แม่ทัพชายแดนปกครองกองทัพจำนวนหนึ่งแสนนาย พลเรือนในค่ายอีกสองแสนนาย
พลเรือนในค่ายที่ว่านี้ หมายความว่า ยามปกติพวกเขาจะทำการเกษตรในที่ดินที่จัดสรรให้ เมื่อถึงยามวิกฤต พวกเขาสามารถหยิบดาบเข้าสู่สนามรบฆ่าฟันศัตรูได้ หากแม่ทัพชายแดนแห่งเมืองถงหยางมีเจตนาไม่ดี เช่นนั้นก็จะกลายเป็นมหันตภัยต่อราษฎรและเป็นภัยพิบัติจากมนุษย์ดี ๆ นี่เอง
หากเกิดการกบฏ แน่นอนว่าต้องใช้เงินทุน นอกจากเมืองหลวงแล้ว ที่ใดจะมั่งคั่งรุ่งเรืองไปกว่าเมืองฮู่เป่ยได้อีกเล่า? ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เมืองฮู่เป่ยล้วนเป็นหนึ่งในเมืองที่พวกเขาต้องยึดครองให้ได้
“ท่านแม่ เมืองฮู่เป่ยเราไม่ได้มีกองกำลังทหารมากนัก”
“บ่าวไปตรวจสอบมาแล้วเจ้าค่ะ มีเพียงห้าพันคนเท่านั้น” ซางจือกล่าวต่อ “ไม่ต้องเอ่ยถึงกองทัพหนึ่งแสนนาย เกรงว่ากองทัพเพียงหนึ่งหมื่นนายก็กลืนกินที่แห่งนี้ได้สบาย ๆ แล้ว”
“ในเมืองฮู่เป่ยมีคนกี่มากน้อยกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ” ซางจือตอบ “เรื่องนี้ต้องสอบถามนายอำเภอกู่”
“ซางจือ เจ้าไปที่ว่าการอำเภอสักเที่ยวเถิด เชิญนายอำเภอกู่ท่านนั้นมาดื่มชา บอกเขาว่าข้ามีเรื่องจะปรึกษา หากเขาไม่มาก็มัดตัวเขามา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ สำคัญอย่างยิ่งยวด เราจำเป็นต้องตัดสินใจโดยเร็ว”
“เจ้าค่ะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านแม่ ยังไม่มีวิธีติดต่อกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ?”
“ข้าส่งคนไปส่งจดหมายให้พี่ชายเจ้าแล้ว รอดูว่าทางเขาได้รับข่าวอะไรหรือไม่” มู่ซืออวี่เอ่ย “ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวหน่อย ยามออกไปข้างนอกก็พาคนไปเพิ่มอีกหลาย ๆ คน หากพบคนแปลกหน้า จะต้องตรวจสอบว่าเป็นผู้ใด”
“ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าจะดูแลตนเอง เพียงแต่ เสี่ยวชิงเอ๋อร์ซุกซนเกินไป ระหว่างนี้ต้องหาอะไรให้นางทำ ไม่ต้องปล่อยให้นางออกไปไหนแล้ว”
มู่ซืออวี่นวดขมับตนเอง
น่าปวดหัวยิ่งนัก
นางมีลูกสี่คน คนที่เป็นปัญหาที่สุดนึกไม่ถึงว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กของนาง
นายอำเภอกู่ตามบ่าวรับใช้จวนลู่มา
มู่ซืออวี่เองก็ไม่ได้เกรงใจเขา เอ่ยถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ในทันที
นายอำเภอกู่พลันประหลาดใจ “เมืองฮู่เป่ยและเมืองถงหยางอยู่ห่างกันมากเพียงนี้ อีกทั้งยังมีเมืองอื่นกั้นกลาง ถึงแม้แม่ทัพชายแดนแห่งเมืองถงหยางคิดจะก่อกบฏ พวกเขาก็ต้องผ่านเมืองอื่น ๆ มาก่อน เดิมทีก็ไม่น่ามาถึงเมืองฮู่เป่ยได้แม้แต่น้อย”
“ท่านคิดว่าเมืองธรรมดา ๆ จะต้านทานกองทัพที่มีทหารสามแสนนายได้หรือไม่?”
“นี่…” นายอำเภอกู่ลังเลไปครู่หนึ่ง “ฮูหยินลู่ ข้าน้อยขออภัยที่ต้องกล่าวตามตรง อย่างไรเสีย ท่านก็เป็นสตรี เรื่องของทางการไม่ใช่หน้าที่ท่านที่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว หากฝ่าบาทตำหนิลงมา ย่อมต้องเป็นหัวข้าน้อยที่ถูกบั่น เป็นบ้านของข้าน้อยที่ต้องถูกยึดทรัพย์ ในฐานะขุนนางในราชสำนัก ข้าน้อยทำได้เพียงฟังคำสั่งของขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น หากไม่มีคำสั่งจากขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้ง ข้าน้อยไม่อาจทำเรื่องอย่างการก่อกบฏนี้ได้”
“ฮูหยินผู้นี้เพียงแค่ขอให้ท่านเสริมการป้องกันกำแพงเมืองและการเฝ้าระวัง ไม่ได้ขอให้ท่านก่อกบฏ เหตุใดจึงกลายเป็นการก่อกบฏไปแล้วเล่า? หรือท่านชอบเห็นป้าย ‘เสมือนเรามาด้วยตนเอง’ ของลูกสาวข้าจึงจะยินยอมฟังคำพูดกัน?”
“การเสริมการป้องกันกำแพงเมืองก็เป็นเรื่องของราชสำนักเช่นกัน เรื่องนี้หากไม่มีคำสั่งลงมาจากเบื้องบนย่อมไม่อาจทำได้” นายอำเภอกู่เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย
มู่ซืออวี่หัวเราะเบา ๆ
นายอำเภอกู่พลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง
เขามองมู่ซืออวี่อย่างหวาดระแวง “ฮูหยินลู่ แม้ว่าท่านจะเป็นฮูหยินของอัครมหาเสนาบดี ท่านก็เป็นเพียงสตรีเท่านั้น ไม่อาจเกี่ยวข้องกับงานราชการ ถึงแม้เรื่องนี้จะไปถึงเมืองหลวง เกรงว่าอัครมหาเสนาบดีลู่ก็ไม่อาจปกป้องท่านได้ ฮูหยินได้โปรดอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ในราชสำนักเลย มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อใต้เท้าลู่และทำลายทั้งสกุลลู่ได้”
“ท่านไม่ฟังข้าหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...