หลีเหว่ยเคยพูดเอาไว้ว่าเหล็กในของนางผญาตัวต่อนั้นมีพิษร้ายแรงที่สุด แต่ก็เทียบไม่ได้กับเข็มของหมาป่าเขี้ยวพิษเลย
เมื่อเห็นหลิวเทียนเฉินเดินมาอยู่ข้างหน้าเขาแล้วหัวใจของหลัวจ้านก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนถูกบีบ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าความรู้สึกเหมือนถูกมดกัดกินหัวใจมันเป็นอย่างไรก็ตาม แต่เขาก็สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่ามันจะต้องทรมานมากกว่าความตายเป็นหลายเท่าอย่างแน่นอน และถ้าหากว่าอยากที่จะตายก็ไม่สามารถที่จะตายได้และไม่สามารถหลุดพ้นไปจากมันได้เลย
หลัวโจวนั้นก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะพูดก็ตามถึงยังไงแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะต้านทานยาโจมตีจิตประสาทชนิดนั้นได้เลยแม้แต่น้อย และในท้ายที่สุดแล้วเขาไม่เพียงแค่ต้องพูดทุกอย่างออกมาอย่างหมดจดเพียงเท่านั้นแต่เขาก็ต้องทรมานเจียนตายอยู่ดี จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเหือกใหญ่แล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า “ก็ได้ๆ ..ฉันจะพูด..ฉันจะพูด”
เย่เชียนยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ผู้การหลัว..มันคงจะดีถ้าคุณตัดสินใจได้ก่อนหน้านี้..ทำไมคุณต้องฝืนทรมานขนาดนี้ด้วยล่ะ”
หลัวจ้านถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ถ้าแกอยากรู้อะไรก็ถามมาได้เลย..แค่ส่งฉันให้ตายไปอย่างสบายๆ ก็พอ”
“ใครเป็นคนจ้างคุณ?” เย่เชียนถามตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อมใดๆ
“เขาชื่อเฝิงเฝิง..ฉันรู้ว่าเขามีอิทธิพลมากในประเทศจีน..แต่ฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาทำธุรกิจอะไร” หลัวโจวตอบตรงๆ
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเฝิงเฝิงก็คือเฝิงเฝิงจริงๆ “คุณติดต่อเขายังไง” จากนั้นก็เย่เชียนถามต่อ ซึ่งเย่เชียนนั้นก็รู้ดีว่าในหลายๆ กรณีนั้นมันจำเป็นที่จะต้องมีคนกลางในการติดต่อเพื่อจ้างองค์กรรับจ้างเหล่านี้ เว้นแต่ทั้งสองฝ่ายจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วถึงจะไม่ต้องมีพิธีการอะไรมาก ซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่ายังมีคนกลางระหว่างเฝิงเฝิงและหลัวโจวอีกหรือไม่ และเขาก็ต้องถามว่ามีหรือไม่เพราะถึงยังไงแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนแล้วก็เป็นคนที่ทำร้ายอู๋หวนเฟิงทางอ้อมทั้งนั้นและคนเหล่านั้นก็ต้องจ่ายด้วยชีวิตของตนเองเพียงเท่านั้น
“ฉันไม่รู้จักเฝิงเฝิงหรอก..เหว่ยเฉิงหลงแนะนำฉันให้รู้จักกับเขาน่ะ” หลัวโจวพูด
“เหว่ยเฉิงหลง?” เย่เชียนขมวดคิ้วอย่างแน่นเพราะผู้ชายคนนี้ไม่รู้จักจำเลยเพราะครั้งสุดท้ายเหว่ยเฉิงหลงก็ได้ติดต่อไปหาหวงฟู่เส้าเจี๋ยเพื่อสร้างปัญหาให้กับเขาและตอนนี้เหว่ยเฉิงหลงก็ได้ติดต่อไปหาเฝิงเฝิงและยุยงให้จ้างพวกทหารรับจ้างดอกฝิ่นให้มาจัดการกับเขา ซึ่งผู้ชายคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมที่ชั่วร้ายอย่างมากและเฝิงเฝิงก็ถูกเหว่ยเฉิงหลงหลอกใช้อย่างสมบูรณ์
“แล้วคุณกับเหว่ยเฉิงหลงเจอกันได้ยังไง” จากนั้นเย่เชียนก็ถามต่อ
“ก็พ่อของเหว่ยเฉิงหลงเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดของจีนและเป็นถึงหนึ่งในสามของผู้ค้ารายใหญ่ในแถบสามเหลี่ยมทองคำ..เพราะงั้นฉันก็เลยรู้จักเขาเป็นปกติอยู่แล้ว” หลัวโจวพูด
เย่เชียนพยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “พี่เฟิงหลาน..ส่งเขาไปสู่สุคติที..การฝังศพเขาในสภาพที่ดีก็ถือว่าเป็นความเมตตากรุณาเราเช่นกัน”
หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินออกไป โลกแห่งความจริงก็มักจะเป็นเช่นนี้เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องฆ่าแล้วล่ะก็จะไม่มีความเมตตาใดๆ แต่ทว่าสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คืออย่าให้คนที่เราฆ่าต้องอยู่ในที่ที่ไม่ควรแต่ต้องส่งไปยังที่ที่เหมาะสม ซึ่งนี่ก็เป็นการแสดงความเมตตาครั้งสุดท้ายสำหรับชีวิตของหลัวโจว
หลัวโจวก็ยิ้มอย่างขมขื่นและไม่ได้แสดงความเกรงกลัวความตายมากนักแต่กลับมีเพียงความเสียใจและความโศกเศร้าอย่างไม่เต็มใจ
ปัญหาของเหล่ากองกำลังทหารรับจ้างดอกฝิ่นได้รับการแก้ไขแล้วโดยการเชิญศัตรูเข้าถ้ำเสือนั้นเป็นแผนที่เสร็จสมบูรณ์และข้อมูลความจริงที่ต้องการรับรู้ก็ได้รับอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่สิ่งเดียวที่ยังคงทำให้เย่เชียนรู้สึกเศร้าเพียงเล็กน้อยก็คือบางครั้งเขาก็ไม่ได้อยากที่ฆ่าแต่ทว่ามันก็จะมีใครสักคนมาคอยขวางทางเขาอยู่เสมอ ปลายทางของเขี้ยวหมาป่าที่รุ่งโรจน์นั้นมันก็จะต้องเต็มไปด้วยการหลั่งเลือดพร้อมกับขี้เถ้าและกระดูก
…..
ตอนนี้เรื่องราวต่างๆ ก็ได้รับการแก้ไขแล้วและเย่เชียนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่เมียนมาร์ต่ออีกต่อไป และแล้ววันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็นั่งเครื่องบินกลับไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้แล้วต่อเครื่องไปยังเมืองหนานจิง และเรื่องนี้ก็ยังคงต้องแก้ไขไปทีละขั้นตอนซึ่งเฝิงเฝิงก็เป็นเป้าหมายแรกที่ต้องจัดการ และเมื่อเทียบกับสถานการณ์ต่างๆ ในเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วเมืองหนานจิงและมณฑลเจียงซูนั้นดีกว่ามาก แต่แน่นอนว่าเหว่ยเฉิงหลงนั้นเย่เชียนจะไม่มีวันปล่อยให้เขาลอยนวลไปเพราะเขานั้นไปจ้างทหารรับจ้างและนักฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อมาสร้างปัญหาให้กับตัวเองมาเสมอและถ้าหากว่าเย่เชียนไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมล่ะก็ปัญหาต่างๆ ก็อาจจะตามมาอีกก็เป็นได้
หลังจากกลับมาถึงที่เมืองหนานจิงแล้วเย่เชียนก็รีบไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งรีบและแจ็คก็ได้จัดการย้ายอู๋หวนเฟิงไปที่ห้องผู้ป่วยส่วนตัวและสถานการณ์ต่างๆ และอาการของอู๋หวนเฟิงก็ดีขึ้นและถึงแม้ว่าเขาจะยังขยับไม่ได้ก็ตามแต่อู๋หวนเฟิงก็ยังพูดได้ นั่นก็เพราะว่ากระสุนเกือบจะตัดขั้วหัวใจของเขาและการเสียเลือดจำนวนมากนั้นทำให้สมองของอู๋หวนเฟิงนั้นมีอาการผิดปกติและระบบการทำงานของร่างกายของเขาก็เสียหายอย่างมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เชื่อว่าตราบใดที่อู๋หวนเฟิงสามารถตื่นขึ้นมาได้เขาก็จะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ นั่นก็เพราะว่าเจตจำนงของอู๋หวนเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าใครๆ
เมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาแล้วอู๋หวนเฟิงก็พยายามที่จะลุกขึ้นแต่เย่เชียนก็รีบเดินเข้าไปกอดเขาและยิ้มเล็กยิ้มน้อยจากนั้นก็พูดว่า “นอนลงเถอะ..อย่าเพิ่งขยับตัวตอนนี้เลย..หน้าที่ของนายก็คือการหายจากอาการบาดเจ็บเร็วๆ”
ชิงเฟิงเดินไปใกล้ๆ เตียงของอู๋หวนเฟิงและยกนิ้วให้กำลังใจอู๋หวนเฟิงและเข้าไปลูบไหล่เบาๆ จากนั้นชิงเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “นี่นางพยาบาลเช็ดตัวของนายแล้วพวกเธอได้พูดอะไรบ้างมั้ย? ..เรื่องหนอนตัวน้อยๆ ของนายน่ะ”
ชิงเฟิงนั้นพูดหยอกล้ออู๋หวนเฟิงและอู๋หวนเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด แต่อู๋หวนเฟิงนั้นก็รู้นิสัยใจคอของชิงเฟิงดีและเขาก็รู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นของชิงเฟิงไม่ได้หมายถึงการดูถูกเขาเลยและมันก็เป็นแค่เรื่องตลกระหว่างเพื่อนและพี่น้อง
เย่เชียนจ้องเขม็งไปที่ชิงเฟิงและเตะตูดของชิงเฟิงเบาๆ พร้อมพูดว่า “ไอบ้านี่..มันใช่เวลามั้ย..หลบไป๊!”
ชิงเฟิงยิ้มอย่างซุกซนจากนั้นก็เดินออกไปข้างๆ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน