ตอนที่ 23 ไปครั้งแรกก็โดนหมายหัว
สวี่หยางเคาะประตู เสียงพูดคุยกันข้างในพลันเงียบลง
หลังจากคุยสบาย ๆ สักสองสามประโยคแล้ว สวี่หยางก็เข้าไปในห้อง หยิบตำรากามศิลป์ในห้องหอทั้งสามเล่มมาเริ่มอ่าน
พออ่านแล้วก็ขมวดคิ้ว หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาลึกลับซับซ้อน ด้านหลังมีคำแนะนำท่าทางสำหรับชายและหญิง
แน่นอนว่านี่เป็นกามศิลป์ในห้องหอ ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขาเลย
โชคดีที่ไม่ได้มีราคาแพงมาก สวี่หยางจึงโยนมันลงบนโต๊ะ
หลังจากนั้นเขาก็หยิบเคล็ดวิชามังกรขับขานออกมา นี่เป็นเคล็ดวิชาที่แปลงเสียงเป็นคลื่นกระแทกเพื่อโจมตี
คลื่นกระแทกทำให้จิตใจของศัตรูสับสน และทำให้คนหมดสติไป จึงฉวยโอกาสโจมตีศัตรูได้ในภายหลัง
ปกติเคล็ดมังกรขับขานจะเป็นเคล็ดวิชาที่เน้นการลอบโจมตี
“ใช้ได้เลย”
หลังจากอ่านคำแนะนำในหน้าแรกแล้ว สวี่หยางก็พอใจกับเนื้อหามาก
แต่น่าเสียดายที่ตอนท้ายมีเพียงสามหน้าเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นกระบวนท่าที่หนึ่งและสอง
“แต่ถ้าข้าแสดงเคล็ดวิชานี้ในสนามรบ ข้าก็อาจจะสามารถพัฒนาการฝึกฝนได้เลยทันที!”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แล้วคิดทุกอย่างในใจ
จากนั้นเขาก็เริ่มเพ่งสมาธิฝึก โดยวิธีฝึกนั้นง่ายมาก เพียงตะโกนออกมาเท่านั้น
แน่นอนว่าในการฝึกฝน ต้องใช้พลังจิตแผ่ไปทั่วกาย เพื่อแยกอากาศรอบ ๆ ออกไป ตะโกนดังเพียงใด คนที่อื่นก็จะไม่ได้ยิน
ความยากอยู่ที่ว่า จะสร้างเสียงให้เกิดคลื่นกระแทกได้อย่างไร โดยเริ่มแรกคือต้องผสานเสียงกับพลังวิญญาณเข้าด้วยกัน เพื่อระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้ศัตรูประหวั่นพรั่นพรึงได้
สวี่หยางเอื้อมมือออกไป โคจรพลังวิญญาณของเขากลายเป็นเกราะป้องกันกายเอาไว้
“อ๊าก!”
สวี่หยางคำรามลั่น …ล้มเหลว
“อ๊าก!”
เขาตะโกนอีกครั้ง แต่ก็ยังล้มเหลว
“ออกไป!”
ยังคงล้มเหลว
“ว้าก…”
ยังคงล้มเหลว
“อืม ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน”
ในขณะที่รับประทานอาหาร เขาสังเกตเห็นว่าหลินอวี้กับเสิ่นม่านอวิ๋นกำลังคุยกันอย่างมีความสุข แต่ทิ้งเขาไว้ตามลำพัง
ชายหนุ่มพลันรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากับสหายเต๋าเสิ่นคุยกันถูกคอหรือ?” สวี่หยางถามด้วยความสงสัย หลังจากที่เสิ่นม่านอวิ๋นจากไป
“ก็ไม่เลว พี่สาวมีความรู้และเป็นคนดี อันที่จริง นางค่อนข้างน่าสงสาร ก่อนหน้านี้นางเจอคนใจร้าย และถูกโกงเงินเก็บทั้งหมดไป”
…
แกรก… แกรก…
ราวสี่ทุ่ม จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปข้างนอก
“หืม?”
สวี่หยางขมวดคิ้ว มีบางอย่างผิดปกติกับเสียงฝีเท้านั้น ดูเหมือนว่าจะมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านของเขาครู่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คุ้นเคยกับเสียงลมหายใจเช่นนี้เลย นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนนอกแน่นอน!
เส้นประสาทของสวี่หยางตึงเครียดขึ้นทันที หลังจากสัมผัสได้ว่าคนผู้นั้นกำลังจะจากไป ชายหนุ่มก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปไกลนัก แต่ไปซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ไกล ๆ
‘เหตุใดถึงซ่อนตัวอยู่ที่นั่น?’
ต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแน่!
สวี่หยางยังคงสงบ และบอกให้หลินอวี้พักผ่อน
ทันใดนั้น เสียงรายงานของเสิ่นม่านอวิ๋นก็ดังขึ้น “สหายเต๋าสวี่ มีคนแปลกหน้าสองคน ชายและหญิง ปรากฏตัวที่ประตูบ้านของข้า ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้มีเจตนาดี เพราะมาที่นี่ในเวลากลางคืน ดังนั้นเจ้าควรระวังตัวด้วย”
“เข้าใจแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นก็บอกข้าด้วย”
“เจ้าก็เช่นกัน”
ทั้งสองฝ่ายช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยงคืน
สวี่หยางปิดไฟ มองจากภายนอก จึงดูเหมือนว่าเขาจะเข้านอนไปนานแล้ว
ตึก… ตึก… ตึก…
เขาสัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามา สี่คน!
ผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนอยู่ข้างนอก หนึ่งในนั้นคือผู้หญิงที่แอบสะกดรอยตามเขาในตลาดมืดเมื่อตอนกลางวัน!
ชายอีกคนคือพ่อค้าที่เขาค้าขายด้วยคนแรกตอนกลางวัน
“ไปขายของครั้งแรก ข้าก็ตกเป็นเป้าหมายเสียแล้ว”
ใบหน้าของสวี่หยางบูดบึ้ง สมแล้วที่เป็นตลาดมืด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไปที่นั่น แต่เขาไม่ได้กลัว เนื่องจากมีเพลิงขั้นสูงคอยอารักขาอยู่ ทั้งยังมีรัศมีแสงทองในมือด้วย
แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัย เขาจึงแจ้งเสิ่นม่านอวิ๋นไว้ว่ามีผู้บำเพ็ญสี่คน ชายสามคนและหญิงหนึ่งคน กำลังเข้ามาใกล้ประตูบ้านเขา เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่พวกเขา
ในห้องของเสิ่นม่านอวิ๋น นางนั่งอยู่บนเตียง และได้รับข่าวแล้ว
“จะช่วยสหายเต๋าสวี่หรือไม่?”
เสิ่นม่านอวิ๋นยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากการกระทำที่ผ่านมาของนาง นางคงจะไม่ช่วยเขาแน่นอน เป็นการดีที่จะเตือนก่อน
แต่นางยังคงเดินไปที่ประตู
“ด้วยข้อพิพาทระหว่างตระกูลสวีและสัตว์ร้ายตระกูลโจว ข้าได้สังหารเหยี่ยวเลี่ยอวี๋ของตระกูลโจวไปหลายตัว บางทีข้าอาจถูกตอบโต้เหมือนจ้าวเสี่ยวเอ้อร์ในอนาคต หากข้าช่วยสวี่หยางตอนนี้ เขาอาจช่วยข้าได้ในครั้งต่อไป”
“อีกทั้งอวี้เอ๋อร์ยังเป็นคนดีด้วย”
เมื่อนึกได้ดังนั้น เสิ่นม่านอวิ๋นก็เดินออกไปอยู่ดี
ในเวลานี้ คนสี่คน ผู้ชายสามและผู้หญิงหนึ่ง ก็ปีนข้ามกำแพงเข้ามาแล้ว
“คนผู้นั้นคงจะหลับไปแล้ว ระวังด้วย!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน