ตอนที่ 22 นายน้อยจอมเสแสร้ง
หลังจากที่พวกเขาขึ้นรถกันแล้ว หลินโรโร่วมีแต่คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว เธอจึงถามขึ้นว่า
“เย่เชียน… ทำไมผู้หญิงคนนั้นเค้าถึงเรียกคุณว่าผู้มีพระคุณเหรอคะ ?”
เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบเธอไปว่า
“อ้อ… เรื่องมันเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสเมื่อสองปีก่อนน่ะ พอดีตอนนั้นเธอโชคร้าย เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ร้ายแรงโดยบังเอิญ แต่ผมไปเจอเธอทันเวลาและช่วยเธอออกมาพอดี”
เย่เชียนพูดราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่หลินโรโร่วรู้ว่ามันคงไม่ง่ายอย่างที่เล่ามา แต่เนื่องจากเย่เชียนไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านั้น เธอก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้เขาต่อ เธอรู้ว่าบางสิ่งก็ไม่ควรที่จะเค้นหาคำตอบหากคนผู้นั้นไม่ต้องการที่จะเล่า เธอเชื่อว่าวันหนึ่งเมื่อถึงเวลา เย่เชียนก็คงบอกเธอเอง
“อย่างนี้นี่เอง!” เธออุทานออกมาเบา ๆ จากนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
…
เป็นเวลาสองทุ่มเศษ ๆ แล้วที่พวกเขาย่างเท้าเข้าไปในบาร์ สายตาของหลินโรโร่วกวาดมองไปทั่วและเมื่อเธอเห็นซูย่าหยิง เธอจึงโบกมือแล้วพูดกับเย่เชียนว่า
“พวกเขาอยู่ตรงนั้น เราไปกันเถอะ”
เย่เชียนพยักหน้า
“อืม คุณเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง”
“เอางั้นก็ได้… แต่คุณอย่าแอบหนีฉันไปไหนนะ!” หลินโรโร่วแกล้งยิ้มร้าย ๆ จากนั้นเธอก็เดินไปหาซูย่าหยิง
เย่เชียนหันหลังกลับและเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์ของบาร์ จากนั้นเขาก็ดึงเงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง เขาแอบส่งเงินให้บาร์เทนเดอร์สาวอย่างรวดเร็วและแนบเนียน
“นี่เงินส่วนที่เหลือ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ…”
บาร์เทนเดอร์สาวคนนั้นคือเซียวหลงนูนั่นเอง เธอยิ้มและรับเงินไปแต่ดวงตาทั้งคู่ของเธอกลับจ้องไปทางหลินโรโร่วอย่างไม่วางตาก่อนจะถามออกมาว่า
“เธอคนนั้นเป็นแฟนนายเหรอ ?”
เย่เชียนไม่ตอบคำถาม เขาได้แต่ยิ้มเบา ๆ พร้อมถามกลับไปว่า
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับคนพวกนั้นไหม ?”
“เอ้า! ถ้านายไม่รู้จักพวกเขา แล้วทำไมนายถึงไปอยู่กับพวกเขาได้ล่ะ ?” เซียวหลงนูเลิกคิ้วถามด้วยความตกใจ เพราะเธอเห็นผู้หญิงที่มากับเย่เชียนเดินไปที่กลุ่มของซูย่าหยิง เธอจึงคิดว่าเย่เชียนต้องรู้จักพวกเขา
เย่เชียนส่ายหัวแล้วตอบว่า “ผมไม่รู้จักพวกเขาหรอก ทำไม มันแปลกมากเหรอ ?”
“คนที่สวมนาฬิกาอาร์มานี่นั่นน่ะ เขาชื่อ อู่หยางเทียนหมิง พ่อของเขาเป็นเลขานุการคณะกรรมการเทศบาลของเซี่ยงไฮ้ ชื่อ อู่หยางเฉิง
อู่หยางเทียนหมิงเป็นลูกคุณหนูเจ้าปัญญา แถมยังเป็นหนึ่งในสี่หนุ่มผู้มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองเซี่ยงไฮ้อีกแน่ะ พวกคนอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มเขาล้วนแต่เป็นพวกที่มีอิทธิพล พวกเขาต่างก็เป็นลูกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรือไม่ก็ลูกของพวกมาเฟียทั้งนั้นเลย ดูสิ! นายน้อยอู่หยางกำลังมองแฟนนายอยู่ ฉันคิดว่าเขาน่าจะสนใจเธอมากเลยล่ะ นายต้องระวังไว้ให้ดีเลยเชียวนะ” เซียวหลงนูร่ายยาว พร้อมเตือนส่งท้ายด้วยความเป็นห่วง
เย่เชียนหันหน้าไปดูและเห็นว่าอู่หยางเทียนหมิงกำลังลุกมานั่งข้าง ๆ หลินโรโร่วพร้อมกับแสดงท่าทางเรียกร้องความสนใจ แต่ดูเหมือนว่าหลินโรโร่วจะไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มบาง
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณที่ช่วยเตือนผมนะ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งใดที่เป็นของผม มันก็จะเป็นของผมเสมอ ไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปจากผมได้และก็ไม่มีใครกล้าเอาไปด้วย!”
เซียวหลงนูจ้องมองเขาอย่างประทับใจ จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มแล้วพูดว่า
“นายดูท่าจะมั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียวนะนี่…”
เย่เชียนยิ้มเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาลุกขึ้นพลางโบกมือลาเซียวหลงนูที่บาร์และเดินไปที่โต๊ะของหลินโรโร่ว
เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาที่โต๊ะ อู่หยางเทียนหมิงก็มองดูเขาด้วยสีหน้ารังเกียจและทำท่าทางไม่แยแส
หลินโรโร่วรีบดึงเย่เชียนลงมานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ เธอแล้วถามว่า


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน