บทที่ 71 ถึงเวลาต้องออกมาแล้วหรือยัง?
“ข้ามียารวมปราณ อยากแลกเปลี่ยนกับสมุนไพรวิญญาณบางอย่าง พันธุ์เฉพาะคือ…”
“ข้ามี…”
สวี่หยางให้ความสนใจสักพัก แน่นอนว่ามันคืองานออกร้านผู้บำเพ็ญธรรมดา ของที่นำมาแลกเปลี่ยนก็ไม่สูงนัก ด้วยมุมมองของเขาตอนนี้ยากที่จะพบเจอสิ่งที่น่าสนใจได้
ครั้งนี้เขามาเพื่อซื้อเคล็ดวิชาฝึกลมปราณระดับสูงเป็นหลัก ดังนั้นตนเองจึงนำโอสถวิญญาณคุณภาพต่ำมาแลกเปลี่ยน
เมื่อคนรอบข้างเห็นเช่นนั้น พวกเขาต่างพากันยิ้มหยันก่อนจะไม่มีใครให้ความสนใจ
ตอนนี้เองที่ผู้บำเพ็ญมนุษย์คนหนึ่งส่งของบางอย่างให้กับสหายเต๋าอี้ฝู
“สหายเต๋า ข้าอยากขายยันต์ลูกไฟขั้นต่ำระดับสอง ยันต์พวกนี้สามารถสังหารผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นปลายได้อย่างง่ายดาย…”
“ขั้นต่ำระดับสอง…”
บางคนเริ่มมีท่าทีสนใจ
ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถหาซื้อยันต์ระดับสองในตลาดได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วจำเป็นต้องสั่งล่วงหน้า ทำให้เป็นการยากที่ผู้บำเพ็ญธรรมดาจะหาซื้อได้
หัวใจของสวี่หยางสั่นไหว แม้เขาอยากร่วมประมูลด้วย แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน นี่เป็นเพียงของประมูลชิ้นแรก ดังนั้นเขายังไม่อยากทำตัวเด่นนัก
ในที่สุด ยันต์ทั้งห้าก็ถูกซื้อโดยผู้บำเพ็ญหญิงคนหนึ่ง
ผู้บำเพ็ญหญิงรับยันต์ก่อนจะนำของที่ต้องการประมูลออกมา
เสื้อคลุมขั้นสูงระดับสอง!
ดูจากรูปทรงน่าจะเป็นของผู้ชาย มีความละเอียดประณีต ราคาค่อนข้างแพง
แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของมือสอง สวี่หยางสังเกตเห็นร่องรอยของโลหิตสีแดงเข้มบนปกเสื้อคลุม
เกรงว่าเจ้าของเสื้อคลุมเดิมจะถูกเชือดคอจนเสียชีวิต
“นี่คือเสื้อคลุมที่สามีข้าสวมตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาถูกลอบสังหารจนตายอย่างน่าเวทนา เพราะข้าขาดหินวิญญาณก็เลยต้องเอามาประมูล” ผู้บำเพ็ญหญิงทำตัวน่าสงสารขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
สหายเต๋าอี้ฝูเอ่ยคำ “หลังจากข้ากับสหายเต๋าอีกหลายท่านทำการตรวจสอบแล้ว แม้เสื้อคลุมนี้จะอยู่ขั้นสูงระดับสอง แต่ก็อยู่ในสภาพที่ได้รับความเสียหาย ทำให้การป้องกันอยู่เพียงขั้นต่ำระดับสองเท่านั้น”
สิ้นคำเขาก็ไม่เอ่ยคำอะไรอีก ก่อนจะปล่อยให้ผู้บำเพ็ญที่อยู่ด้านล่างใคร่ครวญด้วยตนเอง
แม้จะเป็นเพียงของขั้นต่ำระดับสอง แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจผู้คนทั้งหลายให้แก่งแย่งกัน แม้กระทั่งสวี่หยางก็เสนอราคาไปสองครั้ง แต่สุดท้ายก็เผยสีหน้าเจ็บปวดก่อนจะเลือกไม่สู้ต่อ
ต่อมา แต่ละคนก็นำสินค้าของตนมาประมูล
สวี่หยางทำการเสนอราคาหนึ่งครั้งเพื่อประมูลยาบำรุงลมปราณสามขวดซึ่งไม่ทราบที่มา
หนึ่งขวดมีสิบเม็ด
ยาบำรุงลมปราณสามารถฟื้นฟูพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะที่จะใช้ในระหว่างการต่อสู้ ทำให้มันกลายเป็นยาสามัญนอกเหนือจากยารักษา
ส่วนดีที่สุดคือปราณวิญญาณกว่าครึ่งสามารถฟื้นคืนได้ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ มันจึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บำเพ็ญมนุษย์เป็นอย่างมาก
“สหายเต๋า รายการต่อไปเป็นของมีค่ายิ่ง มันคือเคล็ดวิชาฝึกลมปราณระดับสูงที่สามารถสนับสนุนการบำเพ็ญของขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลายได้”
ในที่สุด สหายเต๋าอี้ฝูก็นำของมีค่ามากที่สุดของงานออกร้านมาแสดง
เกิดความโกลาหลในห้องโถง ผู้คนจำนวนมากจ้องมองวัตถุที่อยู่ในมือของสหายเต๋าอี้ฝู มันคือแผ่นหยก
“แผ่นหยกนี้เต็มไปด้วยเคล็ดวิชาที่ทำให้ผู้คนฝึกลมปราณจนถึงขอบเขตสร้างรากฐานได้ มันมาจากตระกูลต้าอวี่แห่งผู้บำเพ็ญเซียน เท่าที่พวกข้าทราบ ตระกูลต้าอวี่คือตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนขอบเขตสร้างรากฐานในแคว้นตะวันออก เมื่อสองปีก่อน พวกเขาเผชิญกับผู้บำเพ็ญมารก่อนจะถูกกำจัดอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้น สมาชิกตระกูลบางส่วนหลบหนีมาได้ เนื่องจากพวกเขาต้องการทรัพยากรในการบำเพ็ญจึงจำต้องขายเคล็ดวิชานี้ ราคาเริ่มต้นที่สามพันหินวิญญาณก้อน”
ราคานี้ทำเอาหลายคนสะเทือนใจ
แพงเกินไปแล้ว!
“พวกเราสามารถนำของมาแลกได้หรือไม่?” ใครบางคนตะโกน
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้อกำหนดเบื้องต้นคือราคาของสินค้าจะต้องถูกกำหนดโดยพวกข้า” สหายเต๋าอี้ฝูเอ่ยคำ
“สามพันหนึ่งร้อยหินวิญญาณ” ชายสูงอายุพยักหน้าพลางตะโกน
ข้างกันคือผู้บำเพ็ญมนุษย์หนุ่มที่มีสีหน้าตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเคล็ดวิชานี้ในการสร้างรากฐาน
“สามพันสองร้อย!”
“สามพันสองร้อยห้าสิบ”
“สามพันสามร้อย…”
เมื่อราคาเพิ่มขึ้นทีละขั้น เสียงตะโกนก็ค่อยลดลง
สวี่หยางส่งข้อความหาหวงเสี่ยวเหมยเพื่อแจ้งสถานการณ์ให้ทราบ
เขาบอกว่ากลัวจะตกอยู่ในอันตรายหากได้เคล็ดวิชานี้ไป
ขณะรออย่างใจจดใจจ่อ หวงเสี่ยวเหมยก็บอกว่านางกำลังเดินทางไปหา น่าจะถึงในไม่ช้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สวี่หยางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะตะโกนทันที “สามพันห้าร้อย”
หลายคนในโถงเหลือบมองสวี่หยางพลางขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครให้ความสนใจสวี่หยาง คิดว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ตอนนี้ดูท่าว่ากระเป๋าเงินของอีกฝ่ายจะหนักไม่น้อย
“สามพันหกร้อย!!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน