และเลขาหลิวก็รู้ด้วยว่าแม่ของท่านประธานนั้นถูกคุณปู่เย่บีบให้จากไป และคุณปู่เย่ก็ไม่อนุญาตให้ท่านประธานพบเจอแม่ของตัวเอง เรื่องนี้คิดๆแล้วก็ช่างโหดร้ายนัก !!
ในเวลานี้นักข่าวก็มาพูดถึงเรื่องแม่ของท่านประธานอีก ท่านประธานก็ย่อมต้องโกรธอย่างแน่นอน
ดวงตาที่เย็นเยือกของเย่ซือเฉินค่อยๆหรี่ลง คำพูดของฉิงถิง เขาย่อมต้องเข้าใจ เรื่องในตอนนั้นให้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านั้นย่อมจะทำลายแม่ของเขาจนไม่เหลือซากเป็นแน่
สภาพจิตใจของแม่ก็เพิ่งฟื้นดีขึ้นได้ไม่เท่าไร เขาไม่ยอมให้แม่ของเขาต้องมาเจ็บปวดอีกแน่นอน
ในตอนนั้นคุณปู่เย่ประกาศต่อสาธารณชนว่าแม่ได้เสียชีวิตลงแล้ว เป็นแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องให้แม่ของเขาถูกเรื่องของตระกูลเย่มารบกวนอีก
เย่ซือเฉินแอบถอนหายใจ จากนั้นก็ก้าวเดินไปข้างหน้า แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
นักข่าวหลู่เห็นคุณชายสามเย่จากไปแบบนี้ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กๆ เพราะเย่ซือเฉินจากไปตอนนี้ พวกเขาก็ขุดหาข่าวอื่นๆต่อไม่ได้อีก
นักข่าวหลู่ที่กำลังรู้สึกผิดหวัง จู่ๆก็มีข้อความเตือนแจ้งดังเข้ามา นักข่าวหลู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรวดเร็ว เปิดข้อความออกดู เมื่อเห็นเนื้อความแล้ว ดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง เขารีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังเย่ซือเฉินที่เดินออกห่างไปไกลแล้ว
“คุณชายสามเย่ไปแล้วจริงๆเหรอ ? นี่มันจะไร้หัวใจเกินไปแล้ว เมื่อกี้คุณปู่เย่โทรมาขอร้องเขาขนาดนั้น ขอร้องให้เขากลับไป ทำไมเขาถึงได้โหดร้ายกับคนแก่ได้ถึงเพียงนี้ นั้นคือญาติของเขาแท้ๆ ” เมื่อนักข่าวหลู่เห็นว่านักข่าวคนอื่นๆกำลังจะแยกย้ายกันไป ก็จงใจพูดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อกี้คุณปู่เย่โทรเข้าเบอร์ของคุณ ตอนนั้นคุณเองก็อยู่ใกล้ๆ ได้ยินที่คุณปู่เย่พูดใช่ไหม ตอนนั้นคุณปู่เย่ขอร้องให้คุณชายสามเย่กลับไปใช่ไหม ?”เป็นนักข่าวก็ย่อมต้องสามารถคาดการณ์เรื่องราวต่างๆได้ ได้ยินคำพูดของนักข่าวหลู่ ก็มีคนถามคำถามขึ้นมาทันที และแน่นอนว่าคำถามนี้ก็เป็นประเด็นที่ดีได้ด้วยเช่นกัน
“คุณปู่เย่พูดอะไรนั้นฉันเองก็ได้ยินไม่ค่อยชัด แต่ฉันได้ยินคุณปู่เย่พูดให้คุณชายสามเย่กลับไปที่ตระกูลเย่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ตอนนั้นน้ำเสียงของคุณปู่เย่ฟังดูแล้วเศร้ามาก คุณปู่เย่คงหวังที่จะให้คุณชายสามเย่กลับไปจริงๆ” นักข่าวหลู่ก็เป็นคนฉลาด ย่อมไม่พูดคำพูดที่มันชี้ชัดแน่นอน แต่ความหมายที่เขาอย่างจะสื่อก็สื่อออกไปหมดแล้ว
“คุณปู่เย่ต้องเสียใจมากแน่ๆ หลานชายที่เลี้ยงมาจนโตขนาดนี้จู่ๆก็บอกว่าจะตัดขาดกับเขา เขาจะไม่เสียใจได้ยังไง?”ในส่วนของตรงนี้ ก็เกิดการขานรับที่ตรงกันขึ้นมาในทันที
“ใช่ ใครที่เจอเรื่องแบบนี้ก็ย่อมต้องเสียใจทั้งนั้น ยิ่งคุณปู่เย่ก็มีอายุมากแล้ว”
“เมื่อกี้คุณปู่เย่ขอร้องคุณชายสามเย่ให้กลับไปขนาดนั้น คุณชายสามเย่ไม่สนใจเลยสักนิด ช่างไร้หัวใจจริงๆ ”
“ทำไมคุณชายสามเย่ถึงทำแบบนี้ ? ต้องขนาดนี้เลยเหรอ ? ไม่สนใจบ้าน และไม่สนใจครอบครัวเลย ”
“คงเป็นเพราะคุณปู่เย่ประกาศเรื่องหมั้นหมายระหว่างคุณชายสามเย่กับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เมื่อครั้งก่อน และเป็นไปได้ว่าเรื่องที่คุณปู่เย่ตัดสินใจเรื่องงานแต่งนั้น คุณชายสามเย่ไม่รู้เรื่องด้วย ในช่วงเช้าคุณชายสามเย่ก็เพิ่งจะโยนเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ออกมาจากประตูของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปไม่ใช่เหรอ?”
“ต่อให้จะเป็นแบบนั้น คุณชายสามเย่ก็ไม่น่าจะตัดขาดกับตระกูลเย่ได้ คุณปู่เย่ไม่ได้รับการยินยอมจากคุณชายสามเย่ก็ตัดสินใจแทนเย่ซือเฉินเรื่องงานแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เรื่องนี้คุณปู่เย่ก็ทำไม่ถูก แต่ทำไมมีอะไรถึงไม่คุยกันดีๆ ต้องมาทะเลาะกันจนถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”
“หากเรื่องการแต่งงานนี้คุณปู่เย่ปิดบังคุณชายสามเย่แล้วจัดการมันขึ้นมาเอง ก็ไม่แปลกที่คุณชายสามเย่จะโกรธ ครั้งที่แล้วที่คุณชายสามเย่จัดงานแถลงข่าวก็เคยพูดเอาไว้ว่าในชีวิตนี้จะแต่งงานกับเวินลั่วฉิงคนเดียว เรื่องนี้คุณปู่เย่เองก็รู้ ตอนนั้นคุณปู่เย่ก็ไม่พอใจเวินลั่วฉิงเป็นอย่างมาก ยังแกล้งป่วยจนต้องโรงพยาบาลเพื่อใส่ร้ายเวินลั่วฉิง ครั้งนี้คุณปู่เย่ก็ปิดบังคุณชายสามเย่คุยเรื่องแต่งงานกับองค์กรโกสต์ซิตี้ นั้นมันองค์กรโกสต์ซิตี้นะ เห็นชัดว่าครั้งนี้คุณชายสามเย่ถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือกแล้ว”
แน่นอนว่าก็ต้องมีคนพูดเข้าข้างเย่ซือเฉิน และที่พูดก็เป็นเรื่องจริงเช่นเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
แอด ถ้าเป็นไปได้ช่วยอัพ1031-1049เป็นจื่อโม่จะเผยตัวกับพ่อ ท่อนนี้หายไป ไม่รู้จะไปตามเรื่องนี้ได้ที่ไหน ขอบคุณมากกกกกกกก...
ตอนหายไป 400 ตอนเลย จะหาอ่านได้ที่ไหนคะ 😓...