คนของตระกูลจ้านต่างมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีมักจะที่อ่อนแอนั้น ยามนี้จะเด็ดขาดเช่นนี้
ยิ่งกว่านั้นนางไม่ยอมเชื่อฟังท่านแม่ด้วยซ้ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา "นางต้องยอมแน่นอน นางไม่มีทางเลือกอื่น"
ใช่ไง บัดนี้นางไม่มีครอบครัวที่ให้พึ่งพา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในตระกูลจ้าน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจ้านไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง นางยังเป็นภรรยาเอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีนำเป่าจูกลับจวนโหวเจิ้นเป่ย
ภายในจวนก็รกร้าง ใบไม้ร่วงหล่นกองอยู่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนดูแลมาครึ่งปีแล้ว และลานบ้านของจวนโหวมีวัชพืชที่สูงพอๆ กับผู้ใหญ่ได้
เมื่อเหยียบเข้าไปในจวนโหวอีกครั้ง ซ่งซีซีก็รู้สึกเจ็บใจจนเหมือนโดนมีดแทงใจ
เมื่อหกเดือนก่อน นางตกใจเมื่อได้ยินว่าครอบครัวของนางถูกสังหารไปหมด นางทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าศพของท่านย่าและท่านแม่ พวกนางหนาวมากจนไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเลย และทุกที่ของจวนก็เปื้อนไปด้วยเลือดหมด
มีห้องโถงของบรรพบุรุษอยู่ในจวนโหว และป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษของตระกูลซ่งและท่านแม่ของนางล้วนอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษ
นางและเป่าจูกำลังเตรียมเครื่องบูชา และน้ำตาของพวกนางก็ไม่เคยหยุดไหล
หลังจากจุดธูปแล้ว นางก็คุกเข่าลงกับพื้นและก้มลงกราบป้ายวิญญาณของพ่อแม่ ดวงตาของนางดูหนักแน่นมากหลังจากร้องไห้ "ท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าพวกท่านอยู่บนสวรรค์เห็นข้าอยู่ โปรดยกโทษให้กับการตัดสินใจที่ลูกกำลังจะทำด้วย ไม่ใช่ว่าลูกไม่อยากแต่งงานมีลูกใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่จ้านเป่ยว่างไม่ใช่คนดี ไม่เพียงพอที่ลูกจะใช้ชีวิตกับเขา แต่พวกท่านวางใจ ลูกกับเป่าจูจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างดี"
ส่วนเป่าจูก็คุกเข่าลงและร้องไห้ไม่หยุด
หลังจากไหว้เสร็จแล้ว พวกนางก็ขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวัง
ในตอนเที่ยง พระอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงกำลังแผดเผา ส่วนซ่งซีซีและเป่าจูก็ยืนอยู่หน้าประตูพระราชวัง โดยไม่ขยับตัวเหมือนท่อนไม้
หลังจากรออยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ก็ไม่มีใครออกมาเรียกนางเข้าไป
เป่าจูพูดอย่างเศร้าๆ ว่า "คุณหนู เกรงว่าฝ่าบาทจะไม่ยอมพบท่าน คิดว่าท่านมาขัดขวางการแต่งงาน เมื่อคืนท่านยังไม่ได้กินข้าว และเช้านี้ก็ไม่ได้กินด้วย ท่านยังไหวอยู่หรือไม่ ไม่งั้นให้ข้าน้อยไปซื้ออะไรให้กินดีไหม"
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สตรีขี่ม้าออกศึก