ตอนที่ 655 การประชุมของแก๊งเจ้าพ่อฝูชิง ตอนที่ 4
สำหรับเย่เชียนแล้วเพื่อไม่ให้คนอื่นๆ เกิดความสงสัยในตัวเขานั้นเขาจึงบอกความจริงโดยไม่ปิดบังหรือไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ซึ่งมันเป็นภาพสะท้อนที่แท้จริงของสถานการณ์ตอนนี้เพราะโย่วซวนนั้นไม่เพียงแต่จะเร่งรีบเพื่อทำให้งูตกใจและยังทำให้จ้าวไค่แบกรับชื่อของคนทรยศที่หักหลังพี่น้องอีกด้วย ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ไม่สนใจว่าแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงจะขจัดความคับข้องใจและความร้าวฉานนี้ได้หรือไม่เพราะถึงยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเย่เชียนอยู่ดี
แต่ทว่าถ้าหากเย่เชียนทำให้โย่วซวนติดกับดักได้ล่ะก็สิ่งต่างๆ ก็จะชัดเจนขึ้นและจ้าวไค่ก็จะได้ความยุติธรรมลงหลุมไปกับเขา
“ทุกคนก็น่าจะรู้จักชื่อเสียงของพวกเขาดี..เพราะงั้นผมก็เชื่อว่าพวกคุณจะไม่สงสัยในสิ่งที่คุณเย่และคุณหลินพูดว่าสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งฝูชิงคือจ้าวไค่ที่ถูกส่งมาโดยสมาคมมังกรดำ” โย่วซวนพูด “ไม่งั้นตอนที่เราถูกแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าโจมตีแล้วพอเราจะตอบโต้แต่พวกนั้นกลับรู้ตัวทันตลอด..นั่นก็เพราะว่าข่าวที่รั่วไหลออกไปโดยจ้าวไค่”
และแล้วโย่วซวนก็โยนสิ่งต่างๆ ให้กับจ้าวไค่อีกครั้งอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีหลักฐานใดๆ เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเย่เชียนก็คิดอย่างลับๆ และหันไปเหลือบมองที่หลินเฟิงที่กำลังขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อยซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงเองก็มีความคิดเช่นเดียวกับเย่เชียน
“มันไม่ใช่แบบนั้น” เซี่ยจือยี่ก็พูดว่า “ก็จากคำพูดของคุณเย่แล้วสิ่งต่างๆ มันก็ชัดเจนเพราะเมื่อเขาไปหาผู้นำเขตจ้าวคุณเย่ก็พบว่าผู้นำจ้าวถูกคนของสมาคมมังกรดำฆ่าตายแล้ว..ซึ่งสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าผู้นำเขตจ้าวไม่ได้เป็นคนของสมาคมมังกรดำแต่เขาเป็นแพะรับบาป..หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าสมาชิกของแก๊งฝูชิงของเราที่เป็นสายลับตัวจริงนั้นต้องการใส่ร้ายป้ายสีผู้นำเขตจ้าวเพื่อที่จะปกปิดตัวตนของเขาเอาไว้จึงต้องสร้างฉากการตายของผู้นำเขตจ้าวขึ้นมา”
คำพูดของเซี่ยจือยี่นั้นตรงประเด็นอย่างมากเพราะมันมีช่องโหว่ในคำพูดของโย่วซวนอีกครั้งเช่นเคย ซึ่งผู้นำทั้งหมดต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมุมมองและคำพูดของเซี่ยจือยี่เพราะท้ายที่สุดแล้วในใจพวกเขาก็ยังไม่ต้องการให้แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงของพวกเขามีสายลับอยู่จริง ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ถูกกล่าวหาก็ยังเป็นจ้าวไค่ที่ตายไปแล้วด้วยและพวกเขาเป็นพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทั้งหลั่งน้ำตาและเสียเลือดเสียเนื้อให้แก๊งฝูชิงด้วยกัน ดังนั้นการที่พวกเขาจะต้องสงสัยในตัวพี่น้องเช่นนี้จึงลำบากใจอย่างมากสำหรับพวกเขา
“ฉันเองก็คิดแบบเดียวกันกับคุณหนูเซี่ยว่ามันจะต้องมีใครมาใส่ร้ายป้ายสีผู้นำเขตจ้าวแต่ทว่าจากการตรวจสอบของผมความจริงก็คือผู้นำเขตจ้าว เป็นสายลับแฝงตัวจริงๆ” โย่วซวนพูด “คุณหนูเซี่ยก็รู้หนิว่ามันมีคนอยู๋ไม่เกินสิบคนที่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่ท่าเรือและตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้วถ้าคุณหนูเซี่ยไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาทีละคนดูได้เลย”
คำพูดของโย่วซวนนั้นโจ่งแจ้งอย่างมาก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ลำบากใจอย่างยิ่งเพราะถ้าหากผู้นำเขตจ้าวเป็นสายลับจริงๆ ล่ะก็มันจะไม่เป็นอะไรแต่ถ้าหากไม่ใช่? สิ่งนี้จะทำให้พี่น้องรู้สึกเสียใจและผิดหวังไม่ใช่หรือ? ถึงแม้ว่าเซี่ยจือยี่จะหุนหันพลันแล่นไปหน่อยแต่เธอก็ไม่ได้โง่เธอแค่ถอนหายใจอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรใดๆ
“ผมได้ตรวจสอบพี่น้องทุกคนที่รู้เรื่องนี้แล้วแค่ก่อนอื่นผมหวังว่าพี่น้องทั้งหลายคนจะไม่ขุ่นเคืองเพราะผมทำไปเพื่อประโยชน์ของแก๊งฝูชิงของเรา” โย่วซวนพูด “จากการสืบสวนของผมนั้นไม่มีใครเป็นน่าสงสัยยกเว้นผู้นำเขตจ้าวเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้ไปพบกับสมาชิกของแก๊งยามากุจิเพราะงั้นผมจึงสงสัยว่าผู้นำเขตจ้าวเป็นสายลับ..แต่ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผมพวกคุณก็ไปสืบค้นกันได้เลย..ซึ่งถ้าผมผิดพลาดอะไรไปพวกคุณก็มาสอบสวนผมได้และโย่วซวนคนนี้ยินดีที่จะถูกลงโทษตามกฎของแก๊ง!”
ถึงแม้ว่าเซี่ยจือยี่จะไม่เชื่อว่าจ้าวไค่เป็นสายลับแต่ธอก็ไม่ได้สงสัยว่าโย่วซวนนั้นเป็นสายลับเช่นกันเพราะเธอคอยเฝ้าดูการกระทำของโย่วซวนมานานหลายปีและเขาก็คอยช่วยเหลือแก๊งอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับจ้าวไค่นั้นหลายปีที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวไค่ล่ะก็แก๊งเจ้าพ่อฝูชิงคงจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นแน่ เช่นเดียวกันกับการที่โย่วซวนช่วยเหลือแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงเพื่อรับมือกับการโจมตีของแก๊งอินาดะและแก๊งโยชิคาว่าเมื่อไม่นานมานี้
สำหรับโย่วซวนแล้วคนหนึ่งก็เป็นมือขวาของเขาที่จกรักภักดีมาโดยตลอดส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาเองซึ่งคอยช่วยเหลือแก๊งมาโดยตลอดและสิ่งที่ยากที่สุดคือเซี่ยตงไป่นั้นไม่สามารถเลือกคนใดคนหนึ่งได้ ซึ่งนี่คือความลำบากใจและภาระและความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งของคนเป็นผู้นำนั่นเอง
หลังจากทำเสียงไอสองครั้งเซี่ยตงไป่ก็พูดว่า “อันที่จริงฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแก๊งฝูชิงของเรานั้นมีสายลับและไม่เคยคิดเลยว่าจ้าวไค่คนนี้จะเป็นสายลับอีก.. เพราะเขาคือคนที่ช่วยชีวิตของฉันกับลูกสาวของฉันเอาไว้..พูดตรงๆ เลยก็คือถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวไค่ล่ะก็ฉันคงจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้..อย่างไรก็ตามแก๊งฝูชิงก็มีกฎของแก๊งและแก๊งของเราจะไม่ยอมให้มีคนทรยศโดยเด็ดขาด..ซึ่งเรื่องนี้ถูกสอบสวนโดยคุณซวนแล้วและความจริงก็อยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้ว..ถ้าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อจริงๆ”
“พ่อคะ..การที่คุณจ้าวกับแก๊งยามากุจิพบกันนั้นมันก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นสายลับไม่ใช่หรอ? ..เรื่องนี้มันต้องมีเหตุผลใช่ไหม?” เซี่ยจือยี่ยังคงยืนยันความคิดของเธอเช่นเดิมเพราะเธอไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่าจ้าวไค่เป็นสายลับ
“จือยี่ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าแก๊งฝูชิงของเรามีกฎที่เข้มงวดอยู่น่ะ..สมาชิกในแก๊งไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับคนจากแก๊งอื่นๆ ..ยิ่งในฐานะผู้นำของแก๊แล้วผู้นำเขตจ้าวก็ไม่ควรเพิกเฉยต่อเรื่องนี้..ยิ่งไปกว่านั้นแก๊งฝูชิงของเรากับแก๊งยามากุจิก็เป็นศัตรูกันมาโดยตลอดแต่เขายังกล้าละเมิดกฎของแก๊งอีก” เซี่ยตงไป่พูด “จือยี่พ่อรู้ว่าลูกไม่เชื่อแต่ความจริงมันก็อยู่ต่อหน้าพวกเราแล้วและเราก็ต้องเชื่อ..แต่ก็นะผู้นำเขตจ้าวก็ตายไปแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้..เพราะงั้นคุณซวนคุณโอนเงินบางส่วนจากกองทุนของแก๊งให้กับครอบครัวของเขา..ฉันจำได้ว่าเขามีลูกชายอยู่ใช่ไหม? ..ช่วยดูแลเขาให้ดีเพราะถึงยังไงผู้นำเขตจ้าวก็เคยเป็นพี่น้องของเรี่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเนิ่นนาน”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน