สายใยร้ายคู่นิรันดร์ นิยาย บท 62

มีนาได้พบกับอธิแล้ว แล้วแน่ใจว่าลูกของเธอไม่เป็นไร เธอจึงเฝ้าดูอธิหลับไปก่อนที่เธอจะเดินลงจากชั้นสาม

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเธอก็ลงมาที่ชั้นล่าง ครีมก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ตอนนี้ก็หายห่วงแล้วใช่ไหม และใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว พักทานอาหารกับฉันก่อนสิ”

“ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว และบอกฉันสิว่าเธอมีอะไรจะพูดกับฉัน ฉันยังมีงานที่ต้องทำอยู่” มีนามองดูเธออย่างเย็นชา และไม่ได้นั่งลงด้วยซ้ำ

“ในเมื่อเธอพูดแบบนี้ ฉันก็จะไม่เสียเวลาอีก” ครีมหยิบผลการตรวจการตั้งครรภ์สองสามฉบับให้เธอ

มีนาเหลือบดูผลตรวจการตั้งครรภ์ของเธอและพูดว่า: “นี่จะสามารถพิสูจน์อะไรได้? ยังมีอะไรอีกที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเด็กที่เธอท้องอยู่นั้นเป็นของธารณ์”

ใบหน้าของครีมเปลี่ยนไปในทันที “เธอหมายความว่ายังไง? ฉันไม่มีผู้ชายคนอื่นนอกจากธารณ์เลยนะ!”

มีนาเยาะเย้ยว่า: “เธอคิดว่าคนในตระกูลธวัชพลังกรเป็นคนโง่งั้นเหรอ เธอบอกว่าไม่มีก็ไม่มี บอกว่าใช่ก็ใช่? เธอต้องแสดงหลักฐานที่สามารถโน้มน้าวคุณย่าได้!” มีนามองไปที่เธอ ครีมจึงรีบปกป้องท้องของเธอ “เธอจะทำอะไร”

“ฉันคิดได้วิธีหนึ่ง เมื่อเด็กในท้องของเธอครบอายุได้หนึ่งเดือนแล้ว ให้ทำการเจาะตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งหากมีผลตรวจนี้แล้วก็จะเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด” มีนาเสนออย่างเย็นชา

ครีมจับที่ท้องของเธออย่างตกใจมาก “ทำการการเจาะดีเอ็นเอในท้อง ถ้าหากเด็กในท้องได้รับบาดเจ็บจะทำยังไง?”

มีนาถามเธอกลับว่า "แล้วมีวิธีอื่นอีกไหม ที่เธอจะสามารถโน้มน้าวคนในตระกูลธวัชพลังกร ว่าเด็กที่เธอตั้งครรภ์นั้นเป็นของตระกูลธวัชพลังกรไม่ใช่ของคนอื่น”

“ฉันมีผู้ชายเป็นธารณ์คนเดียว ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา!” ครีมพูดอย่างตื่นเต้น “เธอเจตนาหาเหตุผลเพื่อไม่ช่วยฉันใช่ไหม!”

มีนาพูดอย่างตลกว่า: “เธอลองคิดดูสิที่ฉันสามารถแต่งเข้าตระกูลธวัชพลังกรได้ และยังแต่งงานกับคนโง่ ปริญต้องปลอมแปลงวุฒิการศึกษา และยังต้องทำผลการตรวจความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกถึงสามครั้งในหลายสถาบันต่างๆ นายท่านตระกูลธวัชพลังกรถึงจะยอมตกลง”

ครีมนั่งพิงบนโซฟาและมองไปที่มีนาโดยรู้ว่าเธอพูดถูก แม้ว่ามีนาจะช่วยแสดงผลการตั้งครรภ์เหล่านี้ให้คนในตระกูลธวัชพลังกรดู แต่เธอก็ยังต้องพิสูจน์ว่าเด็กในท้องของเธอของธารณ์จริงๆ

“โอเค รอเด็กอายุครบหนึ่งเดือนแล้ว ฉันจะไปทำการตรวจดีเอ็นเอ พอถึงตอนนั้นเธอต้องแสดงให้คนในตระกูลธวัชพลังกรดู และให้คนในตระกูลธวัชพลังกรช่วยให้ฉันแต่งงานกับธารณ์ได้” ครีมใจเย็นลงแล้วพูดกับเธอ

มีนาเจรจากับเธอว่า: “ถ้าเธอสามารถเพิ่มหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเด็กในท้องเป็นของตระกูลธวัชพลังกร ฉันก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยให้เธอได้แต่งงานกับธารณ์ แต่เมื่อเธอและธารณ์แต่งงานกันแล้ว เธอต้องคืนอธิให้ฉัน และต้องช่วยฉันและลูกออกไปจากที่นี่ด้วย ฉันจะไปที่ที่ไม่มีใครรู้จักฉันและไม่มีใครหาตัวฉันได้”

“เธอกล้าที่จะต่อรองกับฉันหรือ? ที่ให้เธอแต่งงานกับมาร์ชแทนฉัน ไม่ได้เป็นแค่ความตั้งใจของฉันคนเดียวสักหน่อย แต่ยังรวมถึงความตั้งใจของพ่อด้วย ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากเขา ฉันก็ทำไม่ได้……”

“ถ้าเธอไม่สามารถสัญญากับฉันได้ เรื่องนี้ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้เช่นกัน หรือเธอก็บอกเจย์ไปเลยว่าเธอไปมั่วกับธารณ์ยังไง แล้วยังกำลังตั้งท้องอยู่อีกด้วย และปล่อยให้เขาออกหน้าไปคุยกับคนในตระกูลธวัชพลังกรจะดีกว่าไหม” มีนาพูดอย่างเชื่อมั่น

ครีมพูดด้วยความตื่นตระหนก: “ไม่ได้ ฉันไม่สามารถให้พ่อแม่และพี่ชายรู้เรื่องนี้ได้ ฉันต้องรอให้ลูกของฉันโตกว่านี้อีก แล้วคนในตระกูลธวัชพลังกรก็ยอมรับเธออีกด้วย”

“ทำไม? พวกเขาไม่ต้องการใช้ลูกสาวของตัวเองเพื่อสรรหาผลประโยชน์จากการแต่งงานอีกเหรอ? ให้เธอแต่งงานกับตระกูลธวัชพลังกรอีกคน ก็จะสามารถได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกไม่ใช่เหรอ”

ครีมยิ้มและพูดว่า: “พวกเขาแค่ต้องการใช้เธอ ไม่ใช่ฉัน พ่อแม่บอกฉันว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องต่อรอง พวกเขาแค่ต้องการให้ฉันแต่งงานกับครอบครัวที่ดีและสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีสงบสุข แม้ว่าไม่รวยมากก็ไม่เป็นไร และถ้าพวกเขารู้ว่าคนที่ฉันต้องการจะแต่งงานด้วยคือธารณ์ พวกเขาจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน บางทีพวกเขาอาจให้ฉันไปทำแท้งด้วยซ้ำ เพราะชื่อเสียงของธารณ์แย่เกินไป แต่ฉันไม่สนใจหรอก สิ่งที่ฉันต้องการคือความร่ำรวยและความมั่งคั่ง……”

ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร มีนาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คนเหล่านี้เป็นพ่อแม่โดยสายเลือดของเธอ ทว่ากลับใช้เธอเป็นเครื่องต่อรองเพื่อแลกผลประโยชน์ แต่ต้องการให้ครีมได้พบกับความรักที่มีความสุข

เธออิจฉาครีมมากที่ได้รับความรักจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้ แต่น่าเสียดายที่ครีมไม่รู้ใจพอและเธอก็ไม่คิดอย่างนั้นเช่นกัน

“แล้วเธอจะตอบตกลงหรือไม่? ฉันจะช่วยเธอ แต่เธอก็ต้องช่วยฉันเช่นกัน นี่เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรม” มีนาขัดจังหวะเธอและถามว่า “ถ้าเธอไม่ยอมตอบตกลง ฉันจะบอกเรื่องนี้กับปริญและเจย์ ลูกของเธอก็ปกป้องไม่อยู่เช่นกัน”