้สึกของทุกคนเข้าสู่ “จักรวาล” ในความคิดของเขา ในขณะเดียวกันก็ส่งต่อวิชาดาราศาสตร์ที่เขาชื่นชอบที่สุดให้กับทุกๆ คนเช่นกัน

จากนั้นเสียงของเขาก็หยุดลง แสงไฟที่แยงตาภายในห้องโถงก็สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา ต่างพากันปรบมือเสียงดังสนั่นไปทั่ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์