ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 53

สรุปบท ตอนที่ 53 ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวแล้ว: ริษยาร้ายซ่อนรัก

ตอนที่ 53 ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ริษยาร้ายซ่อนรัก

ตอนนี้ของ ริษยาร้ายซ่อนรัก โดย Paizay ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 53 ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จากนั้นธีร์ก็ฉวยโอกาสนี้เอ่ยเรียกชื่อนับหนึ่งเบาๆพร้อมกับสบตาเธออย่างมีอะไรในใจ

" นับหนึ่ง.... "

" คะ "

นับหนึ่งเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าธีร์อย่างรอคำถามของเขา เพราะดูจากแววตาเขาแล้วเธอรู้ว่าเขามีคำถามในใจที่อยากจะถามเธออยู่

" อืม....คุณไว้ใจผมมั้ย "

เธอพยักหน้าให้เขาแล้วเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ

" ค่ะ ฉันไว้ใจแล้วก็เชื่อใจคุณมากด้วยค่ะ "

ได้ยินดังนั้นธีร์ก็เม้มริมฝีปากยิ้มพร้อมกับผงกหัวเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป

" งั้น....คุณบอกผมได้มั้ย ว่า คุณกับอิงฟ้ารู้จักกันได้ยังไง "

นับหนึ่งหลุบตามองต่ำลงแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยตอบเขาไปว่า

" เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันค่ะ "

" งั้นเหรอ แต่เท่าที่ฟังคุณพูดถึงเธอเมื่อกี้แล้ว มันเหมือนคุณจะรู้จักเธอดีมากเลยนะ

หรือคุณไม่ไว้ใจ ที่จะพูดเรื่องส่วนตัวกับผม ถ้าเช่นนั้น...ก็ไม่เป็นไร "

แม้ไม่อยากบังคับเธอ แต่เขาก็พูดในทำนองที่ทำให้เธอลำบากใจ

ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็อยากจะรู้จากปากเธอ ว่าแท้จริงแล้วเธอกับอิงฟ้าเกี่ยวข้องกันยังไงกันแน่

นับหนึ่งใช้เวลาคิดและตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างนิ่งๆ

" ค่ะ ฉันจะเล่าเรื่องของฉันให้คุณฟัง แต่คุณต้องรับปากฉันก่อนนะคะ ว่าจะไม่ไล่ฉันออก จะไม่รังเกียจ ที่ประวัติฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ "

ธีร์พยักหน้าแล้วเอ่ยตอบเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง

" อือ ผมรับปาก "

สิ่งที่นับหนึ่งกลัวที่สุดคือการถูกคนไม่ยอมรับ และรังเกียจที่เธอเสียความบริสุทธิ์ไปตั้งแต่อายุยังน้อย

โดยการถูกขายให้กับชายป่าเถื่อนในขณะที่เธอไม่มีความยินยอมหรือเต็มใจเลย

เพราะขนาดตัวเธอเอง ยังรังเกียจร่างกายที่มีมลทินนี้ รู้สึกเคียดแค้นคนที่ขืนใจเธอในคืนนั้น จนอยากจะลงมือฆ่าเขาทิ้ง

แค้นนี้ เธอต้องได้ชำระกับอิงฟ้า เธอจะทำให้พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกได้รับกรรมในสักวัน

ยิ่งได้ยินเธอพูดแบบนั้น ธีร์ก็ยิ่งอยากรู้ว่าทำไมนับหนึ่งถึงปิดบังเรื่องราวในอดีตของตัวเองมาตลอด

เขาอยากรู้ว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ กันแน่ เลยเอาแต่จ้องหน้า รอฟังเธอเล่าอย่างตั้งใจ

นับหนึ่งถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเอ่ยขึ้น

" จริงๆแล้ว ฉันกับอิงฟ้าเรามีพ่อคนเดียวกันค่ะ เธออายุมากกว่าฉัน

ส่วนแม่ของฉันเสียไปตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็ก หลังจากแม่เสียได้ไม่นาน พ่อก็พาอิงฟ้ากับแม่ของเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน

อยู่ได้ไม่นาน พวกเขาก็กดขี่ข่มเหง กลั่นแกล้งฉันสารพัด ขังฉันไว้ในห้องโดยให้อดข้าวอดน้ำเป็นเวลาหลายวัน

ตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบ ไปจนถึงอายุ 18 ปี พวกเขาให้ฉันกินแค่ข้าวกับผักผัด

แล้ว....แล้วตอนที่ฉันเรียนใกล้จบมัธยมปลาย พวกเขาก็รวมหัวกัน

ส่งฉันไปขายตัวให้กับชายสวมหน้ากาก เพื่อแลกกับการได้เลื่อนตำแหน่งของพ่อ

นับแต่นั้นมา ฉันก็ตัดขาดกับคนที่เป็นพ่อ ชาตินี้จะไม่เรียกเขาว่าพ่อและจะไม่ขอรู้จักเขาอีก

ในตอนที่ฉันได้รับความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต ฉันร้องให้แทบจะเสียสติ

และถือว่าได้ชดใช้บุญคุณที่เขาเคยชุบเลี้ยง เคยให้ชีวิตมาหมดแล้ว และถือว่าหมดเวรหมดกรรมต่อเขา

หลังจากนั้นพอฉันเรียนจบมัธยมปลาย ฉันก็ออกมาจากขุมนรกนั่น แล้วออกมาอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ในเมืองนี้

อยู่อย่างอดมื้อกินมื้อไปวันๆ จนได้มาทำงานกับคุณชีวิตจึงค่อยๆเริ่มดีขึ้น

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเวรกรรมของฉันเยอะเกินไปหรือเปล่า ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอเจ้ากรรมนายเวรอย่างอิงฟ้ากับชายสวมหน้ากากนั่น

โชคดีที่ได้คุณกับพี่มีมี่ช่วยไว้ เลยไม่ถูกลากตัวกลับไปเป็นทาสกามของชายสวมหน้ากากอีก

การตกเป็นทาสกามของชายสวมหน้ากากนั้น เป็นเป็นฝันร้ายที่ฝังใจฉันมาจนถึงทุกวันนี้เลย

แรกๆฉันเครียดจนเกือบจะเสียสติ ในหัวคิดแต่อยากจะฆ่าคน ดีที่ตัวเองยังพอมีสติอยู่บ้าง

เลยพยายามลืมและปล่อยวางไป ให้มันกลายเป็นเพียงฝันร้ายในอดีตที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้นค่ะ "

พอนึกถึงเรื่องเลวร้ายในอดีต สีหน้าและแววตาของนับหนึ่งก็เข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ธีร์รู้สึกสงสารนับหนึ่งมาก เลยยื่นมือออกมากุมมือเธอที่วางบนโต๊ะเบาๆอย่างทะนุถนอม แล้วเอ่ยปลอบอย่างเห็นใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

" ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวแล้ว หลังจากนี้ไป ผมจะไม่ให้ใครมารังแกคุณได้อีก ผมสัญญา ว่าจะดูแลและปกป้องคุณให้ดีที่สุด

ส่วนเรื่องพวกนั้นมันเป็นแค่ฝันร้ายในอดีต คุณลืมมันไปน่ะดีแล้ว แล้วเรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน โอเคมั้ย "

น้ำเสียงและถ้อยคำของเขาเป็นดั่งน้ำเย็นที่ค่อยๆพรมลงบนหัวใจดวงน้อยที่กำลังคุกรุ่นอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น ให้สงบลง

รานีเข้าไปยืนข้างสามีเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

" เจ้านายคุณกับคุณกวินเป็นเพื่อนกันจริงเหรอ ทำไมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ "

" แปลกยังไงล่ะ "

" ก็แปลกตรงที่อยู่ๆ พอเกิดเรื่องขึ้น คุณกวินก็สั่งห้ามไม่ให้เราเอ่ยถึงเรื่องของเจ้านายคุณอีกไง "

ธำรงหันมามองหน้าภรรยาที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยอธิบายถึงเหตุผลเพื่อให้ภรรยาเข้าใจ

" นั่นก็เพราะเขาเป็นเพื่อนรักกัน ส่วนที่ไม่ให้เอ่ยถึงเจ้านายผมอีก ก็เพราะนับหนึ่งระบุตัวตนของเจ้านายผมชัดเจน จนมีคนตามขุด

คุณกวินก็คงคุยกับเจ้านายผมแล้ว เจ้านายผมเองก็คงจะกลัวว่า หากชาวเน็ตขุดเจอ จะทำให้เสียชื่อเสียงแล้วกระทบมาถึงบริษัทน่ะ "

" แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่ดี คนหนึ่งหายเข้ากลีบเมฆ หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่มีใครเคยเห็น แล้วอีกคนก็โดดเด่นขึ้นมาคล้ายมาแทนที่เลย "

ธำรงเอาสายยางไปเก็บแล้วมาล้างมือ จากนั้นก็เข้ามาโอบไหล่ภรรยาพร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อน

" คุณอย่าไปสนใจเรื่องของเขาเลย ให้เป็นหน้าที่ของลูกเราเถอะ หากลูกสงสัยก็คงจะหาคำตอบได้ด้วยตัวเองแหละ คุณไม่ต้องกังวลหรอก "

" ได้ค่ะ "

แล้วสองสามีภรรยาก็กลับเข้าไปในบ้าน ช่วยกันทำอาหารในครัว

อิงฟ้าเดินลงมาจากชั้นบนแล้วเข้ามาหย่อนกายนั่งข้างๆทรายแล้วเอ่ยถามขึ้น

" คุณทราย กระแสเป็นไงบ้างคะ อิงฟ้าไม่กล้าดูเลยค่ะ "

" ค่อนข้างดีเลย ครั้งนี้คุณอาจจะดังกว่าเดิม "

ทรายเอ่ยตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งๆ

อิงฟ้าได้ยินดังนั้น ก็หันมามองหน้าทรายด้วยแววตาดีใจพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

" จริงเหรอคะ เช่นนั้นคุณกวินต้องดีใจกับอิงฟ้ามากแน่ๆเลยค่ะ

หากไม่ได้คุณกวินวางแผนให้ และคอยซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง

อิงฟ้าก็คงต้องอยู่อย่างคนขี้ขลาด หลบอยู่แต่ในบ้านตลอดชีวิตแน่ๆ

อิงฟ้าอยากเจอคุณกวินค่ะ คุณทรายช่วยนัดเขาให้หน่อยได้มั้ยคะ "

" แจ้งให้เขาทราบน่ะได้ แต่ให้เป็นฝ่ายนัดเขาคงจะไม่ได้ค่ะ "

ทรายเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาอิงฟ้านั่งหน้าหงอยไปด้วยความผิดหวังเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก