ตอนที่ 381 ชะตากรรม
เมื่อมาถึงหน้าบริษัททะเลสี่ทิศแล้วเย่เชียนก็จ่ายค่ารถแท็กซี่และลงจากรถแท๊กซี่มา
เย่เชียนก็ยืนอยู่ในลิฟต์และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิ่มเอมใจเพราะเขาไม่รู้เลยว่าการแสดงออกของซูเหวยจะเป็นอย่างไรเมื่อเธอร็ว่าเขาได้ช่วยให้เธอได้รับหุ้นทั้งหมดของบริษัทกลับคืนมา เธอควรจะมีความสุขใช่หรือไม่? และเมื่อเรื่องนี้จบลงเย่เชียนก็จะออกจากบริษัทไปเพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้เขาทำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามามัวเสียไปกับการช่วยซูเหวยอีกต่อไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่จ้าวหยาพูดเมื่อวานนี้เย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาทำผิดต่อฉินหยูเพราะเธอจากไปนานกว่าครึ่งปีแล้วแต่เขาก็ไม่แม้แต่ติดต่อไปโทรศัพท์เลย ดังนั้นอย่างน้อยๆ เย่เชียนก็ควรที่จะสนใจเธอมากกว่าใครเพราะฉินหยูเป็นคนแรกเลยที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตัวเขาเอง
หลังจากมาถึงบริษัทแล้วเย่เชียนก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของซูเหวยและอาจจะเป็นเพราะความเคยชินก็เป็นได้เพราะเย่เชียนนั้นไม่เคยเคาะประตูห้องทำงานของซ่งหลันเลย เพราะทุกๆ ครั้งที่เขาเข้าไปในห้องทำงานของซ่งหลันโดยปกติแล้วเย่เชียนก็ไม่เคาะประตูเลยดังนั้นเย่เชียนจึงผลักประตูและเดินเข้าไปอย่างสบายใจเฉิบ
เมื่อเห็นซูเหวยเย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วพูดว่า “อรุณสวัสดิ์!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นเลขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดกับซูเหวยว่า “ประธานซูคะ..ฉันขอตัวก่อนนะ” หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังและเดินออกจากห้องทำงานไป
ซูเหวยก็จ้องมองไปที่เย่เชียนและกำลังจะอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็ต้องกลืนน้ำลายลงไปอีกครั้ง เพราะซูเหวยรู้สึกเศร้าและโกรธอย่างมากเมื่อเธอเห็นข่าวการเสียชีวิตของเฉาฮงหลีเพราะไม่ว่าในกรณีใดเขาก็เป็นลุงของเธอเอง อย่างไรก็ตามถ้าหากเย่เชียนเป็นคนทำแล้วเธอจะโทษเย่เชียนได้อย่างไรเพราะเหตุผลที่เขาทำลงไปนั้นก็เพื่อตัวเธอเอง
“นายฆ่าเฉาฮงหลี?” ซูเหวยหยุดและถาม
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงอย่างมากหลังจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่! ..ฉันทำเอง!” ขณะที่เขาพูดเขาก็ยื่นถุงเอกสารในมือให้และพูดว่า “นี่คือใบสัญญาหุ้นของผู้ถือหุ้นทั้งหมด..หลังจากนี้จะไม่มีใครมายึดบริษัททะเลสี่ทิศได้อีกต่อไป”
ซูเหวยก็หยิบมันมาเปิดดูและหลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และพูดว่า “ถึงยังไงเขาก็เป็นลุงของฉัน.เพราะงั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะได้หุ้นคืนมาหรือเปล่า..ทำไมนายต้องไปฆ่าเขาด้วย?”
คิ้วของเย่เชียนก็ขมวดเข้าหากันแน่นและเขาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากเพราะเขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะช่วยเธอรักษาบริษัทเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะได้รับความเกลียดชังจากซูเหวยเช่นนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็คิดว่าทำไมเขาต้องมายุ่งวุ่นวายกับบริษัททะเลสี่ทิศด้วย หลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มันก็เกิดขึ้นไปแล้วหนิ..ถ้าเธอไม่พอใจก็ไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความฉันเลย..ฉันฆ่าคนและฉันก็ทำสิ่งต่างๆ แบบนี้คนเดียว..เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่ฉันทำ..ฉันมันโง่เอง..ลาก่อน!”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ซูเหวยก็ถึงกับผงะไปเพราะเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิเย่เชียนจริงๆ และเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเย่เชียนนั้นทำเพื่อเธอเพียงแต่เธอแค่รับไม่ได้กับข่าวการเสียชีวิตของผู้เป็นลุงของเธอเท่านั้น ถึงแม้ว่าเฉาฮงหลีต้องการที่จะยึดบริษัททะเลสี่ทิศก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็ยังคงเป็นญาติของเธออยู่ดีและยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ไม่มีพ่อแม่และไม่มีแม้แต่เพื่อน ซึ่งเธอก็แค่ต้องการรักษาความรักในครอบครัวเอาไว้และอย่างน้อยๆ เธอก็สามารถจินตนาการครอบครัวที่ดีได้
เมื่อเห็นเย่เชียนที่กำลังจะเดินออกไปซูเหวยก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “เย่เชียน! ..เย่เชียน!” ในขณะที่ตะโกนเธอก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งตามเขาไป
โดยไม่คำนึงถึงสายตาของบุคคากรคนอื่นๆ ในบริษัทเลยซูเหวยวิ่งไปสวมกอดเย่เชียนจากด้านหลังจนเย่เชียนสั่นสะท้านไปทั้งตัวและอดไม่ได้ที่จะหยุดและจ้องมองอย่างสูญเสียเพราะตอนนี้เขาไม่ได้โกรธจริงๆ แต่เย่เชียนแค่ยอมรับไม่ได้เพียงเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้สายตาของทุกคนในบริษัทต่างก็จับจ้องไปที่เย่เชียนและซูเหวยและใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะในสายตาของพวกเขานั้นซูเหวยทั้งเพียบพร้อมและยากที่จะเข้าใกล้ได้ แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับดูอ่อนแออย่างมาก
“เย่เชียนฉันขอโทษ..ฉันขอโทษจริง..ฉันไม่ได้เกลียดนาย” ซูเหวยพูดเบาๆ พร้อมกับเสียงที่สั่นคลอน ซึ่งเธอที่เติบโตมาโดยไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียวและเย่เชียนก็อาจพูดได้ว่าเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกันมานานก็ตามแต่ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่กับเย่เชียนและเธอก็ไม่อยากเสียเพื่อนคนเดียวของเธอไป
เมื่อเห็นแววตาที่ดูประหลาดใจและตกตะลึงของผู้คนมากมายเย่เชียนก็เขินอายเล็กน้อยและพูดว่า “อืม..คุณช่วยปล่อยผมก่อนได้มั้ย..หลายคนกำลังมองเราอยู่”
ซูเหวยก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าเธอนั้นอยู่ในบริษัทและในเวลานี้ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงก่ำและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และตะโกนว่า “ไม่มีงานทำกันเหรอไง?”
เหล่าพนักงานและบุคลากรของบริษัทก็รีบลดศีรษะลงและเริ่มทำงานกันต่อ แต่ทว่าสายตาของพวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบมองเย่เชียนกับซูเหวยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เย่เชียนอย่าโกรธนะ..นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉันถ้านายจากไปฉันก็คงไม่มีใครคุยด้วยแล้ว” ซูเหวยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่ได้โกรธ..แต่มันเกือบเที่ยงแล้วฉันก็แค่หิว..ฉันจะไปกินข้าว”
“ไม่โกรธจริงๆ หรอ?” เห็นได้ชัดเลยว่าซูเหวยไม่เชื่ออย่างนั้น
“ไม่โกรธจริงๆ!” เย่เชียนพูด
“ถ้างั้นฉันจะไปกินข้าวกับนาย!” ซูเหวยพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน