ตอนที่ 552 เหตุกราดยิงในสนามบิน ตอนที่ 2
สำหรับคำถามของคูลอฟส์อังเดรนั้นเย่เชียนก็สามารถเดาได้ว่าเบื้องหลังของมือปืนนั้นเป็นใครโดยแทบไม่ต้องคิดเลย ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฮัวซงเจี๋ยหรือเหล่ยเจียงเพราะประการแรกพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าวันนี้จะอยู่ที่เมืองเจิ้งโจวและประการที่สองพวกเขาไม่รู้จักคูลอฟส์อังเดรเลยด้วยซ้ำและไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนประเทศจีนของคูลอฟส์อังเดรเลย จากสองแง่มุมนี้ก็เพียงพอที่จะเดาได้ว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้เป็นคนส่งมือปืนมา
จากนั้นก็เหลือเพียงคนเดียวที่อยากให้คูลอฟส์อังเดรตาย? เพราะนอกเหนือจากคูลอฟส์อาสเชฟแล้วเย่เชียนก็นึกถึงใครไม่ออกอีกแล้ว เพราะถ้าหากคูลอฟส์อังเดรตายไปแล้วคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือคูลอฟส์อาสเชฟเพราะตราบใดที่คูลอฟส์อังเดรตายไปก็จะไม่มีใครในตระกูลคูลอฟส์ที่สามารถแข่งขันกับเขาได้เพื่อชิงตำแหน่งทายาทของตระกูลมาเฟียอันยิ่งใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าคูลอฟส์อังเดรถูกลอบยิงเสียชีวิตในประเทศจีนล่ะก็คูลอฟส์อาสเชฟก็จะมีข้ออ้างและสามารถมาเยือนในนามของการแก้แค้นให้กับคูลอฟส์อังเดรและพิชิตอำนาจของคูลอฟส์อังเดรทั้งหมดไป ดังนั้นโอกาสดีๆ เช่นนี้คูลอฟส์อาสเชฟจะไม่คว้าเอาไว้ได้อย่างไร? ซึ่งเขาไม่ใช่คนโง่และแน่นอนว่าเขาสามารถมองเห็นอนาคตที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนและนับตั้งแต่คูลอฟส์อังเดรยึดครองมูรส์มันสค์และกวาดล้างมาเฟียสลาดาร์ไปและหลังจากนั้นมาสถานะของคูลอฟส์อังเดรในตระกูลก็สูงขึ้นเรื่อยๆ และหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปด้วยดีคูลอฟส์อาสเชฟจะไม่มีพลังมากพอที่จะแข่งกับคูลอฟส์อังเดรได้อีก ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แน่นอนว่าเขาต้องการส่งคูลอฟส์อังเดรไปสู่ความตาย
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็มองไปที่คูลอฟส์อังเดรและพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาเลย..มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรลองคิดดูให้ดีสิว่าใครต้องการให้คุณตายมากที่สุด?”
คูลอฟส์อังเดรก็ขมวดคิ้วและมีร่องรอยของความโกรธเกรี้ยวฉายอยู่ในดวงตาของเขาและพูดอย่างเดือดดาลว่า “คูลอฟส์อาสเชฟ! ”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น่าจะเป็นเขาแหละเพราะนอกจากเขาแล้วผมก็ไม่คิดเลยว่าจะมีใครรู้เรื่องการมาเยือนประเทศจีนของคุณใช่มั้ยล่ะ? ”
คูลอฟส์อังเดรก็พูดอย่าไม่สบอารมณ์ว่า “อาสเชฟ! ..อย่ามาถือโทษโกรธผมเรื่องที่ผมจะไม่แยแสความเป็นลุงและหลานของเราก็แล้วกัน!”
“ดูเหมือนว่ามือปืนจะหนีแล้ว..มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรคุณหลบออกไปก่อน..ส่วนมือปืนผมจะหาทางตามหาตัวเขาแล้วเราจะรู้ทุกอย่างเมื่อถึงเวลา” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูด
คูลอฟส์อังเดรตอบและยืนขึ้น ส่วนบอดี้การ์ดสองคนของเขาก็ยังคงเฝ้าระวังและยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ “พวกนายขอโทษมิสเตอร์เย่ด้วยเพราะถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะเขาฉันคงตายไปแล้ว..หึพวกนายไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายเลยด้วยซ้ำพวกนายไม่รู้เลยว่ามีมือปืนกำลังจะลอบยิงฉัน!”
บอดี้การ์ดทั้งสองก็ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้และตอนนี้พวกเขาก็เหงื่อออกเพราะถ้าหากเย่เชียนไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็วล่ะก็คูลอฟส์อังเดรคงจะตายไปเสียแล้วและยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือพวกเขาต้องการหยุดเย่เชียนเอาไว้แต่ทว่าโชคดีที่พวกเขานั้นไม่ได้เก่งมากพอที่จะหยุดเย่เชียนเอาไว้ไม่อย่างนั้นคูลอฟส์อังเดรหัวหน้าของพวกเขาคงจะตายไปเสียแล้ว
กระสุนที่ถูกยิงโดยมือปืนเมื่อครู่นี้มันถูกยิงออกมาจากปืนสไนเปอร์ไรเฟิลต่อต้านของนาวิกโยธิน XM109 ที่สามารถเจาะทะลุรถหุ้มเกราะได้ ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือถ้าหากกระสุนนั้นโดนเย่เชียนล่ะก็มันก็สามารถระเบิดร่างของเย่เชียนได้อย่างสมบูรณ์และหลังจากนั้นมันก็สามารถเจาะทะลุไปยังร่างของคูลอฟส์อังเดรได้อย่างง่ายดาย
บอดี้การ์ดทั้งสองก็มองไปที่เย่เชียนอย่างขอโทษและโค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วพูดว่า “ขอโทษครับมิสเตอร์เย่..ที่พวกเราทำให้คุณไม่พอใจต้องขอโทษด้วย! ”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรเพราะคุณเองก็ทำตามหน้าที่ของคุณเหมือนกัน” จากนั้นเขาก็หันไปมองคูลอฟส์อังเดรและพูดว่า “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรให้ผมแนะนำคุณนี่คือชิงเฟิงพี่น้องเขี้ยวหมาป่าของผม”
“สวัสดี! ” คูลอฟส์อังเดรเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพและพูด
ชิงเฟิงก็ยื่นมือออกมาจับมือแล้วพูดว่า “ผมชื่นชมชื่อเสียงของมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรมานานแล้ว..เป็นเกียรติของผมที่ได้พบกับคุณจริงๆ! ”
“ผมต้องขอบคุณมิสเตอร์ชิงเฟิงสำหรับการช่วยเหลือที่ผ่านมา..ผมรับปากเลยว่าถ้าหากมิสเตอร์ชิงเฟิงไปที่รัสเซียคราวหน้าล่ะก็ผมจะรอต้อนรับให้ดีที่สุดในฐานะเจ้าบ้านเลย” คูลอฟส์อังเดรพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
“ถ้างั้นผมต้องขอรบกวนด้วยฮ่าๆ ” ชิงเฟิงก็หัวเราะแล้วพูด
จากนั้นคูลอฟส์อังเดรก็มองไปรอบๆ สักพักแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เอ่อมิสเตอร์เย่ว่าแต่มิสเตอร์หลินเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ”
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “อ่อพอดีเขามีธุระที่ต้องทำเขาเลยไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้เพื่อรอต้อนรับมิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรลงจากเครื่อง”
ไม่จำเป็นต้องให้คูลอฟส์อังเดรอธิบายเพราะเย่เชียนนั้นรู้ดีว่า ‘มิสเตอร์หลิน’ นั้นหมายถึงใครซึ่งมันไม่มีใครคนอื่นนอกจากหลินเฟิงผู้นำองค์กรเซเว่นคิล อย่างไรก็ตามคูลอฟส์อังเดรก็ไม่รู้ว่าหลินเฟิงนั้นไม่ใช่สมาชิกของเขี้ยวหมาป่าแต่เป็นผู้นำขององค์กรนักฆ่าเซเว่นคิล ซึ่งถ้าหากเย่เชียนบอกคูลอฟส์อังเดรให้รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาได้พบและเผชิญหน้ากับผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลในตำนานแล้วเย่เชียนก็ไม่เลยรู้ว่าการแสดงออกของคูลอฟส์อังเดรจะออกมาในรูปแบบไหน
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรเราไปกันเถอะ! ”
“ครับ! ” คูลอฟส์อังเดรพยักหน้าและเมื่อเขากำลังจะเดินไปที่รถทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งก็หยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากสนามบินทั้งสองก็ปะปนอยู่ในหมู่พวกเขาด้วยและหนึ่งในนั้นชี้ไปที่คูลอฟส์อังเดรแล้วพูดว่า “ตามภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเป้าหมายของมือปืนน่าจะเป็นเขา! ”
ตำรวจวัยกลางคนที่เดินนำหน้ามาก็มองไปที่คูลอฟส์อังเดรและพูดว่า “ขอโทษครับโปรดแสดงพาสปอร์ตหนังสือเดินทางของคุณ! ”
คูลอฟส์อังเดรก็ถึงกับผงะแล้วหันไปมองเย่เชียนและเย่เชียนก็พยักหน้าจากนั้นคูลอฟส์อังเดรก็หยิบหนังสือเดินทางของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน