ตอนที่ 777 อดีตที่ผ่านมา (1)
การแสดงออกของเย่เจียอู๋นั้นแน่นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัดและตอนนี้เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยแต่ตามข้อมูลที่ต้วนห่าวรวบรวมมาเย่เจิ้งหรานและอันซือมีลูกสาวเพียงคนเดียวและไม่มีลูกชาย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผลการตรวจ DNA แสดงให้เห็นว่าเย่เชียนเป็นทายาทของตระกูลเย่และตอนนี้เขาก็มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแล้วเพราะปรากฏว่าเย่เชียนเป็นลูกชายของเย่เจิ้งหรานกับถังซูหยานนั่นเองและเป็นหลานชายแท้ๆของตนที่หายตัวไปนานกว่า 20 ปี
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอันซือก็แสดงท่าทางที่ดูประหม่าอย่างชัดเจนและรีบพูดว่า “ไร้สาระ!..เย่เชียนเป็นลูกของฉันกับเจิ้งหรานเพราะงั้นเขาจะเป็นลูกชายของซูหยานได้ยังไง?..หึ..ฉันรู้จักตระกูลเย่ดีทำไมล่ะ?..อยากจะแยกแม่กับลูกออกจากกันขนาดนั้นเชียวเหรอ?..ทำไมกันแกต้องการที่จะพรากแม่กับลูกงั้นเหรอ?”
ในที่สุดเย่เชียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกแบบเดียวกันกับอันซือเหมือนที่รู้สึกกับถังซูหยานนั่นก็เพราะว่าอันซือไม่ใช่แม่ของเขานั่นเอง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอันซือที่รู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองดูเหมือนว่าทุกอย่างจะอยู่ในแผนของอันซือจากการพบกับเย่เหวินในโรงแรมแต่ทำไมเธอถึงได้พลาดเรื่องที่เขาเป็นลูกชายของถังซูหยานกัน?
“นี่คือเอกสารยืนยันผลตรวจดีเอ็นเอ..ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็สามารถไปตรวจดีเอ็นเออื่นได้เลย” เย่เจิ้งเฟิงพูด
ใบหน้าของเย่เจียอู๋ก็เริ่มมืดมนขึ้นอีกครั้งและเขาก็มองไปที่อันซืออย่างเย็นชาและถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆแล้วพูดว่า “เธอนี่ช่างเล่ห์เหลี่ยมเยอะจริงๆ..ตอนนี้หลักฐานก็อยู่ต่อหน้าเธอแล้วเพราะงั้นเธออยากจะพูดอะไรอีก?”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด” อันซือพูด “เย่เชียนเป็นลูกของฉันกับเจิ้งหรานและนี่เป็นความจริงที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้..การตรวจดีเอ็นเอมันก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นกลอุบายของแก..ฉันไม่เชื่อหรอก..เอาเถอะครอบครัวของเราสามารถอยู่ได้โดยปราศจากตระกูลของพวกแก..เสี่ยวเชียน..เสี่ยวเหวินเรากลับกันเถอะ!”
“หยุด!” เย่เจียอู๋ตะโกนและพูดว่า “ไม่มีใครสามารถออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน!”
เย่เชียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆและมองไปที่อันซือแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วแต่ช่วยบอกผมทีว่าทั้งหมดนี้มันเป็นความจริงหรือเปล่า..ผมเป็นลูกของคุณหรือเปล่า..พูดความจริงกับผมสักครั้งเถอะ”
“แกกล้าสงสัยแม่งั้นเหรอ?..แกมันหมาป่าตาขาวแกคิดว่าแกมัวแต่ยึดติดกับพลังและอำนาจของตระกูลเย่ในตอนนี้จนไม่คิดว่าฉันเป็นแม่แล้วเหรอ?” อันซือพูด “ถ้าแกไม่ใช่ลูกของฉันแล้วทำไมฉันถึงรู้เรื่องของแกชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?..ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแกมีปานแบบนี้..แกลืมไปหรือเปล่าถ้าไม่ใช่เพราะฉันแกจะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้โบราณได้ยังไง?..หึ..แกทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ! “การแสดงออกของอันซือค่อนข้างโศกเศร้าราวกับว่าเธอเสียใจจริงๆ
เย่เชียนก็ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรและเขาก็ไม่รู้ว่าอันซือพูดจริงหรือไม่แต่ถ้าเขาไม่ใช่ลูกของเธอจริงๆเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีปานรูปดาบอยู่บนร่างกาย? หากว่ากันว่าศิลปะการต่อสู้โบราณที่อันซือบอกกับเย่เชียนคือการหลอกใช้ตัวเองเพื่อล้างแค้นตระกูลเย่แต่ปานรูปดาบนี้ล่ะเธอรู้ได้อย่างไร?
สีหน้าของถังซูหยานก็ไม่สามารถอธิบายได้เพราะเธอดูตื่นเต้นและมีความรู้สึกผิดผสมอยู่และเธอก็มองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “เธอคือเสี่ยวเชียนจริงๆหรอ?..เธอคือลูกของฉันอย่างงั้นหรอ?..ไหนฉันขอดูแขนของเธอหน่อย!” ถังซูหยานพูดขณะที่เธอเดินไปที่ด้านหน้าของเย่เชียนและรีบดึงแขนของเย่เชียนมาแล้วถกแขนเสื้อของเย่เชียนขึ้น
เย่เชียนก็ต้านทานเล็กน้อยเพื่อหยุดถังซูหยานไม่ให้ดำเนินการต่อ ซึ่งถังซูหยานก็เข้าใจอารมณ์ของเย่เชียนเธอจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “เธอมีปานรูปดาบที่แขนใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะปรากฏว่าถังซูหยานก็รู้เรื่องนี้ด้วยเขาจึงทำอะไรไม่ถูกและมองถังซูหยานด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ปล่อยให้เธอถกแขนเสื้อของเขาและแน่นอนว่ารูปร่างของดาบก็ปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างชัดเจน เมื่อเห็นนั้นถังซูหยานก็สวมกอดเย่เชียนด้วยความตื่นเต้นทันทีและพูดว่า “เธอคือเสี่ยวเชียน..เธอเป็นลูกชายของฉัน..ลูกของแม่!”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอไปรู้ข้อมูลเกี่ยวกับปานรูปดาบนี้ได้ยังไง..แต่สังเกตจากการกระทำของเธอแล้วเธอต้องการที่จะบอกว่าเธอเป็นแม่ของเสี่ยวเชียนใช่มั้ย?..หืม..ยัยผู้หญิงร้อยมารยา..เธอต้องสมรู้ร่วมคิดกับพวกนั้นและต้องการพรากแม่และลูกของเราใช่มั้ย?” อันซือพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“อันซือ..ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น..ฉันรู้ว่าคุณทนทุกข์ทรมานมาหลายปีแล้วแต่มันก็ผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วเพราะงั้นความขุ่นเคืองและความโกรธแค้นทั้งหมดควรจะหายไปใช่ไหม?..การที่คุณพาเสี่ยวเชียนกลับมาที่บ้านตระกูลเย่ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ..ทำไมคุณถึงไม่พูดความจริงออกมาล่ะ..ฉันขอร้อง!” ถังชูหยานพูดอย่างอ้อนวอน
เมื่อยี่สิบปีที่แล้วเย่เจิ้งหรานกันอันซือเป็นคู่สามีภรรยากันแต่เนื่องจากภูมิหลังของอันซือไม่ดีเย่เจียอู๋จึงไม่เห็นด้วยกับพวกเขา ต่อมาเย่เจียอู๋ตัดสินใจบังคับให้เย่เจิ้งหรานแต่งงานกับถังซูหยานที่เป็นถึงลูกสาวของผู้นำสำนักถังและนี่ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งซึ่งได้กำหนดตำแหน่งของตระกูลเย่ในวงการศิลปะการต่อสู้อย่างรุ่งโรจน์



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดนักรบจอมราชัน