ตอนที่ 1185 หน่วยเงาหมาป่ามาถึงไต้หวัน
………………..
ในยุคที่ความรู้สึกไม่แยแสมีมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นแม้แต่พี่พ่อแม่พี่น้องต่างก็สามารถโต้เถียงและขัดแย้งกันได้เสมอนั้นก็มักจะมีความรู้สึกในความสนใจสิ่งเดียวกันและร่วมกันจนเกิดพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าพันธมิตรของผลประโยชน์ดังกล่าวมักจะเปราะบางก็ตามแต่ผู้คนจำนวนมากก็ต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการทหารหรือแม้แต่การเมืองล้วนอาศัยความสัมพันธ์นี้เพื่อพัฒนากันทั้งนั้น ซึ่งเซินเจี๋ยที่เป็นคนที่มีทะเยอทะยานมากและเขาอาจจะไม่เคยมีส่วนร่วมในกิจการขององค์กรเทียนเต๋ามาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีการพิจารณาใดๆ หรือไม่สนใจองค์กรเทียนเต๋าเลยและไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรในประเทศสหรัฐอเมริกานอกจากเรียนแต่อย่างใด เพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกมาเฟียที่นั่นและยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรทหารรับจ้างอินทรีขาวแห่งสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ซึ่งการที่เซินเจี๋ยกลับมาที่ไต้หวันนั้นคริสพาร์คเกอร์ผู้นำองค์กรทหารรับจ้างอินทรีขาวก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกันเพราะถ้าเขาช่วยเซินเจี๋ยล่ะก็แน่นอนว่าเขาจะต้องไร้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลเช่นกัน
ตามเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดในการร่วมมือกับเซินเจี๋ยนั้นก็คือ ทุกๆ กิจกรรมและทุกๆ ภารกิจในไต้หวันนั้นองค์กรทหารรับจ้างอินทรีขาวจะมีส่วนรับผิดชอบทั้งหมดและผูกขาดธุรกิจการว่าจ้างกับเซินเจี๋ยและมาพร้อมกับค่าว่าจ้างจำนวนมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าเซินเจี๋ยไม่ใช่คนโง่และเนื่องจากทั้งสองฝ่ายเต็มใจที่จะยอมรับเงื่อนไขนี้พวกเขาก็มีการเตรียมการเป็นของตัวเองโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามโชคไม่ดีที่เซินเจี๋ยดันเลือกคู่ต่อสู้ผิดนั่นเอง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ของหวังหมิงซูแล้วเย่เชียนก็ขึ้นและไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าเพราะหวังหมิงซูนำข่าวดีมาและด้วยหลักฐานนั้นเขาจะสามารถจัดการกับเซินเจี๋ยได้อย่างสมเหตุสมผลภายใต้การสวมหน้ากากผู้ผดุงความยุติธรรมให้เซินเฉาหยางและเขาจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนในองค์กรเทียนเต๋าอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ที่สุดชางหมิงผู้ซึ่งไม่พอใจเซินเจี๋ยมาโดยตลอดก็จะช่วยเขาและสนับสนุนหวังหมิงซูโดยไม่ลังเล
ตราบใดที่หวางหมิงซูดำรงตำแหน่งผู้นำองค์กรเทียนเต๋าล่ะก็ประเด็นที่เหลือก็จะสามารถแก้ไขได้ง่าย ในอนาคตตราบใดที่ความแข็งแกร่งของหัวหน้าเขตทั้งสิบสองค่อยๆ ลดลงทีละขั้นและคนของพวกเขาทั้งหมดถูกจัดระเบียบใหม่ล่ะก็องค์กรเทียนเต๋าทั้งหมดก็จะอยู่ในกำมือของเย่เชียน
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นอีกครั้งจากนั้นเย่เชียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูพบว่ามันเป็นสายของโจวเจิ้งผิง เมื่อเห็นแบบนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่ปากของเย่เชียนเพราะดูเหมือนว่ามีข่าวดี ซึ่งหลังจากรับสายแล้วเสียงของโจวเจิ้งผิงก็ดังมาจากฝั่งตรงข้าม “น้องเย่..ฉันมีข่าวดี..เราพบข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งกบดานของพวกทหารรับจ้างอินทรีขาวแล้ว!”
“เป็นข่าวดีจริงๆ” เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ?”
“พวกนั้นอยู่ในอาคารร้างทางตอนเหนือของเมืองไทเป..ตอนนี้ที่คนของฉันกำลังเฝ้าสังเกตการณ์..ตามรายงานจากคนของฉันดูเหมือนว่าพวกมันกำลังเตรียมตัวเคลื่อนไหวกันอยู่..เหมือนว่าจะมีบางอย่างเร่งด่วนเกิดขึ้นในตอนนี้” โจวเจิ้งผิงพูด “ไม่รู้ว่าคนของฉันจะต้านพวกมันได้หรือเปล่า..แล้วเมื่อไหร่นายจะมา?”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เย่เชียนพูด “มีอีกอย่างที่ผมอยากจะรบกวนพี่ใหญ่โจว..ช่วยติดต่อสถานีตำรวจละแวกนั้นและบอกให้พวกเขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรจะได้หรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีปัญหา..เดี๋ยวฉันจัดการให้” โจวเจิ้งผิงพูด “นายวางใจได้เลย..แต่อย่าเสียงดังเกินไปล่ะไม่อย่างนั้นฉันจะหาข้ออ้างไม่ได้..ฉันให้ได้แค่ครึ่งชั่วโมงเพราะถ้ามากกว่านั้นมันจะลำบาก”
“แค่ครึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว” เย่เชียนพูด “ถ้างั้นผมขอรบกวนพี่โจวด้วย..เดี๋ยวผมรีบไป..เอาไว้ดื่มฉลองด้วยกันหลังจากนี้ก็แล้วกันครับ” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็วางสายไป จากนั้นเขาก็หันไปมองซูเหว่ยและพูดว่า “ดึกๆ ถ้าหิวก็หาอะไรกินได้เลยนะ..ถ้าไม่อยากทำก็สั่งมากินก็ได้..ถ้าต้องการอะไรก็บอกคนข้างนอกให้ไปซื้อให้..อย่าออกไปไหนนะรู้มั้ย?
ซูเหว่ยพยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว..นายต้องระวังด้วยนะ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอก..ฉันคือเย่เชียนที่ไม่สามารถถูกฆ่าตายได้..ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดเบอร์โทรศัพท์ของเฉินโม่ขณะเดินออกไปพร้อมอธิบายเรื่องสั้นๆ และสั่งให้เฉินโม่ส่งคนไปที่นั่นโดยด่วน
จากนั้นเย่เชียนก็ขึ้นรถและขณะเตรียมสตาร์ทรถแล้วออกไปทันใดนั้นการแสดงออกของเย่เชียนก็แน่นิ่งไปชั่วขณะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ออกมาได้แล้ว!”
เมื่อเสียงนั้นจบลงเย่เชียนก็เห็นร่างเงาออกมาจากมุมมืดๆ และเดินมาที่ด้านหน้าของรถ จากนั้นก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “บอส!” จะเป็นใครอีก?
อย่างไรก็ตามตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่มีอะไรให้ทำและมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บคนเก่งๆ อย่างนากาซาวะเคโกะเอาไว้ที่นั่น ซึ่งสถานการณ์ของไต้หวันในตอนนี้คือเวลาที่ต้องการคนมากที่สุดดังนั้นจะดีมากถ้าให้เธอมาช่วยเพราะท้ายที่สุดนากาซาวะเคโกะก็เป็นถึงผู้นำขององค์กรชาโด้ซากุระและตอนนี้เธอเป็นรองหัวหน้าของหน่วยเงาหมาป่า ซึ่งฝีมือของเธอก็เก่งมากดังนั้นเธอจึงสามารถเข้ามาในบ้านได้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
“ขึ้นรถมา!” เย่เชียนพูดอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถและขับรถออกจากบ้านพัก ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองของนากาซาวะเคโกะก็เร็วมากเพราะทันทีที่รถสตาร์ทเธอก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างโดยตรงราวกับปลาคาร์ปที่ฉลาดและพลิ้วไหว “เธอมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” เย่เชียนถามขณะขับรถ ถึงแม้ว่าองค์กรชาโด้ซากุระจะถูกเย่เชียนนำมารวมกับหน่วยเงาหมาป่าแล้วก็ตามแต่ทว่าพวกเธอก็มีอิสระมากมายและการกระทำส่วนใหญ่ก็ยังคงถูกบัญชาการโดยนากาซาวะเคโกะเองโดยไม่ต้องผ่านชิงเฟิง
“เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นานค่ะ!” นากาซาวะเคโกะพูดจากนั้นก็มีแววตาเศร้าๆ และเธอก็พูดอย่างไม่อดทนว่า “บอสคะ..ฉันคิดถึงบอสมากเลย”
หัวใจของเย่เชียนก็สั่นสะท้านและใบหน้าของเขาก็ดูหม่นหมองอีกครั้งและเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “นี่เธอต้องการอะไรจากฉันกัน..อีกอย่างฉันไม่เคยบังคับให้เธอมาคอยติดตามฉันเลย..แต่ถ้าเธอเลือกที่จะทรยศฉันก็ออกไปได้ทุกเมื่อแต่แน่นอนว่าฉันจะไม่แสดงความเมตตากับเธอเด็ดขาด”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน