เช้าวันต่อมา...กรุงเทพฯ. เวลา 07:47 น. สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
“ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่” อาร์เธอร์กับอาร์เชอร์ยกมือไหว้ก่อนจะเข้าไปกอดบิดากับมารดา
“จ้า ถึงแล้วแชตมาบอกแม่ด้วยนะ” ช่อเอื้องบอกพร้อมกับหอมแก้มของบุตรชายทั้งสองอย่างรู้สึกใจสั่นหวิวนิดๆ ที่ต้องอยู่ห่างกันนานๆ
“ครับ” สองหนุ่มขานรับทันใด
“คุณพ่อต้องดูแลคุณแม่ดีๆ นะครับ” อาร์เชอร์หันไปบอกบิดา
“พ่อให้สัญญาครับ อย่าดื้ออย่าซนกับคุณย่านะลูก” แม่ทัพยิ้มรับก่อนจะกำชับบุตรชายทั้งสอง
“ผมสัญญาว่าจะทำตัวน่ารักครับ” อาร์เธอร์บอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมก็สัญญาว่าจะวางตัวดีๆ ครับ” อาร์เชอร์บอกก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ คุณย่าที่แสนใจดี
“ไปก่อนนะจ๊ะ ทัพ เอื้อง” มาลีนบอกหลังคนสนิทเข้ามาสะกิดเตือน ว่านักบินและลูกเรือพร้อมแล้ว
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณแม่” ช่อเอื้องบอกยิ้มๆ
“จ้า ไปเร็วครับสองหนุ่ม” มาลีนขานรับก่อนจะเรียกสองหนุ่มให้ออกเดินตามไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของบุตรชาย
“บายฮะ” อาร์เธอร์กับอาร์เชอร์โบกมือให้กับบิดามารดา จากนั้นก็วิ่งตามคุณย่าสุดเลิฟไปขึ้นเครื่องบินพร้อมกับพี่เลี้ยงอย่างอารมณ์ดี
แม่ทัพที่ยืนโบกมือให้บุตรชายทั้งสองเสร็จแล้ว แต่พอหันกลับมาก็เห็นภรรยาคนสวยน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง เขาถึงกับตกใจ “อ้าว! หนูร้องไห้ทำไมครับ”
“ฮึก...คิดถึงลูกค่ะ” ช่อเอื้องบอกก่อนจะโผเข้ากอดสามี
“โอ๋ๆ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราก็บินตามไปแล้วครับ” แม่ทัพกอดปลอบภรรยา
“แต่ว่าเอื้อง...”
“พี่มีโครงการใหม่จะอวดหนูครับ” แม่ทัพบอกสิ่งที่เก็บเอาไว้มานาน
“โครงการอะไรคะ?” ช่อเอื้องหยุดร้องไห้แล้วเงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย
“ไม่บอกครับ” คนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ พาภรรยาคนสวยเข้าไปในนั่งในรถเสร็จ ก็ผูกผ้าปิดตาเธออย่างไม่รอช้า จากนั้นก็ขับรถตรงไปยังจุดหมายปลายทางอย่างอารมณ์ดี
ยี่สิบนาทีต่อมา...แม่ทัพจอดรถเสร็จก็หันไปบอกภรรยาที่นั่งเงียบมาตลอดทาง “ถึงแล้วครับ”
“เปิดตาได้หรือยังคะ” ช่อเอื้องถามอย่างสงสัย กลัวว่าสามีจอมหื่นของเธอจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ
“ยังครับ! จับแขนแล้วค่อยๆ ก้าวตามมา” แม่ทัพเปิดประตูลงจากรถเสร็จก็เดินอ้อมไปเปิดประตูรถ แล้วพาภรรยาก้าวออกมาตามทางอย่างขำๆ
“แหม...ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” ช่อเอื้องถามอย่างไม่เข้าใจ
“ครับ พร้อมหรือยังเอ่ย” แม่ทัพบอกหลังจากพาภรรยาคนสวยเดินมาถึงจุดหมาย
“พร้อมค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับเบาๆ
“เปิดที่ปิดตาได้เลยครับ” แม่ทัพบอกก่อนจะหันไปให้สัญญาณ ผู้คนมากมายพากันเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กัน
“เซอร์ไพรส์!!!”
ช่อเอื้องได้ฟังก็ตกใจ รีบดึงผ้าที่ปิดตาออก แล้วจ้องมองสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง “ป้านิล ลุงศักดิ์ นี่มัน...”
“พี่ซื้อชุมชนนี้ต่อจากเสี่ยวินัยแล้วครับ” แม่ทัพบอกยิ้มๆ หลังจากเจรจาต่อรองกันมาหลายปี สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมขายให้แต่โดยดี
“อะพาร์ตเมนต์ ศรชัย” ช่อเอื้องอ่านเสร็จ น้ำตาก็ไหลอาบแก้มเป็นทาง ไม่คิดว่าเวลาผ่านมาตั้งสิบปีแล้วที่บิดาของเธอได้จากไป แต่เจ้าชายมาดดุของเธอก็ยังคงให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายอยู่เสมอ
“ครับ พี่เอาชื่อของพ่อชัยมาตั้งเป็นชื่ออะพาร์ตเมนต์ จะให้ลุงศักดิ์กับป้านิลเป็นคนดูแล ส่วนบ้านของหนู พี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากทำรั้วล้อมรอบเอาไว้เท่านั้นครับ” แม่ทัพชี้ไปยังบ้านหลังน้อยของสาวเจ้าที่ยังอยู่ในสภาพเดิม
“ขอบคุณคุณทัพมากๆ นะคะ ที่สร้างอะพาร์ตเมนต์ให้พวกเราอยู่” อรนภาบอกพร้อมกับยกมือไหว้เจ้าของค่ายมวยดังอย่างดีใจ
“ใช่ค่ะ! แถมค่าเช่าก็ไม่แพง ทั้งสะดวกสบายและปลอดภัยกว่าเดิมเยอะเลย” สีมาบอกอย่างตื้นตันในน้ำใจของหนุ่มตรงหน้า
แม่ทัพยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตอบ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่ตรงนี้มีความหมายกับน้องเอื้องครับ ดังนั้นผมหวังว่า...คุณลุงคุณป้า และ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข”
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนในชุมชนขานรับน้ำตาคลอหน่วย เพราะเจ้าของค่ายมวยดังให้อยู่อะพาร์ตเมนต์ฟรีถึงหนึ่งปีเต็ม โดยจ่ายแค่ค่าน้ำกับค่าไฟเท่านั้น
“เชิญเจ้าของตัดริบบิ้นครับ” แม่ทัพส่งกรรไกรให้กับภรรยาคนสวย
“หนูเหรอคะ?” ช่อเอื้องเช็ดน้ำตาแล้วขมวดคิ้วถามย้ำอย่างแปลกใจ
“ครับ หนูนั่นแหละ” แม่ทัพบอกอย่างขำๆ
ช่อเอื้องรับกรรไกรมาตัดริบบิ้นเปิดงานมือไม้สั่น ท่ามกลางสีหน้ายินดีและชื่นชมของผู้คนในชุมชน ที่พากันปรบมือและโห่ร้องกันอย่างคึกครื้น
“เชิญทุกคนรับประทานอาหารและดื่มกันเต็มที่ได้เลยนะครับ” แม่ทัพหันไปบอกทุกคนยิ้มๆ
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนขานรับก่อนจะพากันเดินเข้าไปในงาน ที่มีอาหารสารพัดเมนู กระจายอยู่ตามซุ้มต่างๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มอย่างเบียร์สด น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ปั่น
โดยจะมีพนักงานคอยบริการอยู่ตามซุ้มต่างๆ ให้ทุกคนเดินเข้าไปสั่งแล้วยกกลับมานั่งทานด้วยกันที่โต๊ะ จากนั้นก็เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงอันไพเราะของนักร้องลูกทุ่งและนักร้องเพื่อชีวิตชื่อดัง หลายคน ซึ่งถูกจ้างมาขับกล่อมและสร้างสีสันลากยาวไปจนถึงสี่ทุ่มของค่ำคืนนี้
“คุณเอื้องครับ รบกวนเซ็นชื่อในเอกสารด้วยครับ” ทนายวัย 47 ปีส่งเอกสารและปากกาไปให้ภรรยาของเจ้านายด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“รีบเซ็นสิครับ พี่อยากไปดื่มกับลุงศักดิ์แล้ว” แม่ทัพเอ่ยเร่ง เมื่อเห็นเมียรักก้มลงมองเอกสารนิ่งอยู่กับที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)