การฆ่าหญิงสาวนักฆ่าทั้งสองคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นถือว่าแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมากจนทำให้หัวหน้านักฆ่าสาวถึงกับตกตะลึงเพราะหากปราศจากการสนับสนุนจากสองสหายนักฆ่าของเธอแล้วค่ายกลลอบสังหารทั้งสามก็พังทลายลงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยและความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ก็อ่อนแอลงอย่างมาก ซึ่งเธอเองก็อยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนเลยแต่ทว่าในฐานะนักฆ่าของดาร์คลิลลี่แล้วก็มีชะตากรรมเดียวเพียงเท่านั้นก็คือจะเป็นผู้ฆ่าหรือเป็นผู้ถูกฆ่า และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เชียนก็ตามแต่เธอก็ไม่สามารถเลือกที่จะหลบหนีได้และถึงแม้ว่าเธอจะหลบหนีไปได้ก็ตามทว่าถึงยังไงเธอก็ต้องเผชิญกับการไล่ล่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ต้นสังกัดอยู่ดีและผลลัพธ์ก็จะเป็นเหมือนเดิมที่ต้องถูกฆ่า
“ทำไมคุณถึงยังฝืนอยู่ล่ะ..ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่มั้ย” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก
“นักฆ่าของดาร์คลิลลี่จะไม่มีวันสิ้นสะลาย” หัวหน้านักฆ่าสาวพูดอย่างหนักแน่น
“ถ้างั้นผมจะส่งคุณไปเยือนนรกเอง” เย่เชียนพูดจบและร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปและมีดโลหิตหมาป่าในมือของเขาก็แทงทะลุหน้าอกของฝ่ายตรงข้ามโดยตรงและไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้อยากจะรู้จากอีกฝ่ายว่าใครเป็นผู้ว่าจ้างที่อยู่เบื้องหลังก็ตาม แต่เป็นเพราะเย่เชียนรู้ดีว่านักฆ่าของดาร์คลิลลี่นั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักและเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะเอ่ยปากบอกได้ว่าใครจ้างพวกเธอมา
นอกจากนี้เย่เชียนก็ยังมีวิธีอื่นที่จะรู้ได้ว่าใครคือผู้ว่าจ้างของพวกเธอและยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากดาร์คลิลลี่ได้ตัดสินใจที่จะท้าทายเขี้ยวหมาป่าอย่างเปิดเผยแล้วล่ะก็จากนี้ไปองค์การดาร์คลิลลี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอยู่อีกต่อไป ซึ่งในดวงตาของเย่เชียนก็มีแสงแห่งความเย็นยะเยือกอยู่ภายในดวงตาทันที
เย่เชียนออกจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาซ่งหลันและอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับนักฆ่าขององค์กรดาร์คลิลลี่ ซึ่งซ่งหลันก็ถึงกับผงะไปและรีบถามเย่เชียนว่าเขาบาดเจ็บหรือไม่ในทันที ซึ่งเธอก็กังวลอย่างมากเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วล่ะก็เย่เชียนคงจะไม่โทรมาหาเธอเป็นแน่!
เมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยของซ่งหลันเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็อบอุ่นหัวใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องการตัดสินใจขององค์กรดาร์คลิลลี่ที่จะเผชิญหน้าและท้าทายกับเขี้ยวหมาป่าอย่างเปิดเผยเช่นนี้คิ้วของซ่งหลันขมวดเข้าหากันแน่น ซึ่งเย่เชียนนั้นก็มองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเธอโดยธรรมชาติอยู่แล้วเขาจึงขอให้ซ่งหลันช่วยสืบหาว่าใครอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ลอบสังหารจากองค์กรดาร์คลิลลี่ในครั้งนี้ ซึ่งซ่งหลันก็ตอบและวางสายโทรศัพท์ไป
หลังจากวางสายโทรศัพท์ลงแล้วหัวใจของเย่เชียนก็สงบลงเพราะว่าซ่งหลันเคยเป็นถึงนักฆ่ามือพระกาฬที่สุดขององค์กรดาร์คลิลลี่ซึ่งเธอก็รู้ทุกอย่างดีที่สุดเกี่ยวกับองค์กรดาร์คลิลลี่และเธอยังมีวิธีการที่ไม่เหมือนใครอีกในการสืบหาว่าใครคือผู้ว่าจ้างของการว่าจ้างลอบสังหารเช่นนี้ เช่นเดียวกันกับครั้งก่อนที่นักฆ่าจากองค์กรดาร์คลิลลี่ติดตามฉินหยูและซ่งหลันก็สามารถรู้ได้อย่างง่ายดายว่านั่นเป็นการว่าจ้างของตงเซียงกรุ๊ป ทว่าเย่เชียนก็ไม่เคยถามซ่งหลันเลยว่าเธอรู้เรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรและนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเชื่อในตัวของซ่งหลันเหมือนกับที่ซ่งหลันเชื่อในตัวเขามาเสมอ
เย่เชียนรู้สึกได้ว่าสิ่งต่างๆ เริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และการต่อสู้กับตงเซียงกรุ๊ปก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเขาได้ไปกระตุ้นองค์กรดาร์คลิลลี่และหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติโดยไม่คาดคิด เย่เชียนก็ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องอีกและจะมีใครปรากฏตัวมาอีก อย่างไรก็ตามไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะดำเนินไปเช่นไรแต่ทว่าการต่อสู้ระหว่างเขี้ยวหมาป่ากับตงเซียงกรุ๊ปนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ต้องสูญสิ้นก็ตาม
เมื่อกำลังจะเดินไปที่บ้านของซ่งหลันนั้นเขาก็พบว่าไฟในบ้านของฉินหยูถูกเปิดอยู่และเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขอย่างมากเพราะอาจเป็นฉินหยูหรือจ้าวหยาที่กลับมานั่นเอง และเมื่อคิดเช่นนี้เขาก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลใดๆ
เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็พบหญิงสาวในชุดเดรสขาวนั่งอยู่บนโซฟา และเย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและความสุขก่อนหน้านี้ของเขาก็ลดลงไปเล็กน้อยและเขาก็พูดว่า “คุณเองหรอ!”
หูวเค่อหันหน้าไปมองเย่เชียนและยิ้มอย่างขี้เล่นและพูดว่า “คุณดูผิดหวังมากเลยนะคะ..คุณคงคิดว่าพี่สาวหยูหรือหยาเอ๋อกลับมาสินะ!”
ในบรรดาหญิงสาวทั้งสามคนในบ้านหลังนี้เย่เชียนกับหูวเค่อมีความเฉยชาต่อกันมากที่สุดและแทบจะไม่มีการพูดคุยกันเลยนอกจากเหตุการณ์ที่คลุมเครือของเช้าวันนั้น เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้น..ก็ฉินหยูบอกผมว่าคุณไปต่างประเทศหนิ..ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาเร็วๆ นี้”
เห็นได้ชัดเลยว่าการโกหกของเย่เชียนนั้นไม่ดีพอ แต่หูวเค่อก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเธอเพียงยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “แล้วที่คุณเห็นฉันกลับมาคุณไม่ประหลาดใจบ้างเลยหรอคะ?”
เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะเขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้หมายถึงอะไร เธอกำลังจะพูดอะไรกันแน่? เย่เชียนจ้องมองไปที่หูวเค่ออย่างว่างเปล่าเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปที่ด้านข้างของหูวเค่อและนั่งลงจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ต้องประหลาดใจอยู่แล้วสิ..ผมสงสัยว่าคุณจะซื้อของฝากจากต่างประเทศมาให้ผมหรือเปล่าน่ะ”
หูวเค่อเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ตอนนี้คุณเป็นคนดังมากเลยนะในเมืองหนานจิงน่ะ..คุณทำให้เมืองหนานจิงเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้วและตอนนี้คุณก็กลับมาที่เซี่ยงไฮ้แบบนี้คุณมีแผนอะไรหรอ?”
เย่เชียนมองไปที่หูวเค่อและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมเลยนะ..แต่ผมยังไม่รู้จักตัวตนของคุณจนถึงตอนนี้เลย..คุณจะให้ผมคิดยังไงล่ะ?”
หูวเค่อยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ฉันบอกคุณไปแล้วใช่มั้ยคะว่าเมื่อคุณทำให้ฉันพอใจได้คุณก็จะรู้เรื่องทั้งหมดเอง..และฉันก็จะเป็นภรรยาของคุณด้วย!”
เย่เชียนก็ตกตะลึงและขมวดคิ้วแน่นจากนั้นก็พูดว่า “อย่างน้อยๆ คุณก็บอกผมหน่อยสิว่าคุณต้องการอะไร..คุณทำให้ผมกังวลมากเพราะผมไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบไหน..นอกจากนี้ก็ต้องมีเป้าหมายและแรงจูงใจด้วยสิ..เรื่องนี้คุณก็พูดเองไม่ใช่หรอ”
“ใช่ค่ะ!” หูวเค่อยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณก็แค่เอาชนะสามยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ให้ได้..ทั้งตงเซียงกรุ๊ป..แก๊งชิงและหงเหมินกรุ๊ป!”
เย่เชียนจ้องมองไปที่หูวเค่ออย่างว่างเปล่าและรู้สึกว่าตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้ไปต่างประเทศแล้วกลับมาเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะรอบๆ ตัวของเธอดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความน่าสนใจและน่าลุ่มหลงอย่างมาก แต่เย่เชียนก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของหูวเค่อมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะเขาก็สนิทสนมกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็อยู่ในเกียวโตมาตลอดทั้งปีและหูวเค่อเองก็มาจากเกียวโตเช่นกันซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อาจจะรู้เกี่ยวกับเธอก็เป็นได้
“หืม..คุณคิดว่ามันยากขนาดนั้นเลยหรอคะ” หูวเค่อพูด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน