ตอนที่ 22 ตลาดมืด
มีคนมากมายอิจฉาเขา แต่สวี่หยางไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร
ส่วนเหตุผลน่ะหรือ? ก็เพราะจ้าวเสี่ยวเอ้อร์กับลูกชายของเขาเสียชีวิตที่นี่ หมายความว่ามีคนร้ายจากกลุ่มเจ็ดคาบสมุทรอยู่รอบตัวพวกเขา
นี่คือระเบิดเวลา
เขาใช้เคล็ดซ่อนกลิ่นอายเฝ้าสังเกตผู้คนที่น่าสงสัยเงียบ ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถตรวจจับอะไรได้เลย
“สหายเต๋าเสิ่น ประเดี๋ยวข้าจะไปที่เมืองฟาง เหตุการณ์ตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย โปรดมาช่วยดูภรรยาของข้าที่บ้านด้วยนะ”
ก่อนออกเดินทาง สวี่หยางพูดกับเสิ่นม่านอวิ๋น
เสิ่นม่านอวิ๋นยกยิ้ม แล้วลูบไล้ผมยาวของตนอย่างเกียจคร้าน “สหายเต๋าใจดีกับภรรยามาก ทำให้ข้าอิจฉานัก”
สวี่หยางไม่ตอบ เพียงพูดว่า “เช่นนั้นข้าต้องรบกวนเจ้าเสียแล้ว สหายเต๋าเสิ่น”
“ก็ได้ แต่ประเดี๋ยวข้าจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านเจ้า”
“ไม่มีปัญหา”
…
ขณะที่เดินอยู่ สวี่หยางสังเกตสภาพแวดล้อมรอบกายไปด้วย
หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีคนน่าสงสัยติดตามมาแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจ
“อืม มีเสิ่นม่านอวิ๋นคอยเฝ้าดูอยู่ที่บ้าน ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
เมื่อสัมผัสถุงเก็บของที่อยู่ด้านในแขนเสื้อ สวี่หยางก็รู้สึกสบายใจ
ทางเข้าตลาดมืด
ตลาดมืดที่นี่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองชั้นนอก สินค้าที่ขายที่นี่แตกต่างจากเมืองชั้นใน เนื่องจากราคาสินค้าจะสูง บางรายการมาจากแหล่งผิดกฎหมาย ทั้งยังต้องผลิตด้วยวัสดุพิเศษ ผู้คนจึงมาดูสินค้าผิดกฎหมายได้ที่นี่
ภายในตลาดมืด กลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มดาบคม มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลที่นี่ หากต้องการเข้าไป จะต้องจ่ายเศษหินวิญญาณห้าก้อน
ชายหนุ่มเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพราะกังวลว่าจะถูกจับตามอง จึงไม่ได้มาที่นี่อีก
ที่ทางเข้า สวี่หยางปลอมตัวไว้แล้ว โดยสวมหมวกไม้ไผ่และคาดผ้าปิดปากกับจมูก
ชายร่างใหญ่ที่มีหนวดเครารกครึ้ม ยื่นมือมาทางสวี่หยาง “เศษหินวิญญาณห้าก้อนสำหรับเข้าตลาด”
สวี่หยางทำเหมือนมาที่นี่บ่อย ๆ เขาได้เตรียมเศษหินวิญญาณไว้เแล้ว จึงส่งให้อีกฝ่ายอย่างสบาย ๆ
ครั้งนี้มาขายของที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง ส่วนอื่น ๆ คืออยากรู้ว่าที่นี่มีตำราเคล็ดวิชาอะไรบ้าง
ตอนนี้เขามีเพียงเคล็ดปลูกถ่ายวิญญาณ และเคล็ดเพลิงวิภาสที่ยังไม่ถึงระดับปรมาจารย์ เขาคิดว่าตนสามารถเรียนรู้ทักษะที่มีความใกล้เคียงกันได้
เพราะเมื่อทักษะบรรลุถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ย่อมสามารถกระตุ้นทักษะพิเศษได้ ซึ่งยอดเยี่ยมมาก
ชายที่มีหนวดเครานามว่าหูจง หรี่ตาถาม “เจ้ามาที่นี่เพื่อซื้อของหรือขายของ?”
“ขายสมุนไพรขอรับ”
สวี่หยางนำพืชสมุนไพรที่มีมูลค่าต่ำซึ่งเขาได้เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาสองชนิด
“อืม เข้าไปได้” หูจงยักไหล่ ไม่ได้สนใจสวี่หยางมากนัก
ย่านที่เรียกว่าตลาดมืดนี้ เป็นเพียงถนนที่มีตรอกเล็ก ๆ สองสามตรอก
มีแผงขายของมากมายบนถนน
สิ่งที่แตกต่างจากสถานที่ภายนอกทั่วไป คือผู้คนที่นี่มีหน้าตาน่ากลัว บางคนมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า เพียงมองปราดแรกก็รู้ว่าโหดเหี้ยม
แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าที่นี่รับรองความปลอดภัยแน่นอน เพราะกลุ่มดาบคมรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของที่นี่ และจะไม่ปล่อยให้เกิดความวุ่นวาย แต่เมื่อออกจากที่นี่แล้วก็ไม่รับประกันอีก
สวี่หยางเดินไปสักพัก ในไม่ช้าก็เห็นสมุนไพรบางชนิดวางอยู่บนแผงขายยา
เมื่อเห็นโอกาสทำธุรกิจ จอมยุทธ์หน้าเหลี่ยมก็เริ่มแนะนำสมุนไพรบนแผงขายยา
สวี่หยางหยิบเสาวรสออกมา “อยากรับสิ่งนี้ไว้หรือไม่?”
จอมยุทธ์หน้าเหลี่ยมมองสวี่หยางด้วยสายตามีเลศนัย “รับสิ รับแน่นอน”
สวี่หยางแปลกใจเล็กน้อย ดวงตาของชายคนนั้นดูเปลี่ยนไป หลังจากที่เขาหยิบเสาวรสออกมา
“เจ้าต้องการขายเท่าไร?”
“ห้าลูก” สวี่หยางไม่กล้าพูดอีก แม้ว่าคนตรงหน้าเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่หากกล้าตั้งแผงขายของที่นี่ ก็ต้องมีคนแข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่เป็นแน่
“โอ้ ไม่เลวเลย ทั้งหมดล้วนมีคุณภาพดีเยี่ยม”
“และมันก็สุกกำลังดีเลย” สวี่หยางกล่าว
“ดี ดีมาก ข้าเอาหมดเลย”
หลังจากต่อรองราคาแล้ว เสาวรสแต่ละลูกขายได้เท่ากับหินวิญญาณแปดก้อน แต่สวี่หยางขอแลกกับเมล็ดหญ้าหลิงเฉ่าสีแดง
หลังจากบดเมล็ดหญ้าหลิงเฉ่าสีแดงแล้ว สิ่งนี้จะมีฤทธิ์ห้ามเลือด สามารถซื้อไปปลูกที่บ้านได้
หลังจากเดินวนอีกรอบ เขาก็ขายเสาวรสอีกห้าลูกที่แผงร้านอื่นที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งได้ราคาใกล้เคียงกัน
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ได้รับหินวิญญาณหนึ่งร้อยยี่สิบก้อน และได้เมล็ดสมุนไพรอื่น ๆ ติดไม้ติดมือมาด้วย
“อืม มีคนกำลังมุ่งเป้ามาที่ข้าอยู่หรือ?”
สวี่หยางรู้สึกประหลาดใจ ที่ตนตกเป็นเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าไปในตลาดมืด ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่ามีคนเดินตามหลังมาตลอดเวลา ในไม่ช้าสวี่หยางก็ค้นพบว่ามีสายตาจ้องมองมาที่ตน ตั้งแต่เขารวบรวมหินวิญญาณห้าสิบก้อนที่แผงแรกแล้ว
ไม่ว่าจะไปทางไหน สายตาคู่นี้ก็ตามติดไปทุกที่
สวี่หยางไม่คิดจะสะกดอารมณ์ไว้อีก เดินตรงไปหาคนที่เดินตามมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
นางเป็นผู้บำเพ็ญหญิง เป็นสตรีในวัยราวสี่สิบ เมื่อเห็นสวี่หยางกำลังตรงเข้ามา นางก็แสร้งทำเป็นว่ากำลังดูสินค้าที่แผงขายของอย่างรวดเร็ว
รอบตัวหญิงวัยกลางคนผู้นี้มีคนมากมาย นางจึงคิดว่าไม่มีใครสังเกตเห็นนาง หากซ่อนตัวปะปนอยู่ในฝูงชน
แต่สวี่หยางเดินไปคว้าไหล่ของนาง
“สะกดรอยตามข้ามานาน เจ้าต้องการอะไร?”
…
สวี่หยางแค่นเสียงเย็น กลิ่นอายของขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่ระเบิดออกมา
“ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่!”
สีหน้าของคนรอบข้างเริ่มตกตะลึง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน