ตำนานฉือฮั่ว นิยาย บท 26

ริงตัวของนางเองเข้าใจท่านแม่ แต่หากท่านแม่ไม่เป็นฝ่ายเข้าหาบ้างไม่นานท่านพ่อคงลืมเราสามแม่ลูกเป็นแน่ และหากอนุหลีออกจากห้องบรรพชน ถึงเวลานั้นพวกนางจะอยู่ลำบาก และหากร้านค้าไปได้ดีไม่นานคนพวกนี้จะหันมารุมทึ้งเป็นแน่ แต่ในเมื่อท่านแม่ไม่เอาด้วย นางเองจะหาวิธีเอง

 

                สาวใช้ทั้งสามคนงานตรงหน้าใกล้เสร็จแล้วเหลือเพียงไม่กี่พิมพ์เท่านั้นและทยอยกันเก็บของ มี่ฮวาบอกให้หลันฮวาเตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้นายทั้งสองใช้ชำระร่างกายแล้วเข้านอน 

 

“พี่เสี่ยวชุ่ย ข้าไม่นึกมาก่อนคุณหนูช่างเก่งเหลือเกิน คิดอ่านดีทุกอย่าง ใส่ใจพวกเราอีกด้วยข้าจะทำงานถวายหัวให้เลยเจ้าค่ะ” เสียงของหลันฮวาเอ่ยออกมาขณะที่ตนเองเอาฟืนใส่เพิ่มเข้าไปเพื่อเร่งให้ความร้อน ร้อนเร็วขึ้น

 

“คุณหนูแต่ก่อนน่าสงสารมากกว่านี้ ก่อนหน้านี้นางป่วยตอนนี้ป๋าอี๋เหนียงร้องไห้แทบขาดใจ ข้าแทบขาดใจเช่นกัน แต่สุดท้ายคุณหนูกลับมา ร่าเริงแจ่มใสไม่อ่อนแอดั่งแต่ก่อน”  เสี่ยวชุ่ยนึกถึงเรื่องตอนนั้น ตอนที่คุณหนูของนางใกล้สิ้นลม แม้กระทั่งท่านหมอส่ายหน้าหมดปัญญาที่จะช่วยแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดี

 

“อ้อพวกเข้าทั้งสองคนจงจำไว้ว่าความลับเรื่องสินค้าของคุณหนูต้องระวัง ก่อนที่เราจะได้โรงงานเจ้าห้ามแพร่งพรายความลับพวกนั้นให้ใครรู้แม้กระทั่งคนในครอบครัวเจ้า หากข้ารู้จับได้ข้าจะเป็นคนลากพวกเจ้าตีด้วยน้ำมือข้าเอง เข้าใจไหม”

 

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ/ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”  ทั้งสองรับคำพร้อมกัน เป็นอันพอใจของเสี่ยวชุ่ยอย่างมาก

 

             ทั้งสามช่วยกันเก็บของต่างๆที่ทำไว้และเมื่อน้ำเดือดเสี่ยวชุ่ยอาสาเก็บที่เหลือเองให้ทั้งสองคนเข้าไปปรนนิบัตินายทั้งสองจนกว่าทั้งสองจะเข้านอน จากนั้นค่อยแยกย้ายกันพักผ่อน ช่วงเวลานี้ยากสักหน่อยเหนื่อยสักหน่อยเพราะเป็นการเริ่มต้นทุกอย่างและไม่สามารถไว้ใจใครได้เลยในจวนแห่งนี้ หากพลาดขึ้นมาคุณหนูและป๋ายอี๋เหนียงคงอยู่ที่นี่ลำบากแน่ๆ จากนั้นเสี่ยวชุ่ยเดินตรวจตราประตูหน้าต่างทั้งหมด ว่าปิดสนิทดีหรือไม่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางถึงได้เข้าไปพักผ่อน

 

 

 

 

 

##################

 

                   ค่ำคืนเดียวกัน แต่ที่ศาลบรรพชน อนุหลีรอช่วงเวลาแม่นมที่ควบคุมออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมน้ำอาหารให้ตน สาวใช้ส่วนตัวของอนุหลี เข้ามารายงานสถานการณ์ข้างนอกให้ผู้เป็นนายทราบทุกเรื่อง

 

“แล้วนังสองแม่ลูกนั้นล่ะเป็นเยี่ยงไร เรือนของฮูหยินใหญ่ด้วยหลังจากนางได้สิทธ์ดูแลจวนนางว่าเยี่ยงไร

“อยู่ดีเจ้าค่ะ ตอนนี้เป็นที่โปรดปรานเพราะพวกนางเอาของที่เรียกว่าสบู่แจกให้ทุกเรือนเจ้าค่ะ เว้นแต่เรือนสี่นางไม่ส่งของให้แต่คุณชายสามได้รับสบู่เจ้าค่ะ ส่วนฮูหยินใหญ่เมื่อได้รับคืนแล้วนางตรวจสอบการเงินอย่างล่ะเอียดเลยเจ้าค่ะนายหญิง เรื่องนี้ข้าเองไม่สบายใจนักเจ้าค่ะหากนาง…!!"

“หึ เรื่องเรือนใหญ่เจ้าไม่ต้องกังวล ส่วนนางเด็กชั่วนั้น แล้วมีเรื่องอะไรรีบเล่ามา เดี๋ยวแม่นมมาเห็นเข้า”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ คุณหนูสี่ถูกลงโทษเมื่อวานคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้พ่อบ้านเกณฑ์พวกบ่าวเข้าไปช่วยงานคุณหนูหก อ้อ ป๋ายอี๋เหนียงวันนี้เอาสบู่ไปให้นายท่านแต่อยู่แค่หน้าห้องหนังสือวานให้พ่อบ้านเอาไปให้เจ้าค่ะ ครึ่งวันเช้าคุณหนูหกออกไปข้างนอกอันนี้ข้าไม่ทราบว่าไปที่ใดบ้างเจ้าค่ะ”

“ดี (อนุหลีกล่าวคำว่าดีถึงสามครั้ง) เจ้าเอาเงินของข้าสินบนพวกบ่าวพวกนั้นสักคน ดูว่าเรือนนั้นทำอะไรบ้างแล้วให้มารายงานข้าทุกสามวัน เรื่องท้องของอนุป๋ายเป็นเช่นไร ยาใช้ได้ไหมเกิดอะไรขึ้นบ้างกับนังนั้น”

“ไม่เจ้าค่ะ ทุกวันตั้งแต่ที่คุณหนูหกฟื้นขึ้นมา เรือนนั้นทำอาหารเองจากครัวเล็กตลอดโดยที่นังเสี่ยวชุ่ยเป็นคนทำเจ้าค่ะ และไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เลย อาหารที่ทางเราวางไว้ถูกพวกสาวใช้พวกนั้นให้บ่าวคนอื่นๆกินแทนเจ้าค่ะ”

“หึ เอางี้หลังจากนี้เจ้าเข้าไปหาท่านหมอที่ตรวจท้องนังอนุป๋ายสอบถามท้องของมัน แล้วเมื่อใดที่หมอเข้าไปตรวจวันนั้นเจ้าค่อยมารายงานข้า ไปได้แล้ว”

“เจ้าค่ะข้าทราบแล้ว”

 

            เมื่อสาวใช้คนสนิทออกไป ไม่นานแม่นมเข้ามาน้ำร้อนที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วทั้งน้ำชาอีก การมาสำนึกผิดที่นี่ไม่ได้ทำให้ตนลำบากแต่อย่างใด เพียงแค่มีคนคุมเท่านั้นแต่ใช่ว่าคนคุมจะควบคุมแน่นหนา มันมีช่วงเวลาที่นางสามารถติดต่อกับสาวใช้คนสนิทของนางได้ และรับรู้เรื่องต่างๆจากภายนอกได้ตลอด เจ็บใจ นังเด็กเรื้อนนั้นไม่ตายไปให้พ้นๆ ไหนจะแม่ของมันอีก ดูสิลูกสี่ของนางต้องถูกทำโทษเป็นเพราะนังเด็กเรื้อนนั้นแท้ๆ ( ข้าสาบานว่าข้าจะต้องแก้แค้นให้สาสมกับที่พวกมันทำให้ลูกข้าและตัวข้าอับอายเพียงนี้) 

 

              ความโกรธเกลียดในใจของอนุหลียังคงไม่ไปไหน ยิ่งมาได้รู้ว่าได้รับความโปรดปรานด้วย และบุตรสาวของตัวเองถูกลงโทษอีกปิดให้สำนึกถึงเจ็ดวัน นางเป็นแม่มีหรือไม่เจ็บปวดแทนลูก (อย่าให้ข้าออกไปได้นะ ข้าจะกำจัดพวกเจ้าออกไปจากจวนนี้ และออกไปจากหน้าของข้าให้ได้)  ถึงแม่ไฟในเรือนบรรพชนดับแล้วแต่จิตใจของอนุหลีผู้นี้ไม่ดังไปด้วย มองหน้าป้ายชื่อเหล่าบรรพชนตรงหน้ายิ่งทวีความโกรธไปอีก

 

                จนล่วงเข้ายามเช้าของทุกวันกิจกรรมของอนุหลีเหมือนเดิมคือล้างหน้าสวดมน ช่วงสายเขียนบทสวดต่างๆ ทานอาหารกิจวัตรเช่นเดิมนางเชื่อฟังดีและทำตามเดิม

 

 

 

 

#####################

 

 

                เจวียนเหลาห้องชั้นบน หลังจากชายหนุ่มกลับจากเรื่อนของเด็กคนนั้นให้เงาของตัวเองคอยเฝ้าและผลัดกันมารายงาน 

 

“อาเล่ย”

“ขอรับ นายท่าน”

“ที่ข้าให้เจ้าไปสืบเรื่องของนางเป็นเช่นไร”

“ขอรับ นางมีนามว่าฉือฮั่ว เป็นบุตรอนุของจวนซ่งเฟยหม่า” กำลังจะเล่าต่อ ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้พูดก่อน

“เรื่องนี้ข้ารู้แล้วว่านางเป็นบุตรของใครอะไรยังไง”

“ข้าน้อยผิดไปแล้วนี่เป็นรายงานที่ข้ารวบรวมมานายท่านตรวจสอบ”  อาเล่ยนามของชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากส่งรายงานเกี่ยวกับตัวของฉือฮั่วทั้งหมดตั้งแต่เกิดและปัจจุบันนี้ ตามที่เหล่าพวกพ้องของตนพอจะหาได้ส่งให้นายท่านได้อ่านและพิจารณา

“นี่นางเกือบสิ้นลมหรือ เรื่องนี้เจ้าสืบแน่ชัดแล้วหรือไม่”

“ขอรับเมื่อรับรายงานมาข้าน้อยให้คนไปสอบถามกับหมอที่ตรวจรักษาคุณหนูเองผลเป็นไปตามที่รายงานขอรับ”  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสอบถามองครักษ์ของตน ว่ามันเกิดขึ้นจริงตามที่รายงานไหม เมื่อจ้องมองตาสายตาของอาเล่ยยังคงเหมือนเดิมแสดงว่ามันคือเรื่องจริงสินะ

“นางกำลังเปิดร้านเองหรือ ชื่อดีเนรมิต ข้าชักสนใจนางแล้วสิ อายุเพียงเท่านี้ความคิดอ่านของนางช่างเก่งกาจเยี่ยงนัก เจ้าไปได้แล้ว”

                หลังจากที่องครักษ์ออกไปแล้วภาพวาดของฉือฮั่วที่อยู่ในมือของตนนั้น นางช่างเป็นเด็กสดใส ตนชอบในความช่างกล้าของนางนางไม่กลัวสิ่งใดเลย ชายหนุ่มนึกภาพเหตุการณ์เมื่อกลางวัน เสียงของเด็กคนหนึ่งวิจารณ์อาหารของเหลาตนเองอย่าไม่ยี่หล่ะ ทั้งยังสามารถอธิบายความเป็นมาของรสชาติได้เยี่ยมยอดและตรงใจตน ยังสามารถอธิบายวิธีแก้ให้โดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆเมื่อตนเองได้ให้เมิ่งฝางเข้าไปถามถึงรสชาติอาหารที่ไม่ถูกปากนางมันเป็นเช่นไร ทั้งเมื่อค่ำหลังจากนางเข้าเรือนสั่งความบ่าวไพร่จ่ายเงินต่างๆ ทั้งยังเลือกใช้งานบ่าวได้เหมาะสม ความคิดนางช่างดูต่างจากวัยของนางอย่างมาก 

“สิบหนาวเพียงนั้นเหตุใดเจ้าทำตัวคล้ายคนหนุ่มสาวแล้วเด็กน้อย”  พูดอยู่คนเดียวทั้งยังแอบยิ้มให้กับความช่างพูดคุยแกล้วสาวใช้ทุกอย่างอยู่ในสายตาของตนเองทั้งหมดเมื่อไม่อาจลืมความสดใสนั้นได้เลยสั่งให้เงาคอยติดตามนางเพื่อคุ้มครองนางให้ปลอดภัย

 

 

 

หยินใหญ่ พ่อบ้านรับเข้ามาแจ้งฮูหยิน “พี่สาวท่านขอเข้าพบ” ฮูหยินใหญ่นางชินชากับพี่สาวของตนผู้นี้ นางอยากเข้าออกจวนเรือนโหวยามใดเวลาใดก็ได้ เรื่องของพี่สาวยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลต่อเฒ่าฮูหยิน อีกเช่นกันเพราะว่าเฒ่าฮูหยินไม่ชอบให้นางคบหาพี่สาวคนนี้

 

“เชิญนางเข้ามาเถอะ” ฮูหยินใหญ่บอกกับพ่อบ้านทันทีจากนั้นไม่นานร่างของพี่สาวเดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว