ตอนที่ 21 คู่รักทะเลาะกัน
สวี่หยางแทบจะสบถออกมา
สถานการณ์แบบไหนถึงได้เพียงเจ็ดแต้ม!
ภรรยาอารมณ์ไม่ดี แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของเขา…
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าต้องทำให้ภรรยาอารมณ์ดีถึงจะได้รับรางวัลมากมาย เมื่อคิดอย่างถ้วนถี่แล้ว ตอนที่เข้านอนเมื่อคืนนี้ หลินอวี้จึงได้บอกเล่าเรื่องราวไม่ดีเกี่ยวกับตนเองที่ได้ยินมาจากคนนอกให้ฟัง
เขาสัมผัสได้ถึงความหดหู่และความโกรธในใจของหลินอวี้!
ทำให้อีกฝ่ายไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่ต่างกับหลับนอนกับหิน…
จากนั้นอีกสองวันต่อมาในช่วงหกถึงเจ็ดโมงเช้า เห็นได้ชัดว่าภรรยาของเขายังโกรธอยู่
สวี่หยางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปทำภารกิจใช่หรือไม่?
นั่นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ทุกคนรู้ว่าภรรยาของเขาเป็นมนุษย์ หากออกไปทำภารกิจแล้วมีใครบางคนมารังแกภรรยาของเขาช่วงกลางดึกขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ฉับพลันนั้นชายหนุ่มก็นึกถึงเรื่องแบ่งห้องร่วมกันที่เสิ่นม่านอวิ๋นเคยเอ่ยถึง
หากแบ่งห้องร่วมกับเสิ่นม่านอวิ๋น เขาจะรู้สึกอุ่นใจที่ได้รับความคุ้มครองจากนาง
แต่เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาเช่นกัน ยามกระทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน ความลับบางอย่างอาจถูกค้นพบ
ในที่สุด วันนี้เสิ่นม่านอวิ๋นก็กลับมา
ก๊อก ๆ!
“สหายเต๋าสวี่ ข้าเอง เสิ่นม่านอวิ๋น”
เพราะสวี่หยางกำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้อง หลินอวี้จึงเป็นคนไปเปิดประตู
“ผู้อาวุโสเสิ่น ท่านกลับมาแล้ว รีบเข้ามาก่อนเจ้าค่ะ”
หลินอวี้ยิ้มขณะจับมือของเสิ่นม่านอวิ๋น
เสิ่นม่านอวิ๋นถือถุงเก็บของไว้ในมือ ทันทีที่เข้ามานางก็หยิบของจำนวนมากออกมา
ในบรรดาของเหล่านี้ มีสัตว์อสูรคล้ายเหยี่ยวที่มีขนสีดำและร่างใหญ่ประหนึ่งสุนัข มันมีชื่อว่าเหยี่ยวเลี่ยอวี๋ซึ่งเป็นนกวิญญาณที่สามารถดำน้ำเพื่อจับปลาได้
นอกจากนี้ยังมียาเติมลมปราณและโลหิต รวมถึงยาและผงหอมที่ทำให้ผิวขาวชุ่มชื้นสำหรับมนุษย์
“เหตุใดสหายเต๋าเสิ่นถึงสุภาพเช่นนี้?”
สวี่หยางประหลาดใจเล็กน้อย แม้เขากับเสิ่นม่านอวิ๋นจะรู้จักกัน แต่ก็ไม่มากจนต้องแสดงความสุภาพมากขนาดนี้
แค่เนื้อของเหยี่ยวเลี่ยอวี๋ก็มีราคาเท่ากับหินวิญญาณเจ็ดแปดก้อนเป็นอย่างน้อย หากมีชีวิตก็จะมีราคาสูงขึ้นถึงหนึ่งร้อยก้อน
เนื่องจากเหยี่ยวเลี่ยอวี๋เป็นสัตว์เลี้ยง หลังจากโตเต็มที่แล้วก็สามารถใช้มันเพื่อจับปลาได้
เสิ่นม่านอวิ๋นคลี่ยิ้ม “ภารกิจนี้สำเร็จได้ด้วยดี ข้าล่าเหยี่ยวเลี่ยอวี๋ได้ห้าตัวกับเก็บสมุนไพรที่นั่นได้เป็นจำนวนมาก ตระกูลสวีเองก็จ่ายให้ข้าไม่น้อย”
“ขอแสดงความยินดีกับสหายเต๋าเสิ่นด้วย”
“สหายเต๋าสวี่ ข้าจะออกไปอีกครั้งในอีกห้าวันเลยสงสัยว่าเจ้าสามารถให้ความช่วยเหลือได้หรือไม่?” ในที่สุดเสิ่นม่านอวิ๋นก็เปิดเผยจุดประสงค์แท้จริงของการมาที่นี่
ตามที่นางว่ามา เหยี่ยวเลี่ยอวี๋เหล่านั้นน่าจะถูกเลี้ยงโดยจักรพรรดิสัตว์ร้ายตระกูลโจว เนื่องจากในอดีตไม่เคยมีพวกมันมาจับปลาวิญญาณมากขนาดนี้
เดิมทีเป้าหมายของตระกูลโจว คือการคุกคามเพื่อทำให้ตระกูลสวีต้องส่งกำลังคนเพื่อปกป้องทรัพย์สินของตนเอง
คาดไม่ถึงว่าแม้ครั้งนี้ตระกูลโจวจะยอมเสียเหยี่ยวเลี่ยอวี๋ไปจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ ถึงแผนใช้เหยี่ยวเลี่ยอวี๋จะล้มเหลว กระนั้นอีกฝ่ายก็ปล่อยสัตว์อสูรประเภทปลาที่เรียกว่าปลาฟันเลื่อยเข้ามากินปลาวิญญาณทั้งหมดในสระของตระกูลสวี
“ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋าสวี่จับปลาเก่งมาก เลยอยากขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
ดวงตาของเสิ่นม่านอวิ๋นร้อนผ่าว
“เจ้าไปได้ยินมาจากเถ้าแก่สวีหรือ?” สวี่หยางเดาว่าตอนขายปลาเขียววิญญาณห้าตัวให้กับเถ้าแก่สวีในคราวที่แล้ว ทำให้พวกเขาคาดเดาว่าตนเองมีวิธีพิเศษในการจับปลา
“ใช่แล้ว” เสิ่นม่านอวิ๋นพยักหน้า “ครั้งนี้ข้าบังเอิญพบกับเถ้าแก่สวี เขาบอกว่าเจ้ามีพลังมากนัก”
สวี่หยางส่ายหน้าปฏิเสธ “ตอนนั้นที่ข้าจับปลาเขียววิญญาณได้เป็นเรื่องบังเอิญ และการไปที่นั่นก็อันตรายยิ่ง”
“สหายเต๋าสวี่ เจ้าเพียงรับผิดชอบเรื่องจับปลาเท่านั้น หากมีอันตรายอะไร ข้าจะเข้าไปช่วยเอง” เสิ่นม่านอวิ๋นวิตกกังวล นางนำของขวัญมามากขนาดนี้มา เพื่อจะขอความช่วยเหลือจากสวี่หยาง แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะขลาดกลัวขนาดนี้
ไม่สงสัยเลยที่ช่วงนี้หลายคนพูดลับหลังว่าสวี่หยางเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว หรือมันจะเป็นจริงตามที่ข่าวลือว่า?
สวี่หยางยังคงปฏิเสธ
ท้ายสุดเขาบอกให้เก็บของขวัญเหล่านั้นกลับไป ในเมื่อตนเองปฏิเสธแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรับพวกมันอีก
เสิ่นม่านอวิ๋นทำได้เพียงยอมรับ นางไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บเหยี่ยวเลี่ยอวี๋กลับไปแล้วมอบของขวัญอื่นให้กับเขาแทน
“สามี ข้าคิดว่าเสิ่นม่านอวิ๋นเป็นคนดี เหตุใดเจ้าจึงไม่ช่วยเขา?”
หลินอวี้ใจอ่อนเล็กน้อย
“ข้าจะช่วยอะไรได้? หากเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
“แต่ข้าเห็นว่าคนที่ออกไปข้างนอกก็ไม่โดนอะไร ขนาดจ้าวเสี่ยวเอ้อร์ที่พยายามหาเรื่องเจ้าก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาทำเงินได้ไม่น้อยเลย”
จากนั้นนางก็สาธยายเรื่องราวมากมาย รวมถึงเรื่องที่มีคนพูดลับหลังว่าเขาเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว
สวี่หยางรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับสิ่งที่นางพูดก่อนจะตะโกนใส่ทันที “ถ้าอยากไปนักก็ไปเอง เจ้ามีความสามารถพอหรือไม่?”
หลินอวี้ตกตะลึงชั่วขณะ ดวงตาของนางแดงก่ำก่อนจะกระทืบเท้าแล้วเอ่ยว่าด้วยความเดือดดาล “ข้าแค่เป็นห่วงเจ้าที่ช่วงนี้โดนคนพูดลับหลังไม่หยุด พอข้าได้ยินแบบนั้นก็เลยรู้สึกไม่สบายใจ!”
สิ้นคำนางก็วิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเกรี้ยวกราด โดยทิ้งสวี่หยางไว้เพียงลำพัง
สวี่หยางตระหนักได้ว่าเขาเพิ่งพูดจารุนแรงเกินไป จึงเดินไปรินชาให้ “อวี้เอ๋อร์ เจ้ากระหายน้ำหรือไม่?”
“ไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน