เมื่อหล่อนได้สติจึงลุกขึ้นยืนมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความสงสัย ทำไมประเสริฐถึงได้แทนตนเองว่า อา ในขณะที่ท่าทางนั้นเต็มไปด้วยความเกรงกลัวหนุ่มรุ่นลูกขนาดหนัก
“ผมเคยบอกไปแล้วว่าอย่างยุ่งกับช่อแก้ว เธอคือของผม....เป็นแฟนผม”
ประโยคแรกแสดงความหวงแหน ประโยคถัดมาแสดงความเป็นเจ้าของ และประโยคสุดท้ายที่ทำให้ล่วงรู้ว่าเขามอบสถานะให้โดยที่หล่อนเองไม่รู้มาก่อนว่าเขานั้นคิดเช่นไรกับตน
หัวใจสาวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะจากที่เต็มไปด้วยความหวาดผวากลับกลายเป็นสุขล้นหัวใจพองโต
เขา...เขารักหล่อน อย่างนั้นหรือ ใบหน้างามเต็มไปด้วยความตะหนก ระคนยินดี
“โอ๊ย...อย่า อย่า”
เสียงของประเสริฐดังลั่นร้องคร่ำครวญ มือหนาเงื้อหมัดขึ้นสูงแต่มันกลับค้างกลางอากาศเมื่อถูกกอดจากด้านหลัง
“อย่าทำเขาเลยค่ะ ช่อแก้วปลอดภัยดีไม่ได้เป็นอะไร”
คนที่กำลังหน้ามืดเดือดดาลกลับอารมณ์เย็นลงได้อย่างน่าอัศจรรย์เพียงแค่คำร้องขอของเด็กสาว
“ตั้งแต่พรุ่งนี้อย่าโผล่มาที่นี่อีก”
คนสูงวัยที่วางมาดยะโสราวกับเป็นเจ้าของสถานศึกษาหน้าซีดเผือดลนลาน
“ยะ อย่านะขุนพล อย่าไล่อาออกเลย อย่าบอกคุณพ่อเลยนะขุนพล”
“ผมเชื่อว่าเรื่องที่คุณพาช่อแก้วมาทำงานที่นี่โดยปราศจากคุณสมบัติมันก็คงเพียงพอต่อการ ออกจากตำแหน่งงานนี้แล้ว”
เด็กสาวที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอ้าปากค้างเติ่งเพราะหล่อนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าขุนพลคือบุตรชายเจ้าของสถานศึกษา
หล่อนหันไปมองหน้าขุนศึกที่ยืนอยู่ปากประตู ชายหนุ่มระบายยิ้มพยักหน้าเล็กน้อยราวกับช่วยยืนยันสิ่งที่หล่อนกำลังสงสัย
ไม่แปลกที่ทุกคนต่างกันเกรงอกเกรงใจเขา คราแรกหล่อนเข้าใจว่าแฝดทั้งสองคงเป็นแค่ลูกเศรษฐีสักตระกูล เพราะสถานศึกษาแห่งนี้ค่าเทอมเป็นตัวแบ่งเกรดชนชั้นฐานะผู้เข้าศึกษา นอกเสียจากมีหัวสมองที่เหมาะสมแก่การได้รับทุนการศึกษา
“ส่วนเธอช่อแก้ว เธอเองก็มีความผิดเช่นกัน”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อชายหนุ่มตวัดสายตากลับมามองตนเอง
“ความผิดหรือคะ”
เขาไม่พูดอะไรอีกในขณะที่ประสริฐพยายามร้องขอแต่ไม่เป็นผล
“ตามฉันมานี่เลยแม่ตัวดี”
มือหนากอบกุมข้อมือบอบบางพร้อมกับรั้งให้เดินตามอย่างเอาแต่ใจ
“เอ้า...พี่ขุนพลจะไปไหน”
“กลับบ้าน ฝากนายจัดการที่เหลือต่อด้วย อ่อ..แล้วบอกคุณพ่อให้ด้วยเรื่องวันนี้”
“ครับ”
ขุนศึกรับคำพร้อมกับยักไหล่เหลียวหันมองประเสริฐที่นั่งคุดคู้อยู่ที่พื้นห้องอย่างหมดสภาพ
“รนหาที่แท้ๆ”
“อุ๊ย....คุณขุนพล”
ร่างของหล่อนถูกวางลงกับเตียงนอนนุ่มโดยที่เขาไม่รีรอที่จะโถมกายทาบทับเอาไว้ทั้งตัว
“ยะ อย่าค่ะ...”
เป็นครั้งแรกที่เขาหยุด...ลมหายใจดังฟืดฟาด จากชายหนุ่มทำให้หล่อนรู้ว่าเขาอยู่ในห้วงอารมณ์กระสันแต่พยายามข่มมัน
“ไมอยากให้ฉันกอดหรือช่อแก้ว”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยผมเฝ้าที่มัดเอาไว้สยายไปมา
“เปล่าค่ะ แต่ช่อแก้วอยากถามคุณขุนพล เอ่อ...”
ขุนพลรู้ดีว่าหญิงสาวจะพูดเรื่องอะไรแต่ตนเองกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้
“เรื่องอะไร เธอจะถามเรื่องอะไรช่อแก้ว”
“เอ่อคือ...เอ่อ เรื่องที่...”
“จะถามได้หรือยัง เธอมีความผิดอยู่รู้ตัวไหม ช่อแก้ว”
เด็กสาวงุนงง ความผิด ? เรื่องอะไรกัน
“ฉันสั่งให้เธอรอกลับบ้านพร้อมฉัน ถ้าเธอไม่ขัดคำสั่งฉันก้ไม่ต้องเหนื่อยไปตามเธอจริงไหม”
“ก็...ก็คุณประเสริฐ ขู่จะเอารูป ที่เราเอ่อ...ทำอะไรกันในห้องพยาบาล ส่งให้คนอื่น ช่อแก้วก็เป็นห่วงคุณไม่อยากให้คุณเสียหาย”
ขุนพลส่ายใบหน้าหล่อเหลาไปมา เมื่อเด็กสาวตรงหน้าห่วงตนมากกว่าห่วงตนเอง
“เธอมันยัยเด็กโง่ แทนที่จะห่วงตัวเองก่อน”
มือหนาประคองใบหน้างามลูบไล้แก้มสาวอ่อนโยนจนหล่อนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ความรู้สึกอ้างว้างตั้งแต่ที่ขาดบิดามารดามันจางหายไปทีละนิดเมื่อรู้ว่าตนเองมีคนห่วงใย
“ชื่อเสียงไม่ได้สำคัญกับช่อแก้ว อีกอย่างไม่มีใครจะมาสนใจช่อแก้วหรอกค่ะ” หล่อนไม่ได้ประชดแต่พูดความจริงเพราะตนนั้นมีญาติก็เสมือนไม่มี
เด็กสาวระบายยิ้มเล็กน้อยแต่คนมองสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอ้างว้างได้เป็นอย่างดี
“มันอาจจะไม่ได้สำคัญสำหรับเธอ แต่...เธอสำคัญสำหรับฉันนะ”
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองคนที่ชะโงนตัวอยู่ด้านบน หัวใจสาวเต้นแรงจนหูทั้งสองได้ยินจังหวะของมัน ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นเล็กนอ้ย
สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความหมายอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน หล่อน...เชื่อคำพูดของเขาได้ ใช่ไหม
“ฉันขอโทษนะช่อแก้วที่ เอาเปรียบเธอรังแกเธอมาตลอด”
น้ำตาไม่ทราบที่มามันเอ่อล้นขอบตาทันทีเมื่อได้รับความอ่อนโยนจากคนตรงหน้า หล่อนไม่เคยโกรธเกลียดเขาสักครั้ง
“คุณขุนพล....”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนสวาท คุณครูพยาบาล