ตอนที่ 355 การลงทุนทางการเมือง
ตราบใดที่ไม่ใช่เพื่อครอบครัวและเครือญาติหรือพวกพ้องแล้วทุกๆ สิ่งที่เย่เชียนทำนั้นล้วนมีจุดประสงค์หรือผลตอบแทน ซึ่งในแง่ของอู๋จิ่วนั้นเขาไม่ใช่พวกพ้องแต่อย่างใดซึ่งอย่างน้อยๆ ระหว่างเขาก็เป็นเพียงแค่พันธมิตรในการร่วมมือกันและแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้ต้องการจะช่วยอู๋จิ่วประสบความสำเร็จอย่างไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอนเพราะอันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาพบกันตอนนี้ก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็จะไปหาเขาด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวที่สามารถแข่งขันและเผชิญหน้ากับนายิบได้ก็คืออู๋จิ่วนั่นเอง
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาร์จะไม่ใหญ่โตมากก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นเศรษฐกิจและประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาสู่ระดับสากลซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการพัฒนาแล้วผลประโยชน์ที่ได้ก็จะมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน ซึ่งสำหรับเย่เชียนแล้วนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดแต่อย่างใดเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมตลาดและเศรษฐกิจภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งทวีปนั่นเอง
เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดทันใดนั้นอู๋จิ่วก็ไม่สนใจอย่างอื่นอีกต่อไปแล้วและเขาก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณเย่มีวิธีการอะไรหรือ..พูดมาได้เลยฉันอยากฟัง”
เย่เชียนก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาและยื่นให้อู๋จิ่วแต่อู๋จิ่วก็ส่ายหัวปฏิเสธหลังจากนั้นเย่เชียนก็ยื่นให้ต้าเถาซึ่งต้าเถาก็รับเอาไว้และเย่เชียนก็จุดไฟให้ด้วยท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก
“ผมขอถามก่อนว่าอะไรเป็นปัญหาที่รัฐบาลเมียนมาร์กังวลมากที่สุด?” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ
อู๋จิ่วก็ตอบด้วยความประหลาดใจว่า “เรื่องที่รัฐบาลเมียนมาร์กังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจน่ะ”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจน่ะมีความสำคัญกับทุกประเทศ..แต่ด้วยวิธีการเลือกตั้งน่ะมันไม่ใช่หัวข้อที่เหมาะสมสักเท่าไหร่เพราะปัญหาใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์ก็คือกองโจรติดอาวุธเหล่านั้นที่ไม่เพียงแค่คุกคามรัฐบาลเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงผลประโยชน์ของประชาชนอีกด้วย..เพราะงั้นการกวาดล้างกองโจรคือตัวเลือกและวิธีการที่ดีที่สุด!”
อู๋จิ่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เพราะอันที่จริงแล้วปัญหาของกองโจรติดอาวุธเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเมียนมาร์มาโดยตลอดแต่ทว่ากองโจรเหล่านั้นก็อยู่ในพื้นที่ยากต่อการปราบปรามอย่างมากและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกวาดล้างพวกเขาเหล่านั้น แต่เช่นเดียวกับที่เย่เชียนพูดเพราะการใช้สิ่งนี้เป็นหัวข้อในการเพิ่มคะแนนเสียงความนิยมในการหาเสียงของเขานั้นมันก็จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นเพราะหลังจากเข้ารับตำแหน่งแล้วนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเป็นข้อโต้แย้งของนักการเมืองในอนาคตอย่างแน่นอน
“วิธีการของคุณเย่ยอดเยี่ยมมาก..แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเพราะกำลังของกองทัพเมียนมาร์เรามีจำกัดและบางหน่วยก็ไม่ได้มีความพร้อมเท่ากับเหล่ากองโจรและที่สำคัญกว่านั้นก็คือฐานที่มั่นและรังของกองโจรก็มักจะหาได้ยาก..ถ้าเราทำพลาดก็จะต้องมีคำจำนวนมากล้มตายและผลที่ได้ก็จะร้ายแรงยิ่งขึ้น” อู๋จิ๋วเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดอย่างหมดหนทาง
ในความเป็นจริงแล้วที่อู๋จิ่วพูดแบบนี้นั้นเขาก็แค่พยายามเรียบเรียงสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมาซึ่งในความคิดของเขานั้นตั้งแต่ที่เย่เชียนเสนอแผนนี้ออกมาเขาก็อยากรู้วิธีการของเย่เชียนอย่างมาก
“ผมไม่รู้ว่าคุณอู๋จิ่วเคยอ่านนวนิยายจีนเรื่อง The Water Margin หรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
อุ๋จิ่วก็ถึงกับผงะไปเพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ถามคำถามนี้และเขาก็ส่ายหัวและตอบว่า “ไม่ๆ ..ฉันไม่เคย”
“The Water Margin เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับราชสำนักในยุคสมัยนั้นๆ และพวกเขาก็รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อต่อสู้กับรัฐบาล..ซึ่งลักษณะของกองโจรเหล่านั้นในนวนิยายมันก็คล้ายกับประเทศเมียนมาร์นั่นแหละ..เพราะต่อมาศาลของจักรวรรดิก็ได้กำหนดกฎพระราชบัญญัติให้กับแผ่นดิน..ซึ่งนั่นก็คือการมอบยศอัศวินให้กับพวกกองโจรเหล่านั้นและให้พวกเขาใช้ชีวิตในนามของอัศของแผ่นดินและในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จอย่างมากและคนที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของพวกเขาก็จะอยู่ในกฎระเบียบและทุกคนก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินเช่นกันและจากนั้นพวกเขาก็กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินในนามของจักรวรรดิและท้ายที่สุดกองโจรในนามของอัศวินเหล่านั้นก็จะช่วยพวกเรากวาดล้างส่วนที่เหลือเอง” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ “คุณอู๋จิ่วพอเข้าใจสิ่งที่ผมพูดมั้ยครับ?”
“คุณเย่หมายความว่าพวกเราสามารถร่วมมือกับกองโจรเหล่านั้นได้น่ะหรือ? ..แล้วก็แต่งตั้งพวกเขาอย่างเป็นทางการแบบนั้นใช่มั้ย?” อู๋จิ่วพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่..นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว..เพราะรัฐบาลเมียนมาร์ก็หวั่นเกรงกับกองโจรอยู่..และกองโจรเองก็กังวลเสมอว่าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะดำเนินการกวาดล้างพวกเขาครั้งใหญ่..เพราะงั้นผมจึงคิดว่าการปรองดองของกองโจรกับรัฐบาลนั่นดีที่สุดแล้ว..เพราะงั้นทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยกองโจรอย่างสันติและมอบเกียรติให้แก่พวกเขาไปเลยล่ะ..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน!”
“อันที่จริงฉันเองก็เคยคิดแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน..แต่ฉันไม่เคยมีโอกาสที่เหมาะสมในการจัดการเรื่องนี้อย่างสันติได้เลย..เพราะงั้นฉันก็อยากจะถามคุณเย่ว่าถ้าฉันไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ฉันควรจะยังไงดีล่ะ? ..จะโจมตีด้วยกองทัพและทำให้พวกเขายอมแพ้งั้นหรือ?” อู๋จิ่วพูดด้วยความกังวล
“ไม่ๆ ..ฉันไม่เห็นด้วยกับการโจมตีทางกองทัพอย่างเด็ดขาด..เพราะตอนนี้กองกำลังของพวกเรามีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ด้อยคุณภาพและล้าสมัยเกินไป..และอีกอย่างทหารของพวกเราเองก็ไม่มีความสามารถในการทำสงครามขนาดใหญ่กับกองโจรเหล่านั้น..เพราะงั้นในแง่ของจำนวนเราอาจจะมีข้อได้เปรียบมากก็จริงและเราก็อาจจะชนะในท้ายที่สุดอย่างแน่นอน..แต่! ..สิ่งที่พวกเราต้องจ่ายและเสียไปมันก็มากเกินกว่าที่พวกเราจะยอมแลกได้อยู่ดี” ต้าเถาพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ผมสามารถช่วยพวกคุณเจรจากับกองโจรได้นะ..และในส่วนของอาวุธและยุทโธปกรณ์น่ะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมก็สามารถจัดหาให้พวกคุณได้..เพราะไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือยานรบรุ่นใหม่เราก็หาให้ได้ด้วยความสัมพันธไมตรีที่ดีกับผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของต่างประเทศ..เพราะงั้นผมก็เชื่อว่าตราบใดที่พวกคุณยินดีที่จะจ่ายมันก็ไม่มีปัญหาในเรื่องอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างแน่นอน”
“เครือน่านฟ้ากรุ๊ปทำธุรกิจค้าอาวุธด้วยหรือ?” อู๋จิ่วถามด้วยความประหลาดใจ
“จริงๆ มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ..แต่หลังจากหลายปีของการพัฒนาในต่างประเทศผมก็ได้ติดต่อกับพ่อค้าอาวุธเหล่านั้นมาเยอะ..เพราะงั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้ครับ” เย่เชียนพูดต่อ “แต่แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้คุณต้องชนะการเลือกตั้งก่อนถึงจะดำเนินการได้”
“ด้วยความช่วยเหลือของคุณเย่ฉันก็เชื่อว่าฉันสามารถชนะนายิบได้อย่างแน่นอน” อู๋จิ่วพูดอย่างหนักแน่น
“ไม่ต้องใช้ความเชื่อ! ..แต่เราต้องชนะเท่านั้น!” เย่เชียนพูดต่อ “คุณอู๋จิ่วครับ..ถ้าคุณทำตามที่ผมบอกผมก็จะไปเกลี้ยกล่อมชาวจีนเหล่านั้นให้สนับสนุนคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้..และผมก็รับรองได้เลยว่าคะแนนเสียงของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมากและจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาในภายหลังอย่างแน่นอน”
“แล้วคุณเย่คาดหวังอะไรไว้บ้าง?” อู๋จิ่วถามตรงๆ เพราะมันไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรีๆ ในโลกใบนี้อย่างแน่นอน ซึ่งการที่เย่เชียนโยนผลประโยชน์อันมหาศาลเหล่านั้นมาให้กับเขาเพราะงั้นเขาก็ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบแทนอย่างแน่นอน ซึ่งอู๋จิ่วเองก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นเพราะไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะนั่งเป็นประธานหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยและลงสมัครนายกรัฐมนตรีของประเทศเมียนมาร์ได้อย่างไร?



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน