บทที่ 63 แก้แค้นง่ายดาย
ทันทีที่โจวเฮ่าเทียนพูดจบ สายฟ้าขนาดใหญ่ยังคงหลอมรวมกันดั่งพายุคลั่งในม่านแสงสีฟ้า ทันใดนั้น ‘อสนีบาต’ ก็ฟาดเปรี้ยงสะเทือนเลื่อนลั่น
ด้วยพลังดังกล่าว ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลม ย่อมเห็นว่ามันไม่ใช่การโจมตีธรรมดาแน่นอน เป็นการโจมตีที่สามารถสังหารผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานได้ในคราวเดียว
ถ้ามันใหญ่ขึ้นกว่านี้ มันอาจจะสามารถฆ่าผู้บำเพ็ญขอบเขตจินตานได้
ผู้บำเพ็ญมนุษย์ประจำตระกูลโจวต่างก็ตกตะลึง เมื่อโจวเฮ่าเทียนตะโกนคำว่า ‘ถอยทัพ’ คนฉลาดบางคนก็ตอบสนองทันที และวิ่งหนีไป
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ม่านแสงปรากฏขึ้นในอากาศบาง ๆ ปิดกั้นทางของทุกคน แล้วอสนีบาตขนาดใหญ่ก็ก่อตัวเหนือศีรษะของผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตานโจวเฮ่าเทียนและจ้าวฉี่
“ค่ายกลอสนีบาตระดับสี่ ให้ตายเถอะ ตระกูลสวีมีค่ายกลเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
โจวเฮ่าเทียนยังดูสงบนิ่ง ดวงตาเย็นชาของเขาจับจ้องไปที่ผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่อยู่ด้านหลังสายฟ้าเหนือศีรษะตน
คนผู้นั้นเป็นเพียงผู้บำเพ็ญมนุษย์ตระกูลสวีที่อยู่ในช่วงปลายของขอบเขตสร้างรากฐาน ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่นามว่าสวีซื่อ
ปกติต่อให้สวีซื่อมีความกล้าหาญเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า เขาก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขอบเขตจินตานทั้งสองซึ่ง ๆ หน้า
แต่วันนี้ เขาควบคุมค่ายกลอสนีบาตระดับสี่ ไม่เพียงแต่กล้าเผชิญหน้ากับสองคนนี้เท่านั้น แต่ยังกล้าสังหารพวกเขาด้วย
“โจวเฮ่าเทียน จ้าวฉี่ พวกเจ้าโจมตีบ้านตระกูลสวีของข้า เจ้าคิดว่าตระกูลสวีไม่คิดแผนป้องกันไว้เลยหรือ? วันนี้เป็นวันตายของพวกเจ้า”
เสียงของสวีซื่อเย็นชา นัยน์ตาทอประกายสีแดงวาบ
“ให้พลังทั้งหมดแก่ข้า เพื่อทำลายค่ายกลนี้ แล้วออกไปจากที่นี่”
ผมของโจวเฮ่าเทียนปลิวไสว เขาโยนยันต์ทำลายค่ายกลระดับสองออกไปโดยไม่ลังเล
ตู้ม ตู้ม!
ยันต์ทำลายค่ายกลโจมตีค่ายกลทันที ทันใดนั้นระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นก็แผ่กระจายออกไปบนม่านแสงสีฟ้า
แต่นี่เป็นค่ายกลอสนีบาตระดับสี่ ซึ่งค่ายกลอสนีบาตเป็นหนึ่งในค่ายกลที่ดีที่สุดในบรรดาระดับสี่ เป็นที่รู้จักในด้านการโจมตีที่แข็งแกร่ง และการป้องกันที่แข็งแกร่ง
ผู้ที่ควบคุมค่ายกลนั้น อย่างน้อยจะต้องอยู่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลาย ทั้งยังต้องมีขอบเขตสร้างรากฐานสี่คนล้อมรอบค่ายกลรอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลสามารถโจมตีให้เกิดผลสูงสุดได้ สำหรับค่ายกลนี้ เฉพาะคนที่มียันต์ทำลายค่ายกลระดับสี่เท่านั้นที่สามารถต้านทานได้สักพัก
ไม่ต้องพูดถึงยันต์ทำลายค่ายกลระดับสี่ แม้แต่ยันต์ทำลายค่ายกลระดับสาม คนที่เป็นเจ้าของก็ยังไม่อยากจะต่อกร
“ตายซะ!”
สวีซื่อตะโกน อสนีบาตขนาดใหญ่ก่อตัวตรงหน้าพุ่งตรงไปยังจ้าวฉี่
พื้นดินสั่นสะเทือน ศิษย์ระดับต่ำของตระกูลโจวถูกสังหารทันที เลือดเนื้อของพวกเขาระเบิดปลิวว่อนจมกองเลือด
“ทรงพลังนัก!!”
สวี่หยางเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่านี่คือไพ่เด็ดของตระกูลสวี ค่ายกลระดับสี่!
ค่ายกลนี้น่าจะสามารถแยกฝ่ายเราและฝ่ายศัตรูได้ คนตายล้วนเป็นศิษย์ของตระกูลโจว ส่วนตระกูลสวีรวมถึงผู้บำเพ็ญทั่วไปเช่นเขาล้วนสบายดี
ในเวลานี้ จ้าวฉี่บนท้องฟ้ากำลังเผชิญกับการโจมตีของอสนีบาต และพยายามต้านทานมันอย่างเต็มที่
การโจมตีรุนแรงพุ่งเข้าใส่จนจ้าวฉี่กระเด็นออกไป
แต่จ้าวฉี่เป็นผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตาน หลังจากสงบจิตใจแล้ว เขาก็หยิบยาเม็ดสีขาวขึ้นมากินทันที จากนั้นนัยน์ตาเขาก็หลั่งน้ำตาเป็นเลือด จนใบหน้าซีดเซียวของเขาอาบด้วยเลือดสีแดงฉาน
“พี่โจว หาโอกาสหลบหนีไปจากที่นี่”
สิ่งที่จ้าวฉี่กินเข้าไปนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นยาต้องห้าม ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แน่นอนว่ามีรัศมีอันทรงพลังแผ่ซ่านออกมาจากกายเลือนราง
“ยาก่อกำเนิดลวง!” สวีซื่อคาดเดาในใจ หรี่ตาลงเล็กน้อย
จ้าวฉี่คนนี้มียาก่อกำเนิดลวงจริง ๆ ซึ่งเป็นยาที่ช่วยให้ผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตานมีพลังของผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดได้ในระยะเวลาอันสั้น
หากโจวเฮ่าเทียนมียาเช่นนี้ด้วย ปรมาจารย์ทั้งสองอาจสามารถทำลายค่ายกลอสนีบาตของเขาได้
โชคดีที่โจวเฮ่าเทียนไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาตะโกนบอกจ้าวฉี่ “จ้าวฉี่ ไปด้วยกันเถอะ”
“พี่โจว ท่านช่วยข้าไว้สามครั้งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้ากับครอบครัวก็คงตายไปนานแล้ว ข้าคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้ ท่านได้โปรดออกไปเถอะ”
จ้าวฉี่ไม่ยอมเสียเวลา เปิดใช้งานร่างวิญญาณทันที แล้วระเบิดพลังยุทธ์อันทรงพลังไปยังจุดที่เขาเพิ่งขว้างยันต์ทำลายค่ายกล
“ทำลายมัน!”
“อ๊าก!”
ด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว ผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานในค่ายกลรองก็กระอักเลือด และเกือบจะสูญเสียการทรงตัว
ทำให้ต้องรีบกลืนยาเข้าไป พยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เพื่อรักษาค่ายกลไว้
แต่ทั้งจ้าวฉี่และโจวเฮ่าเทียนใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของค่ายกลนี้โจมตีอย่างต่อเนื่อง
เมื่อค่ายกลกำลังตกอยู่ในอันตราย อสนีบาตอีกสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่จ้าวฉี่
ใบหน้าของจ้าวฉี่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ในขณะที่ต่อต้านการโจมตี ยันต์บนร่างกายของเขาก็บินออกมาราวกับไม่มีค่า
ตู้ม!
บัดนี้อสนีบาตฟาดใส่โจวเฮ่าเทียน
“อั้ก!!”
โจวเฮ่าเทียนกระอักเลือด ดวงตามืดมนนั้นเย็นชา “สวีซื่อ…”
“โจวเฮ่าเทียน เจ้าบังอาจมากถึงกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวีของข้า เมื่อเจ้าตายแล้ว ตระกูลโจวจะตกต่ำ เป็นเพียงกองกำลังระดับสามเท่านั้น!”
“อ๊าก!”
ผมของโจวเฮ่าเทียนกระเซิง ศัสตราศักดิ์สิทธิ์ของเขาพุ่งไปทำลายด้านล่างสุดของค่ายกล
แต่ศัสตราศักดิ์สิทธิ์ระดับสองสูญเสียความสว่างไปทันที เพราะถูกค่ายกลระงับพลัง
“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่คือพลังของค่ายกลระดับสี่ หากข้าเผชิญหน้า ข้าคงไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้แม้เพียงครั้งเดียว เกรงว่าข้าจะมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน”
ในเวลานี้สวี่หยางมีสีหน้าตกใจ ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างได้ และมองไปทางเมือง
เขารู้ว่าโจวอิงก็อยู่ในเมืองเช่นกัน ตอนนี้โจวเฮ่าเทียนกำลังตกเป็นเป้าหมาย โจวอิงและคนของเขาก็คงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่ต่างกัน
เขาสงสัยว่าเขาควรใช้โอกาสนี้จัดการกับโจวอิง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตหรือไม่
ในไม่ช้า ด้วยการรับรู้กลิ่นอายอันทรงพลัง สวี่หยางสังเกตเห็นที่อยู่ของโจวอิงและคนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เขาและโจวเป่าซานที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอยู่ที่ฐานของค่ายกล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของโจวเฮ่าเทียน เมื่อโจวเฮ่าเทียนเปิดทางได้จริง คนเหล่านี้จะรอโอกาสหลบหนี
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว สวี่หยางก็ตัดสินใจยืนนิ่ง
เพราะสถานการณ์ข้างนอกนั้นอันตรายเกินไป และโจวเป่าซานและโจวอิงก็อยู่ขอบเขตสร้างรากฐาน เขามีเพียงยันต์แสงทอง จึงยากที่จะต้านทาน
ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าผู้อาวุโสสวีซื่อจะสามารถฆ่าคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูสู่เมืองชั้นในของตระกูลสวีก็เปิดออก แล้วผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานหลายคนก็รีบวิ่งกรูกันออกมา
เป้าหมายของพวกเขาคือ การสังหารพวกตระกูลโจวที่ยังเหลืออยู่


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน