บทที่ 31 ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับห้า
“โปรดชี้แนะด้วย สหายเสิ่น” สวี่หยางพูดขณะมองเสิ่นม่านอวิ๋น
“เรื่องนี้ง่ายมาก พวกเจ้าก็แค่จัดค่ายกลไว้ในบ้านของข้า ในตอนกลางวัน เจ้าและภรรยาของเจ้ากินข้าว ฝึกตน และทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการในบ้านของพวกเจ้า เพื่อให้คนอื่นคิดว่าเจ้าอยู่ที่นั่น แต่ในเวลากลางคืนก็แอบมานอนที่บ้านของข้า! ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้จะมีคนจับตามองพวกเจ้าอยู่ มันก็ไร้ประโยชน์”
ดวงตาของหลินอวี้เป็นประกายขึ้น “ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“ขอบคุณมาก สหายเสิ่น” สวี่หยางก็คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้ให้อาศัยอยู่ในบ้านของข้าเปล่า ๆ จ่ายค่าเช่าครึ่งหนึ่งได้หรือไม่?” เสิ่นม่านอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้แน่นอน”
เทียบกับความปลอดภัยแล้ว ค่าเช่าจะนับเป็นอะไรได้?
ค่าเช่าบ้านของนางจ่ายปีละหนึ่งร้อยสามหินวิญญาณ ซึ่งถือว่าไม่แพงมาก พื้นที่ใหญ่กว่าที่นี่ มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอนสี่ห้อง เพียงพอที่จะอยู่อาศัย
หลังจากการพูดคุยกันแล้ว สวี่หยางและหลินอวี้ก็รีบเก็บข้าวของ แล้วเข้าทางประตูหลังผ่านดินแดนวิญญาณ จากนั้นผ่านพื้นที่บ้านของหลี่ต้าต่งที่อยู่ติดกัน ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ก็มาถึงบ้านของเสิ่นม่านอวิ๋น
เสิ่นม่านอวิ๋นจัดค่ายกลทันที และยุ่งอยู่เช่นนั้นจนดึกดื่น
สามวันผ่านไป สวี่หยางและหลินอวี้อยู่ที่บ้านของตัวเองในตอนกลางวัน และไปที่บ้านของเสิ่นม่านอวิ๋นในตอนกลางคืน
ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย หลินอวี้มีอารมณ์ผ่อนคลายมาก ทำให้สามารถรับคะแนนพิเศษยี่สิบถึงสามสิบแต้มได้ทุกวัน
เย็นวันนั้น พวกเขามาที่บ้านของเสิ่นม่านอวิ๋นอีกครั้ง
เสิ่นม่านอวิ๋นเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปเทน้ำอาบ เมื่อเห็นสวี่หยางก็กระซิบ “สหายสวี่ ข้าเข้าใจว่าเจ้ากับภรรยาของเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะคู่รัก แต่โปรดระวังให้มากหน่อย นางร้องครวญครางเสียงดังทุกคืนเลย น้องอวี้เอ๋อร์ทนได้ แต่ข้าอาจจะทนไม่ได้”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของหลินอวี้พลันเปลี่ยนเป็นสีแดง เต็มไปด้วยความเขินอาย
สวี่หยางกระแอม “อะแฮ่ม เช่นนั้นหรือ? ประสิทธิภาพการเก็บเสียงของห้องนี้แย่มากหรือ?”
เนื่องจากทั้งสองครอบครัวอยู่ในค่ายกลเดียวกัน ฉนวนกันเสียงจึงไม่ค่อยดีนัก
แต่เสียงร้องครวญครางของภรรยาเขานั้น มักเป็นเสียงครางอู้อี้มาโดยตลอด ไม่เคยร้อง ‘อ๊า อ๊า…’ เกินจริงเลย เสิ่นม่านอวิ๋นได้ยินได้อย่างไร?
‘หรือสตรีผู้นี้จะเอาหูแนบกำแพง?’ สวี่หยางแปลกใจ
“พวกเจ้าก็ทำเบา ๆ หน่อย คนอื่นจะได้ไม่ได้ยิน” เสิ่นม่านอวิ๋นพึมพำ ขณะเทน้ำอาบลงใต้โคนต้นไม้ใหญ่ที่มุมขวาของลานหน้าบ้าน
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ได้รับการบำรุงด้วยน้ำอาบทุกวัน กิ่งก้านใบของมันจึงงอกงามมากในช่วงนี้
“ขออภัยพี่เสิ่น ต่อไปข้าจะระวัง” หลินอวี้กล่าวอย่างเขินอาย
“ฮิ ฮิ น้องอวี้ ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ข้ารู้สึกสงสารเจ้าด้วยซ้ำ หากข้าถูกทรมานเช่นนั้น จุ๊ จุ๊ ข้าก็คงทนไม่ไหวเช่นกัน”
เสิ่นม่านอวิ๋นพูดจาหาญกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ พูดจบก็เดินเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม
“สามี เหตุใดข้าถึงรู้สึกตื่นเต้น เมื่อพี่เสิ่นพูดถึงเรื่องของเรา นางไม่ได้แอบฟังเราทุกคืนใช่หรือไม่?”
ภายในห้อง หลินอวี้กระซิบ
“อืม ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ต่อจากนี้ไปควรลดเสียงลงจะดีกว่า”
“โอ้ ก็ทักษะของสามีข้าดีขึ้นเรื่อย ๆ นี่นา ใครจะไปทนไหว”
คำเยินยอนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?
อาจเป็นเพราะถูกเสิ่นม่านอวิ๋นกระตุ้นเมื่อครู่นี้ ในคืนนี้หลินอวี้จึงมีความกระตือรือร้นและร้อนแรงเป็นพิเศษ!
ผ่านไปสักพัก หลังรู้สึกได้ว่าหลินอวี้ตัวสั่น สวี่หยางก็ค่อย ๆ ผละออกจากนาง
หลินอวี้เหนื่อยล้าจึงผล็อยหลับไป ในขณะที่สวี่หยางไปหยิบยารวมปราณที่เขาได้รับก่อนหน้านี้มา
เขาไม่ได้กินยาใด ๆ เลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่ปรับสภาพร่างกายให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุด!
ตอนนี้ในที่สุดก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว
ก่อนอื่นเขาหยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วจิบชาวิญญาณที่ชงด้วยโสมหญ้าโลหิต
หลังจากดื่มไปหนึ่งแก้ว ความรู้สึกที่เกิดจากปราณวิญญาณก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“ใกล้จะถึงเวลากินยารวมปราณแล้ว หากโชคดีก็อาจสามารถทะลวงได้เลย!”
สวี่หยางเอ่ย
คราวนี้ตระกูลสวีให้รางวัลเขาด้วยยารวมปราณ นอกจากทำให้เขาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนที่ติดตามตระกูลสวีจะได้รางวัลแล้ว ก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่ง และป้องกันตนเองได้ด้วย
“หากได้รับการเลื่อนขั้น ก็จะยิ่งมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ขายพืชวิญญาณมากขึ้น รับหินวิญญาณ พยายามซื้อศัสตราศักดิ์สิทธิ์ ซื้อเสื้อคลุมมาป้องกัน…”
“แล้วก็ถุงเก็บของนี้ใบเล็กเกินไปแล้ว… ต้องเปลี่ยนเป็นใบที่ใหญ่กว่านี้”
สวี่หยางครุ่นคิด
ล่าสุดเขาและภรรยาทำนาในช่วงกลางวัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่เขาแอบปลูกโสมหญ้าโลหิตสิบห้าต้นเอง โอสถวิญญาณที่เขาเก็บมาก่อนหน้านี้ก็ปลูกไว้ที่มุมเล็ก ๆ หลังห้องครัว เพื่อไม่ให้คนอื่นค้นพบได้ง่าย ๆ
โอสถวิญญาณมีทั้งหมดสามชนิด ซึ่งทั้งหมดใช้สำหรับการรักษา ปกติแล้ว ยาเหล่านี้ไม่ได้มีคุณค่าเท่ากับโสมหญ้าโลหิต แต่ก็มีสรรพคุณในการรักษา ควรปลูกไว้เพื่อเตรียมพร้อม
หลังจากปล่อยลมหายใจไปตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีคนนอกอยู่รอบ ๆ เขาก็เริ่มสูดหายใจเข้าลึก เพื่อทำให้จิตว่างเปล่า
ในขณะนี้ ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดหายไป แล้วเขาก็ดื่มยารวมปราณหมดในอึกเดียว
ตู้ม!!
หลังจากที่ยารวมปราณเข้าสู่ช่องท้องของเขา ปราณวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งก็เป็นดั่งฟางแห้งที่พบกับเพลิงโหมกระหน่ำ มันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สวี่หยางจะมีเวลาเปิดใช้งานทักษะ ปราณวิญญาณของเขาเองก็ได้หลอมรวมเข้ากับปราณวิญญาณอันบริสุทธิ์เหล่านี้ และเข้าสู่เส้นลมปราณ
ในเวลานี้ เขารีบเริ่มใช้ทักษะ ในขณะเดียวกัน จิตของเขาก็นำทางปราณวิญญาณให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
กระบวนการนี้กลายเป็นเรื่องยากอีกครั้ง
เหตุผลเหมือนกับครั้งที่แล้ว ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป กล่าวอีกนัยหนึ่งคือรากฐานของเขาย่ำแย่เกินไป!
ปราณวิญญาณมหาศาลบางครั้งก็ดี แต่เมื่อต้องเผชิญกับรากฐานที่ย่ำแย่เช่นนี้ ปราณวิญญาณนั้นจะถูกจำกัดโดยเส้นลมปราณ ทำให้ไม่สามารถโคจรได้เร็วมากนัก
“ครั้งสุดท้ายที่เลื่อนขั้น เส้นลมปราณของข้าก็เกือบจะระเบิด ในท้ายที่สุด เส้นลมปราณของข้าก็ขยายขึ้นเล็กน้อย คราวนี้เริ่มอีกแล้ว!”
สวี่หยางกัดฟัน รู้สึกว่าเส้นลมปราณของตนขยายตัวอีกครั้ง!
“ไม่ได้การ ข้าต้องหาทางหายามาขัดเกลารากฐานของข้าให้ได้! มิฉะนั้น หากจะไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับหก แล้วมีการเลื่อนขั้นอีกครั้ง เส้นลมปราณของข้าจะเสียหาย ถึงตอนนั้นข้าก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์”
เพียงแต่ว่าการพูดนั้นง่ายกว่าทำ
ยาที่ใช้เสริมสร้างรากฐานไม่เพียงแต่มีราคาแพงเท่านั้น แต่ยังหาซื้อได้ยากด้วย
เมื่อก่อนมันมีอยู่เฉพาะในร้านที่เปิดประมูล หรือเป็นของตกทอดภายในครอบครัวเท่านั้น
“คงต้องส่งจดหมายถึงหวงเสี่ยวเหมย เพื่อสอบถามเรื่องนี้”
สวี่หยางรู้สึกว่าพลังลมปราณในร่างกายของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว
ในที่สุดความรู้สึกไม่สบายจากการขยายตัวของเส้นลมปราณก็บรรเทาลงทีละน้อย แต่เมื่อผ่านจุดที่ยากลำบากก็มีเสียง ‘ฉึก!’
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน