เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดนักรบจอมราชัน นิยาย บท 773

ตอนที่ 773 การท้าทายของหยานซื่อฉุย

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตระกูลเย่ที่กว่าจะมีวันนี้และแน่นอนว่าเย่เจียอู๋นั้นไม่ต้องการมอบตระกูลเย่ให้อยู่ในมือของลูกหลานที่ไร้ความสามารถแบบนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นจริงๆและในหมู่ลูกหลานแล้วก็มีเพียงเย่หานซวนคนเดียวที่เย่เจียอู๋มองว่าเขามีความสามารถมากกว่าคนอื่นแต่เย่หานซวนกลับไม่ได้สนใจตำแหน่งผู้นำของตระกูลเย่ ดังนั้นหากเป็นไปได้เย่เจียอู๋ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมอบตระกูลเย่ให้กับเย่เชียนเพราะเย่เชียนสามารถเติบโตจากบุคคลที่ไม่มีอะไรเลยมันก็เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะนำตระกูลเย่ไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์

แน่นอนว่าข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับทั้งหมดนี้เย่เชียนจะต้องเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเย่เท่านั้น

หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจียอู๋ก็มองดูต้วนห่าวและถามว่า “เสี่ยวต้วน..เอ็งคิดว่าแนวทางของฉันผิดไปหรือเปล่า..เอ็งคิดว่าฉันไม่ควรแบ่งแยกระหว่างตระกูลหลักกับตระกูลสาขาให้ชัดเจนอย่างนั้นเหรอ?”

นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลเย่และต้วนห่าวในฐานะบุคคลภายนอกนั้นก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไปแทรกแซงโดยธรรมชาติ ซึ่งเหตุผลที่เขาอยู่ในตระกูลเย่มาตลอดและอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของเขาเป็นเพียงการตอบแทนความกตัญญูของเขาที่มีต่อตระกูลเย่เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูดด้วยเหตุนี้เขาจึงเตือนตัวเองว่าอย่าคิดอย่างโง่เขลาว่าเย่เจียอู๋นั้นอนุญาตให้ตัวเองพูดแล้วตัวเองจะพูดอะไรออกไปได้จริงๆเพราะสหายบางทีก็กลายเป็นเสือได้ทุกเมื่อต้วนห่าวนั้นเข้าใจสิ่งนี้อย่างถี่ถ้วนเพราะคนที่อยู่ในตำแหน่งอย่างเย่เจียอู๋ไม่สามารถเชื่อในทุกๆสิ่งที่พวกเขาพูดได้และบางครั้งพวกเขาก็ต้องปิดปากเงียบกับบางสถานการณ์

ต้วนห่าวก็ส่ายหัวเบาๆแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าท่านผู้อาวุโสนั้นมีเหตุผลของตัวเอง..ส่วนผมเองไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้”

เย่เจียอู๋นั้นเข้าใจความคิดของต้วนห่าวได้โดยธรรมชาติดังนั้นเขาจึงไม่ได้บังคับอะไร หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจียอู๋ก็ถามว่า “แล้วที่เอ็งบอกว่าหยานซื่อฉุยแห่งสำนักม่อจื๊อก็อยู่ที่นั่นด้วยเธอไปทำอะไร?”

“น่าจะเป็นเพราะเย่เชียน” ต้วนห่าวพูด “ตั้งแต่การแตกแยกของสำนักม่อจื๊อที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหลังจากที่สาวกฝ่ายของธรรมะกระจัดกระจายออกไปสำนักม่อจื๊อก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของสาวกฝ่ายอธรรม..พวกนั้นไม่เคยชอบตระกูลมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว..พวกเขาต้องการทำลายตระกูลเย่ของเรามาโดยตลอด..ด้วยเหตุนี้ฉันคิดว่าหยานซื่อฉุยน่าจะเห็นการปรากฏตัวของเย่เชียนดังนั้นเธอจึงต้องการทดสอบเขา”

“เมื่อเร็วๆนี้ดูเหมือนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงและไม่มั่นคงในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้เพราะสำนักม่อจท๊อเติบโตขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและความสัมพันธ์กับรัฐบาลกลางก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น..เพราะงั้นพวกเราต้องระวังให้ดีและเอ็งต้องให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของพวกเขาให้มากขึ้นอย่างเงียบๆ..พยายามรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินเอาไว้ด้วย” เย่เจียอู๋พูด “หยานซื่อฉุยนั้นเป็นลูกศิษย์ของตู่ฟู่เหว่ยและไม่ว่าจะเป็นทักษะความสามารถหรือความเฉลียวฉลาดนั้นเธอก็ไม่ธรรมดาเลย..เนื่องจากเธอสนใจในตัวของเย่เชียนมากถึงขนาดนี้นั่นก็หมายความว่าเย่เชียนนั้นมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา..อย่างน้อยๆเขาก็ยอดเยี่ยมกว่าลูกหลานของตระกูลเย่มาก..ที่งานเลี้ยงวันเกิดนี้ฉันแค่วางแผนจะพบปะสังสรรค์กับครอบครัวของฉัน แต่เจิ้งเซียงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อส่งเสริมความสามารถของลูกหลานตระกูลเย่สู่โลกภายนอกและเพื่อรักษาตำแหน่งของตระกูลในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้เพราะงั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยให้เขาทำ”

หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เจียอู๋ก็ถามอีกครั้งว่า “ยังไงก็เถอะ..มีอะไรเกี่ยวกับซงเจิ้งหยวนเพิ่มเติมบ้างมั้ย?”

ต้วนห่าวก็ส่ายหัวแล้วพูเว่า “ตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ให้กับคุณหญิงรองเมื่อคืนนี้ควบคู่ไปกับการที่เย่เชียนเรียกชื่อของเขาออกมาอย่างกะทันหันเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหม่าอย่างมากจนเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรอีกต่อไป”

“หึ..สำนักหยุนหยานเหมินจะกล้าเกินไปแล้ว..พวกเขากล้าที่จะส่งคนมาที่บ้านของฉันเพื่อขโมยของงั้นเหรอ..นี่แสดงว่าพวกเขากำลังจับตามองตระกูลเย่ของเราอยู่” เย่เจียอู๋ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดต่อ “สิ่งที่น่าสังเวชมากที่สุดคือพวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ากริชฉีจือเต๋าไม่ได้อยู่ในการครอบครองของตระกูลเย่อีกต่อไป..มันเป็นเรื่องน่าขันจริงๆที่คิดเรื่องไร้สาระแบบนี้..ถ้าใครจะมาเยือนบ้านของตระกูลเย่เพื่อขโมยอะไรบางอย่างมันก็ต้องประเมินความสามารถของตัวเองก่อนสิ!..ซงเจิ้งหยวนช่างโง่เขลาจริงๆที่ไปท้าทายซูหยาน..ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีเขาไม่รู้เลยเหรอว่าซูหยานน่ะเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งของสำนักถัง..หึหึ..เอาเถอะเอ็งคอยจับตาดูเขาต่อไปและถ้าเขาทำอะไรอีกก็อย่าปล่อยเขาไปอีก..ฉันไม่ไว้ใจสำนักหยุนหยานเหมิน..คราวนี้เอ็งไปสั่งให้คนของหน่วยลับนำสารจากฉันส่งไปยังสำนักหยุนหยานเหมินทีและมอบให้กับผู้นำสำนักว่าฉันต้องการให้พวกเขามาอธิบายสิ่งที่พวกเขาทำในครั้งนี้!”

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันจะก้าวหน้าไปมากและสามารถโทรออกไปยังทั่วทุกมุมโลกได้แต่สำหรับตระกูลตำรับนักสู้โบราณเช่นพวกเขาแล้วบางครั้งมันก็ยังต้องใช้วิธีโบราณเช่นนี้ ซึ่งมุมหนึ่งก็สามารถแสดงความสำคัญของเรื่องนี้ได้ส่วนอีกมุมหนึ่งก็เป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายด้วย

ต้วนห่าวก็พยักหน้าและตอบตกลง

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูและหลังจากที่ต้วนห่าวพยักหน้าให้เย่เจียอู๋แล้วเขาก็รีบออกไปทางประตูหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นเย่เจียอู๋ก็จัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาแล้วไอกระแอมสองสามครั้งแล้วพูดว่า “เข้ามา!”

เมื่อเสียงจบลงลูกศิษย์ของตระกูลเย่ก็เปิดประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยความเคารพว่า “ท่านผู้อาวุโส..ขอเชิญท่านไปที่ห้องโถงโดยด่วน..ตอนนี้ผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว”

“รวดเร็วดีจัง?” เย่เจียอู๋ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ได้..บอกเจิ้งเซียงว่าอีกสักพักฉันจะไป” หัวใจของเย่เจียอู๋เต้นไม่เป็นจังหวะอย่างอธิบายไม่ถูกและเขาก็กระตือรือร้นเพราะรู้ผลโดยเร็วที่สุดแต่ก็กลัวผลลัพธ์ที่เลวร้าย ซึ่งอันที่จริงเย่เจียอู๋ยังคงโปรดปรานเย่เชียนมากแต่ถ้าผลการตรวจ DNA ยืนยันว่าเย่เชียนไม่ใช่ทายาทของตระกูลเย่ล่ะก็เย่เจียอู๋จะต้องผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เชียนแสร้งทำเป็นทายาทของตระกูลเย่เห็นได้ชัดว่าเขามีจุดประสงค์เพื่อผลประโยชน์บางอย่างจากตระกูลเย่ดังนั้นเย่เจียอู๋ก็ต้องจัดการกับเขา

ภายในบ้านของเย่หานหลินเย่เชียนก็เหลือบมองหยานซื่อฉุยพร้อมกับยักไหล่แล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณผิดหวัง..มันไม่มีอะไรที่คุณอยากเห็นเกิดขึ้น”

ตอนที่ 773 การท้าทายของหยานซื่อฉุย 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน