“อย่าเข้าใกล้ผู้ชายอื่น โดยเฉพาะรอง ผ.อ.ประเสริฐ”
มันคือคำสั่งสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะหอบร่างบอบช้ำก้าวลงจากรถหรูของเขา
หล่อนไม่เข้าใจแม้แต่น้อยทำไมเขาถึงได้ออกคำสั่งชวนน่าปวดหัวแบบนั้น พยายามคิดทบทวนเท่าไหร่แต่ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้
เพราะหากว่าเขาหึงหวง หวงแหน คงไม่น่าใช่เพราะนั่นมันหมายถึงเขาต้องรู้สึกอะไรกับหล่อน
ใบหน้างามส่ายไปมาอย่างเชื่องช้าก่อนจะแค่นยิ้มหยันให้กับความคิดที่ไม่มีทางเป็นไปได้ของตนเอง
หัวใจปวดร้าวทุกครั้งเมื่อถูกความจริงเล่นงานสำหรับเขาแล้วหล่อนคงเป็นได้แค่ คนโกหก สิบแปดมงกุฎ เท่านั้น
ยิ่งถูกเขาสัมผัสหัวใจสาวยิ่งเต็มไปด้วยความ ถวิลหาแต่ย่อมรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งเรื่องของความรู้สึกที่เขามีต่อหล่อนและฐานะที่แตกต่างกัน
ขุนพล สุพิทธิวรรณ เขากับหล่อนมันคนละชนชั้นถึงแม้หล่อนจะไม่รู้จักตัวตนของเขาเท่าไหร่ แต่นามสกุลของชายหนุ่มนั้นหล่อนพอจะคุ้นหูอยู่บ้าง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูด้านหน้าห้องทำให้หล่อนต้องเหลือบสายตาขึ้นมอง
“คุณขุนพล...เอ่อ ไม่สิ คุณขุนศึก”
หัวใจสาวกระตุกไหวอย่างรุนแรงในคราแรกเมื่อคิดว่าเป็นขุนพล
ขุนศึกระบายยิ้มให้หล่อนอย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้องพยาบาล
“คุณรู้ด้วยหรือครับว่าผมคือขุนศึก”
ชายหนุ่มเลิ่กคิ้วด้วยความสงสัยเพราะตนเองนั้นตั้งใจเปลี่ยนแปลงการแต่งกายรวมถึงไม่เซ็ทผมอย่างเช่นทุกครั้งแต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับแยกเขากับพี่ชายออก
“รู้สิคะ เชิญนั่งค่ะ”
ขุนศึกลอบมองผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่แปลกใจว่าทำไมคนเป็นพี่ถึงได้ชื่นชอบผู้หญิงตรงหน้านัก ทั้งที่ปกติแล้วขุนพลไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนในสถานศึกษา
“นี่ผมอุตส่าห์แต่งตัวเรียบร้อยเหมือนพี่ขุนพลเลยนะครับคุณแยกเราออกได้ยังไง”
หล่อนเอียงคอมองเล็กน้อยก่อนจะเริ่มสาธยายความต่างที่ไม่เคยมีใครสังเกตุแยกแยะออกนอกจากมารดา
“ดวงตาของคุณขุนพลสีเข้มกว่า น้ำเสียงทุ้มกว่า ริมฝีปากก็....”
“พอเถอะครับผมเชื่อแล้วว่าคุณสามารถแยกเราสองคนได้จริงๆ”
หญิงสาวสาธยายเสียเขาไม่มั่นใจว่าตนเองนั้นเป็นฝาแฝดกับคนเป็นพี่หรือไม่
“ช่างสังเกตเหลือเกินนะครับ”
หล่อนอึกอักขึ้นมาทันทีเมื่อเจอน้ำเสียงและสายตาคาดคั้นของคนตรงหน้า หวังว่าขุนพลจะไม่ได้บอกเรื่องของหล่อนให้น้องชายล่วงรู้ จึงเลือกที่จะตัดบท
“วันนี้มีแผลที่ไหนมาคะคุณขุนศึก”
ชายหนุ่มที่ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับขุนพลบรรจงถอดเสื้อออก รูปร่างของคนเป็นน้องไม่ได้แตกต่างจากพี่ชายแต่อย่างใด แต่ทว่าหล่อนกลับไร้ความรู้สึก มีเพียงหน้าที่เท่านั้นที่อยู่ในหัว
“โตแล้วเลิกมีเรื่องชกต่อยได้แล้วรู้ไหมคะ”
หญิงสาวจับจ้องที่แผลในขณะที่ขุนศึกนั้นระบายยิ้มกริ่มนับหนึ่งถึงสิบภายในใจ
ห้า หก เจ็ด ....
เสียงฝีเท้าดังขึ้นก่อนจะเงียบลงพร้อมกับร่างกำยำของแฝดผู้พี่ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตรึงราวกับโกรธใครมาสักร้อยชาติ
“ขุนศึก !!”
น้ำเสียงที่ใช้นั้นเต็มไปด้วยความดุดัน แต่เจ้าของชื่อกลับยิ้มร่าเริงปราศจากความทุกข์ร้อน
“ไม่ถึงสิบจริงๆ ด้วย”
คนเป็นพี่สาวเท้าก้าวเข้ามาหาคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่ใกล้ชิดกัน เด็กสาวตัวสั่นไม่ต่างจากลูกนกเพราะไม่เข้าใจว่าตนนั้นกระทำสิ่งใดผิด
“อะไรของแกไม่ถึงสิบ”
“ก็หลังจากที่ผมส่งไลน์หาพี่ว่าอยู่ที่ห้องพยาบาลไงครับ”
คนเป็นน้องระบายยิ้มกริ่มในขณะที่ แฝดผู้พี่สถบหยาบคายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญกับพี่ชายเขามากขนาดไหน
“ทีหลังผมถามก็ตอบดีๆ สิครับ”
“ไอ้ขุนศึก !!”
เขาเค้นน้ำเสียงเข้ม ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยโทสะที่มันน่าจะมาจากความหึงหวง
“ผมไปก่อนนะครับคุณช่อแก้ว ไว้จะมาใช้บริการใหม่”
ขุนศึกสวมเสื้ออย่างลวกๆ จังหวะที่เดินสวนกับคนเป็นพี่ เขาพูดแผ่วเบาแต่กลับทำให้ขุนพลนั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมรู้นะว่าที่ไม่มีใครมาใช้บริการห้องพยาบาลเพราะฝีมือพี่”
“ไอ้ขุนศึก !!!”
ขุนพลขบกรามแกร่งแน่นใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ เขาพยายามบอกตนเองว่ามันเกิดจากโทสะไม่ใช่เพราะความอาย
“รักเขาก็อย่าปากแข็งสิครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนสวาท คุณครูพยาบาล