“ฟิลิปรีบเข้าเรื่องสักทีเถอะ ถ้าเป็นเรื่องของบริษัท ฉันรู้ดีอยู่แล้ว” มินดี้พูด
แค่ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ปิดปากคนได้สนิทแล้ว
ฟิลิปนิ่งคิดไปสักครู่ก่อนจะถามขึ้น “เมื่อวานนี้มีใครทำร้ายวินน์ใช่ไหม?”
“…”
มินดี้ตกตะลึง เธอเช็ดปาก ดูเหมือนเธอจะมีความรู้สึกขัดแย้งกันภายในใจ แต่ในที่สุดเธอก็พยักหน้าและพูดขึ้น “ก็ มีรองประธานที่เข้ามาใหม่ เธอชื่อยาสมิน เป็นคนรักของท่านประธาน”
“แล้วทำไมเธอต้องทำร้ายวินน์?”
“ยาสมินคิดว่าวินน์มีอะไรกับมิสเตอร์ฮอลล์ ดังนั้นเธอก็เลยตบเพื่อเป็นการเตือนวินน์”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไหน?”
“ที่บริษัท… เธอตบหน้าวิลสองครั้งต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เอาดี ๆ ฉันก็รู้สึกว่าวินน์น่ะผิด แต่ยาสมินก็เกินจะทนเพราะว่ามีท่านประธานเป็นคนหนุนหลัง อีกทั้งยังตบหน้าคนในที่ทำงานไปอีกสองสามคนด้วย” มินดี้กล่าวด้วยเสียงขมขื่น
และจู่ ๆ มินดี้ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาของเธอ เบิกกว้าง “ฟิลิป อย่าบอกนะว่านายกำลังคิดจะสั่งสอนยาสมินแทนวินน์?”
‘ฟิลิปจะกล้าทำแบบนั้นจริงงั้นเหรอ?’
เขาเป็นคนไม่เอาถ่าน ถ้าเขากล้าทำอะไรยาสมิน วินน์จะไม่สามารถอยู่ในบริษัทได้อีกต่อไป
มินดี้รีบให้คำแนะนำกับเขา “ฟิลิป ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงวินน์มาก แต่ฉันขอแนะนำนายเลยนะว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลย ไม่อย่างนั้นแล้ววินน์จะไม่ปลอดภัย”
ฟิลิปยิ้มอย่างใจเย็น เขาหยิบมือถือออกมาและพูดขึ้น “ตกลง ผมรู้ว่าผมสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง ผมจะไปจ่ายเงิน แล้วจะออกไปก่อนนะ”
หลังจากนั้นฟิลิปก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
มินดี้มองไปที่ฟิลิปที่กำลังเดินออกไป และจู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าฟิลิปดูมีลับลมคมในอะไรอยู่
และยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ
ในเวลาเดียวกัน วินน์อยู่ในห้องทำงานกำลังปวดหัวอยู่กับการจัดการเอกสารเรื่องโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์
เรื่องนี้ล่าช้าเพราะเหตุการณ์ของเกวิน แซค มิสเตอร์ฮอลล์ก็พูดชัดเจนว่าการลงทุนร่วมกันนี้จะต้องสำเร็จให้ได้
ตู้ม!
ประตูห้องทำงานของเธอถูกเปิดออกอย่างรุนแรงจากด้านนอก
ยาสมินก้าวเข้ามาในห้องสายตาของเธอหาเรื่อง โยนเอกสารในมือเธอลงบนโต๊ะของวินน์ แล้วตำหนิวินน์อย่างรุนแรง “วินน์ ทำไมเธอยังจัดการเรื่องความร่วมมือกับโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์ไม่เสร็จอีก? เธอยังอยากมีงานทำอยู่รึเปล่า? ถ้าทำไม่ได้ ก็เริ่มเก็บของซะตอนนี้เลย ฉันไม่อยากจะเปลืองทรัพยากรของบริษัทไปกับคนไร้ประโยชน์อย่างเธอ”
วินน์รีบลุกขึ้นมาทันที ยิ้มก่อนจะพูดออกไป “รองประธานลูวอิส ฉันกำลังวางแผนเรื่องความร่วมมือกับโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์อยู่ ฉันจะเข้าประชุมกับลูกค้าบ่ายนี้ค่ะ”
ยาสมินรีบหมุนตัวกลับมา สีหน้าของเธอเย็นชา ชี้หน้าวินน์ก่อนจะเริ่มกรี๊ดร้อง “บ่ายนี้? ทำไมไม่ไปตั้งแต่เมื่อเช้า? แผนกการตลาดมีความสามารถแค่นี้งั้นเหรอ? ผู้จัดการวินน์ ในฐานะรองประธานของบริษัท ฉันต้องนึกถึงบริษัทเป็นหลัก ฉันจะให้เวลาเธอสามวัน ถ้ายังทำให้โรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์เซ็นสัญญากับเราไม่ได้ เธอก็เตรียมยื่นใบลาออกได้เลย!”
ยาสมินแค่มาหาเรื่องเท่านั้น
สามวัน? ถึงแม้เธอจะได้เวลาเจ็ดวันเธอก็ไม่สามารถเจรจาเรื่องข้อตกลงกับโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์ได้แน่นอน
เธอทำการค้นคว้ามาและพบว่าโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์ไม่เปิดให้และปฏิเสธที่จะให้เข้าพบ พวกเขาไม่เปิดรับคู่ค้าใด ๆ ทั้งสิ้น
ถึงเเม้ว่าวินน์จะไปที่นั่น พวกเขาก็จะปฏิเสธอยู่ดี
‘นังตัวดี แกจะต้องถูกเขี่ยออกไปเร็ว ๆ นี้แหละ”
วินน์รีบอธิบายในทันที “รองประธานลูวอิส เรื่องความร่วมมือกับโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์ไม่มีทางทำเสร็จได้ภายในสามวันแน่นอนค่ะ คุณน่าจะรู้ดีว่าความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์ไม่ใช่อะไรที่จะทำได้ภายในสามวัน ฉัน…”
เพี๊ยะ!
ก่อนที่วินน์จะพูดจบ ยาสมินก็ตบหน้าเธอพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ผู้จัดการวินน์ การตบครั้งนี้เพื่อที่จะปลุกเธอให้ตื่น จำไว้ว่าเธอเป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทเลย เธอเป็นแค่ผู้จัดการในแผนกการตลาด และฉันเป็นรองประธานบริษัท คำสั่งของฉันถือเป็นเด็ดขาด เธอห้ามขัดคำสั่งฉัน เข้าใจรึเปล่า?!”
วินน์กำหมัดแน่น ดวงตาของเธอแดงฉานจ้องไปที่ยาสมิน
เพื่อนร่วมงานพากันมองดูจากข้างนอก พวกเขาต่างรู้สึกไม่ดีแทนวินน์
เห็นได้ชัดว่ารองประธานคนใหม่นี่มาเพื่อหาเรื่อง
วินน์จะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขในบริษัทอีกต่อไป
มินดี้กลับมาถึงบริษัทแล้วในตอนนั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ เธอรีบส่งข้อความหาฟิลิป ‘ฟิลิป ยาสมินมาหาเรื่องวินน์อีกแล้ว เธอตบหน้าวินน์อีกแล้ว!’
ฟิลิปยังคงรออยู่ด้านล่าง วันนี้เขาไม่มีอะไรให้ต้องทำ ดังนั้นเขาจึงรอให้วินน์เลิกงานแล้วจะพาเธอไปทานอาหารเย็น
เมื่อเห็นข้อความ ฟิลิปก็เดือดดาลขึ้นมาทันที!
‘ยัยสารเลวยาสมินนั่น! เธอลนหาที่เองนะ!’
ฟิลิปตรงดิ่งไปที่ตึกบริษัทและขึ้นไปยังชั้นที่บริษัทเภสัชกรรมบีคอนตั้งอยู่!
ในห้องทำงาน…
ยาสมินเห็นว่าวินน์กำลังจ้องหน้าเธออยู่ เธอจึงหัวเราะเยาะออกมา เธอกอดอกและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “เธอยังไม่เชื่ออีกงั้นเหรอ?”
วินน์พยายามกลั้นน้ำตาไว้ เธอกล้ำกลืนความคับแค้นใจลงไปและพูดขึ้น “รองประธานลูอิส คุณพูดถูก ฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
หลังจากพูดจบ วินก็หันหลังกลับไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป
ยาสมินยังไม่ยอมปล่อยวินน์ไปง่าย ๆ เธอดึงกระเป๋าจากมือวินน์และโยนมันลงที่พื้น ก่อนจะเริ่มส่งเสียงตวาดออกมา “วินน์ นี่ถือว่าเป็นการเตือน อย่ามาแกล้งทำเป็นใสซื่อต่อหน้าฉัน ฉันสามารถขยี้เธอได้เหมือนกับมดตัวเล็ก ๆ ได้เลย ถ้าฉลาดพอ เธอก็ต้องออกจากบริษัทนี้ไปให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเราจะได้สนุกกันแน่!”
วินน์มองไปที่สิ่งของในกระเป๋าเธอที่ตอนนี้กระจัดกระจายอยู่บนพื้น น้ำตาคลอ เธอพูดขึ้น “รองประธานลูวอิส ฉันไม่เคยทำอะไรให้คุณโกรธเคืองเลย ทำไมคุณต้องมาแกล้งฉันด้วย?”
ยาสมินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น “แกล้งเธอ? วินน์ เธอจะยกยอตัวเองเกินไปแล้ว ผู้หญิงร่านอย่างเธอ ฉันเห็นเจอได้ทั่วไป แกล้งทำเป็นสุภาพสตรีแสนดีตอนกลางวันและเผยตัวตนที่แสนร่านตอนกลางคืน กลับไปส่องกระจกดูเงาตัวเองก่อนนะก่อนที่จะมาอ่อยแฟนของฉัน”
คำด่าทอถูกพ่นออกมาจากปากของยาสมินราวกับน้ำตก เธอตั้งใจที่จะทำให้วินน์ต้องอับอายขายหน้า
‘ฉันมองเธอออก นังแพศยา ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่”
“ฉันไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นเลย! นี่มันไร้สาระที่สุด!” วินน์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
เพี๊ยะ!
ยาสมินตบหน้าวินน์อีกครั้ง และกรี๊ดร้องออกมา “นังแพศยา! แกพูดจบรึยัง? ฉันจะจัดการแกตอนนี้เลย! นังผู้หญิงร่าน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทอันดับหนึ่ง