ตอนที่ 741 ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ตอนที่ 14
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ฉันไม่สนใจภรรยาและลูกสาวของแก..แต่ถ้าฉันมีโอกาสได้เจอพวกเธอฉันจะส่งพวกเธอไปแอฟริกาใต้เพื่อหาเงินก็แล้วกัน..ฉันคิดว่าพวกเธอน่าจะเหมาะสมกับงานนั้น” หลังจากพูดจบแล้วแววตาที่อาฆาตก็ฉายแววในดวงตาของเย่เชียนและใช้หมัดต่อยผู้บัญชาการกองร้อยญี่ปุ่นทันที
เมื่อผู้บัญชาการกองร้อยญี่ปุ่นได้ยินเย่เชียนพูดแบบนี้ทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าเขาไม่มีที่ให้หนี่หรือหลบอีกต่อไปแล้วและอดไม่ได้ที่จะฉี่รดกางเกงตัวเองและมองไปที่หมัดที่พุ่งเข้ามาของเย่เชียนด้วยความสยดสยอง “ปัก!” เย่เชียนต่อยเขาอย่างแรงด้วยหมัด ในทันใดนั้นผู้บัญชาการกองร้อยญี่ปุ่นก็ล้มลงพร้อมกับน้ำตา
วันนี้เย่เชียนนั้นได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตศิลปะการต่อสู้โบราณขั้นสามแล้วดังนั้นการทำลายหัวกะโหลกมนุษย์ด้วยหมัดเปล่าๆนั้นจึงเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างมาก
เย่เชียนก็เช็ดคราบเลือดบนมือที่เสื้อผ้าจากนั้นก็หันกลับไปแล้วพูดว่า “พี่น้องทั้งหลายพวกคุณทุกคนล้วนเป็นผู้ที่รักชาติและประชาชนคนจีนจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้..ซึ่งวันนี้เป็นเพียงการทดสอบเล็กๆน้อยๆเพราะมันยังมีการต่อสู้และสงครามที่ใหญ่กว่านี้รอให้เราต่อสู้ในวันข้างหน้า..พวกคุณกลัวตายไหม?”
“ไม่กลัว!” เหล่าทหารเรือไอร่อนบลัดตะโกนพร้อมกัน
“สำหรับพี่น้องที่ตายไปเลือดของพวกเขาจะไม่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์..ผมเย่เชียนคนนี้ขอสาบานที่นี่ว่าผู้ใดที่ฆ่าพี่น้องของพวกเราจะต้องได้รับโทษเป็นร้อยเท่าจากสิ่งที่พวกมันทำ..พวกคุณไม่ต้องคร่ำครวญถึงพี่น้องที่ตายไปเพราะพวกเขาเสียสละเพื่อศักดิ์ศรีและเสียสละเพื่อประเทศจีน..พวกเขาคือความภาคภูมิใจและตัวอย่างที่ดี..ผมต้องการแกะสลักชื่อของพวกเขาเอาไว้ที่อนุสาวรีย์วีรบุรุษเพื่อให้คนจีนจดจำพวกเขาจากรุ่นสู่รุ่นและจดจำสิ่งที่พวกเขาเสียสละเพื่อประเทศชาติ..พวกคุณจะตายไปโดยไม่เสียใจ!” เย่เชียนพูดปลุกเร้าความฮึกเหิม
“จารึกชื่อเอาไว้ในอนุสาวรีย์วีรบุรุษและถึงแม้ว่าเราจะตายไปเราก็จะไม่เสียใจ!” ทหารเรือไอร่อนบลัดตะโกนพร้อมกัน
เสียงกึกก้องดังไปทั่วท้องฟ้าจนกลบเสียงลมและคลื่นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่เกิดขึ้นในเกาะไต้หวันแห่งนี้เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างประเทศดังนั้นเย่เชียนจึงไม่อยากที่จะเผยแพร่มากเกินไปและไม่ว่าองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับรัฐบาล ดังนั้นหลังจากที่แก้ปัญหากองทัพแห่งชาติญี่ปุ่นเหล่านี้ได้แล้วเย่เชียนก็ถอยทัพไปพร้อมกับทุกคน เพียงแต่ร่างของทหารญี่ปุ่นเหล่านั้นถูกปลดเสื้อผ้าเปลือยกายและแขวนเอาไว้บนเกาะไต้หวันริมชายหายซึ่งแสดงถึงการดูถูกและความน่ารังเกียจของชาวญี่ปุ่น
ระหว่างทางกลับหลี่เหว่ยก็ยังคงพึมพำอะไรบางอย่างตลอดทางเพราะเขานั้นไม่เต็มใจที่จะจมเรือรบของกองทัพเรือแห่งชาติญี่ปุ่นทั้งสองลำเพราะเขาคิดว่าควรยึดเรือรบญี่ปุ่นทั้งสองลำมาใช้ในกองทัพเรือไอร่อนบลัดเสียยังดีกว่า ซึ่งไม่ว่าเรือทั้งสองลำจะทรุดโทรมมากแค่ไหนแต่อย่างน้อยๆมันก็ยังมีประสิทธิภาพในการรบอยู่หรือถ้าไม่ต้องการจริงๆก็ยังสามารถขายให้กลุ่มโจรสลัดซาตานได้
ในสงครามครั้งนี้ดีห์ราห์ก็สามารถเข้าใจความรู้สึกท่ามกลางสนามรบได้อย่างแท้จริงและในขณะนั้นเขาก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและจิตวิญญาณในการต่อสู้ ซึ่งเมื่อผู้ชายที่มีความกระตือรือร้นมักจะทำให้จมอยู่ในสถานการณ์โดยไม่ได้ตั้งใจในขณะนั้นและดีห์ราห์เองก็ไม่มีข้อยกเว้นและเขาก็ค่อยๆเชื่อมั่นในความยิ่งใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ด้วยเหตุนี้ดีห์ราห์จึงค่อยๆรวมตัวเองเข้ากับบทบาทที่เป็นอยู่ไปทีละนิด
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองดีห์ราห์แล้วถามว่า “นายใช้ทักษะการต่อสู้แบบไหนกันแน่ทำไมมันไม่เหมือนโยคะเลยล่ะ?” ความสงสัยนี้ถูกฝังอยู่ในใจของเย่เชียนมาสักพักหนึ่งแล้วและทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
“นี่คือไพ่ตายของผม..เดิมทีผมตั้งใจจะใช้มันในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมคงไม่ต้องใช้มันอีกต่อไปแล้ว” ดีห์ราห์พูด “นี่มันไม่ใช่โยคะหรอกแต่เป็นมวยปาจี๋ที่แพร่หลายกันในประเทศจีน..เมื่อตอนนี้อาจารย์ของผมถ่ายทอดทักษะโยคะให้ผมเขาก็ยังสอนมวยปาจี๋ให้ผมด้วยเหมือนกัน..อาจารย์บอกว่านี่คือมวยปาจี๋เป็นทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาศิลปะการต่อสู้ที่แพร่หลายในประเทศจีนและให้ผมใช้มันด้วยความระมัดระวังอย่างมาก”
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆเพราะดูเหมือนว่าอาจารย์ของดีห์ราห์จะเป็นผู้ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าพลังโจมตีของมวยปาจี๋จะทรงพลังมากก็ตามแต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะบอกว่ามันเป็นพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาศิลปะการต่อสู้ที่แพร่หลายกันในประเทศจีนแต่มันคือมวยหวิงชุนและมวยหย่งชุนที่เย่เชียนใช้ในวันนั้น ทั้งพลังการทำลายและความรวดเร็วนั้นเหนือมวยปาจี๋พอสมควร อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาจารย์ของดีห์ราห์พูดแบบนั้นจึงทำให้ดีห์ราห์เชื่ออย่างนั้น ด้วยเหตุนี้เย่เชียนจึงไม่คิดที่จะพูดอะไรมาก
การต่อสู้บนเกาะไต้หวันก็สิ้นสุดลงแล้วแต่การต่อสู้ในประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างโกลาหล ซึ่งหมาป่าผีไป๋ฮวยกับหลินเฟิงต่างก็พาคนของพวกเขามาเคลื่อนไหวในยามค่ำคืนที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองฟุกุชิมะอย่างเงียบๆ ซึ่งยามรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมากเพราะมีกองกำลังพิเศษติดอาวุธคอยคุ้มกันและเฝ้าระวังอย่างแน่นหนาจึงทำให้การลักลอบเข้าไปไม่ง่ายนัก



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน