หลังออกมาจากคลินิก วินน์พาฟิลิปไปที่คาเฟ่ที่อยู่ใกล้ ๆ และสั่งกาแฟมาสองแก้ว
“ฟิลิปตอนนี้ฉันก็ไม่มีงานทำแล้ว เราจะทำยังไงต่อไปดี?” เธอพูดด้วยความกังวล
ก่อนหน้านี้ เธอได้ลาออกจากงานเพราะความโกรธที่พุ่งพล่าน และเริ่มที่จะรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไป
เพราะบีคอนจ่ายเงินเดือนให้เธอค่อนข้างดี และพวกเขาก็ต้องใช้เงินด่วนในช่วงนี้
ฟิลิปยักไหล่ “อย่ากังวลไปเลย ผมยังอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ทำให้เธอและลูกสาวของเราต้องอดอยาก” เขาพูดเสียงราบเรียบ
“หรือฉันควรจะกลับไปพูดกับท่านประธานฮอลล์ดี?” วินน์ถามเขา พร้อมกระพริบตาปริบ ๆ
น้อยครั้งมากที่เธอจะถามความเห็นของฟิลิป
เธอรู้สึกว่าฟิลิปนั้นเปลี่ยนไปมีบางอย่างที่ทำให้เขาดูไว้ใจได้ และนั่นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“ผมคิดว่าท่านประธานฮอลล์จะโทรมาหา เขาจะขอให้เธอกลับไปทำงานในอีกไม่ช้า” ฟิลิปพูดขึ้นอย่างใจเย็น
วินน์ประหลาดใจ เธอกรอกตาใส่ฟิลิป “คิดเองเออเองจริง นายไม่ได้เห็นหรอกเหรอว่าฉันเป็นคนบอกว่าจะลาออกต่อหน้าเขา?”
“แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันจะไม่คิดมากกับมันอยู่นานหรอกก็แค่ต้องหางานใหม่”
“บอกผมสิ วินน์ ว่าเธอชอบทำงานที่นั่นหรือเปล่า?”
“ฉันชอบเพื่อนร่วมงานก็ดีกับฉัน” วินน์พูด
แล้วเธอก็ยังคงพูดต่อไปเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้ทำงานในบริษัทนี้มา
ฟิลิปตั้งใจฟังที่เธอเล่า จากนั้นจึงขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำและโทรศัพท์ ไม่นานเสียงของเฮนรี่ เทิร์นเนอร์ก็ลอดผ่านปลายสายออกมา “วันนี้คุณจะให้ผมช่วยอะไรเหรอครับ มิสเตอร์คลาร์ค?”
“ผมอยากให้คุณช่วยดำเนินการให้มีการประชุมเรื่องความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์และบีคอน จำไว้นะว่าคุณต้องการพูดคุยตกลงกับวินน์ จอห์นสตัน เท่านั้น” ฟิลิปพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ไม่ต้องกังวลครับ มิสเตอร์คลาร์ค ผมจะจัดการเรื่องนั้นให้เอง” เฮนรี่พูดอย่างสุภาพ
หลังจากที่เฮนรี่วางสาย เขาต้องการที่จะให้ลูกน้องคนหนึ่งเป็นคนรับคำสั่งนี้ไปทำ แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก เขาจึงตัดสินใจที่จะโทรหาประธานของเภสัชกรรมบีคอนด้วยตัวเอง
เดอร์ริค ฮอลล์กำลังเดือดพลาดอยู่ในห้องทำงาน
คนรักของเขาถูกจับได้ว่ามีชู้และผู้จัดการแผนกการตลาดของเขาก็เพิ่งจะลาออกไป
‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นในวันนี้?’
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เดอร์ริครับโทรศัพท์ด้วยความโกรธ “นี่นายเป็นใคร? ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ซื้อ! ฉันไม่สนใจซื้อบ้านหลังใหม่หรือเงินกู้ยืมอะไรทั้งนั้น!”
“ท่านประธานฮอลล์ ผมเองเฮนรี่ เทิร์นเนอร์ ไม่ใช่พนักงานขาย” น้ำเสียงนั้นดังก้องออกมาจากโทรศัพท์
เฮนรี่ เทิร์นเนอร์
เดอร์ริคกระเด้งตัวขึ้น เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษออกไป “ศาส…ศาสตราจารย์เทิร์นเนอร์เหรอครับ?”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เรื่องความร่วมมือระหว่างเภสัชกรรรมบีคอนและโรงพยาบาลแห่งที่สองของเทิร์นเนอร์เป็นเรื่องเดียวที่อยู่ในใจของเดอร์ริค
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าศาสตราจารย์เฮนรี่ เทิร์นเนอร์ ผู้ทรงคุณวุฒิแห่งวงการแพทย์จะโทรมาหาเขาด้วยตัวเอง
“ผมขอโทษครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ศาสตราจารย์เทอร์เนอร์ ผมไม่ทราบว่าเป็นคุณ ผมโดนพวกพนักงานขายตามจิกอยู่ในช่วงนี้ และมันทำให้ผมจะบ้าตาย เดอร์ริครีบอธิบาย “โทรมาหาผม มีอะไรเหรอเปล่าครับ ศาสตราจารย์เทิร์นเนอร์?”
เฮนรี่ไม่อ้อมค้อม “หลังจากที่ได้ทำการศึกษาบริษัทเภสัชกรรมมากมายในริเวอร์เดล ผมก็ตัดสินใจว่าโรงพยาบาลของเทิร์นเนอร์ควรจะร่วมมือกับเภสัชกรรมบีคอนครับ”
‘ร่วมมือกับเภสัชกรรมบีคอน?’
เดอร์ริคแทบจะกระโดดด้วยความตื่นเต้น!
เขาไม่คาดคิดว่าความฝันของเขาที่จะได้ร่วมมือกันนั่นจะตกลงมาใส่ตักอย่างง่ายดาย
หรือนี่จะเป็นโชคดีที่เข้ามาแทนที่เหตุการณ์เหล่านั้น?
“คุณแน่ใจเหรอครับ ศาสตราจารย์เทอร์เนอร์ ว่าคุณจะร่วมมือกับเราจริง ๆ ?”
“แน่นอนแต่มีเงื่อนไขนึง”
“บอกมาได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขอะไรก็ตาม ผมยินดีที่จะทำตามเพื่อที่จะได้ร่วมงานกับโรงพยาบาลของเทิร์นเนอร์” เดอร์ริคไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นของตนไว้ได้
“ผมจะทำการพูดคุยและตกลงสัญญาการร่วมมือระหว่างเรากับวินน์ จอห์นสตันจากบริษัทของคุณ และผมจะเซ็นสัญญากับเธอเท่านั้น” เฮนรี่พูดขึ้น
“แน่นอนว่าพวกเรายินดีที่จะเซ็นสัญญาในวันนี้ถ้าเป็นไปได้ หรือไม่เราก็จะไปหาบริษัทอื่นแทน”
‘วินน์ จอห์นสตัน?’
เดอร์ริคตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขารีบยอมรับข้อเสนอในทันที “ได้ครับ ได้เลยศาสตราจารย์เทิร์นเนอร์ ผมจะบอกผู้จัดการจอห์นสตันตอนนี้เลย”
หลังจากที่วางสายเดอร์ริครู้สึกกังวล
‘ทำไมเฮนรี่ เทิร์นเนอร์ถึงต้องการเซ็นสัญญากับวินน์ จอห์นสตันเท่านั้นนะ?’
‘นอกเสียจากว่า... เขาจะรู้จักวินน์เป็นการส่วนตัว?’
‘ไม่นะ!’
‘วินน์เพิ่งจะลาออกไปก่อนหน้านี้เอง!
เหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของเดอร์ริค เขารีบต่อสายหาวินน์ทันที
ในขณะนั้นเอง ที่คาเฟ่ โทรศัพท์ของวินน์ดังขึ้นตอนที่ฟิลิปกลับมาที่โต๊ะพอดี เธอเห็นว่าเป็นสายจากเดอร์ริคและลังเลที่จะกดรับ
ฟิลิปยิ้ม “ทำไมไม่รับสายล่ะ? บางทีอาจจะเป็นข่าวดีก็ได้นะ”
วินน์ขมวดคิ้วแต่ก็ยอมกดรับสาย “มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ ท่านประธานฮอลล์?”
“คุณอยู่ที่ไหน ผู้จัดการจอห์นสตัน? คุณคิดว่าเราจะนัดเจอและพูดคุยกันหน่อยได้ไหม?” น้ำเสียงของเดอร์ริคกังวลเป็นอย่างมาก
นี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเขาที่จะได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลของเทิร์นเนอร์ และไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสนี้
“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ท่านประธานฮอลล์ แต่ฉันลาออกจากบริษัทแล้ว” วินน์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
วินน์เตรียมตัวที่จะกดวางสายหลังจากพูดจบ
“อย่าพึ่ง หยุดก่อน! ผู้จัดการจอห์นสตัน!” เดอร์ริคตะโกน “ได้โปรดฟังผมก่อน!”
“เอาแบบนี้แล้วกัน ผมยื่นข้อเสนอให้คุณรับตำแหน่งรองประธานบริษัท และแน่นอนว่าเงินเดือนของคุณก็จะถูกปรับขึ้นเพื่อให้เหมาะกับตำแหน่งนี้ด้วย และก็จะให้มอบเงินหนึ่งล้านเป็นการส่วนตัวเพื่อให้เป็นค่ารักษาพยาบาลของมิล่าด้วย คุณจะว่ายังไง?” เดอร์ริคพยายามที่จะโน้มน้าวเธอ
“เกิดอะไรขึ้นท่านประธานฮอลล์?” วินน์ประหลาดใจ
เดอร์ริครู้สึกกังวลเป็นที่สุด “เอาแบบนี้แล้วกัน ผู้จัดการจอห์นสตัน เรามานัดเจอกันสักที่เพื่อพูดคุยกันเถอะ”
วินน์นิ่งคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะบอกเขาออกว่าเธออยู่ที่ไหน หลังจากที่วางสาย เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงมองไปที่ฟิลิปด้วยความสงสัย “ฟิลิป นายรู้ไหม เดอร์ริคขอให้ฉันกลับไปทำงาน และเสนอตำแหน่งรองประธานบริษัทให้กับฉัน”
ฟิลิปยิ้มและแกล้งทำเป็นตื่นเต้น “นั่นเป็นข่าวดีนี่! มิล่ากับผมก็ต้องพึ่งคุณแล้วต่อจากนี้”
วินน์มองไปที่เขาพร้อมกับแกล้งทำเป็นโกรธ “ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?”
ฟิลิปจิบกาแฟ
“เธออยากรู้หรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทอันดับหนึ่ง