ตอนที่ 47 คนหนุ่มแข็งแรงในหมู่บ้านภูเขา
ข้อมูลที่นิทัศน์คิดจะมาสำรวจดูเหมือนว่าจะทำให้คนหมู่บ้านหวาหวารับรู้ไปแล้ว เพราะว่า หัวหน้าหมู่บ้านนิชได้พาคนของเขาสามสี่คน มายืนรออยู่หน้าประตูหมู่บ้าน
พอเห็นนิทัศน์ถูกบอดี้การ์ดแบกเข้ามา ก็รีบโค้งต้อนรับ ยกยิ้มเสียจนริ้วรอยบนใบหน้ากลายเป็นเหมือนลายดอกไม้ สำเนียงตอนพูดออกจะติดสำเนียงท้องถิ่น “อ้าว เถ้าแก่นิทัศน์ ในที่สุดก็มาแล้ว พวกเรารอคุณมาหลายวันเลย!”
นิทัศน์ขมวดคิ้ว ลูบจมูกของตน โบกมือไล่นิชอย่างรังเกียจ “ถอยไปห่างๆ ฉัน ทั้งตัวมีแต่กลิ่นโคลน”
ถึงวันนี้นิชจะตั้งใจสวมชุดคลุมยาวสีเทาตัวใหม่ แต่ก็เป็นชาวบ้านที่วันๆ ขลุกอยู่ในทุ่งนากลางป่าเขา ชุดที่สวมใส่ทั้งซักมาอย่างดีทั้งสะอาดสะอ้าน ก็ยังยากที่จะปิดบังกลิ่นโคลนและกลิ่มเหม็นเหงื่อจากร่างกาย
แต่นิทัศน์พูดออกมาตรงๆ แบบนี้ ก็เหมือนไม่คิดจะไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ใครจะไปรู้ว่าพอนิชได้ฟัง ไม่ใช่แค่ไม่โกรธ แต่กลับรีบเชื่อฟังถอยออกไปสี่ก้าว หัวเราะพูดออกมาราวกับพวกลูกสมุนของตัวร้าย “ใช่ๆๆ อย่างผมต้องยืนห่างออกไปหน่อย เถ้าแก่นิทัศน์ ห้องพักพิเศษสำหรับคุณ เมื่อคืนผมให้คนจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ”
“อือ นำทางไป”
นิทัศน์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ นั่งรถมาห้าชั่วโมง แล้วบนรถก็ทำอะไรต่อมิอะไรบ้าคลั่งมาหนหนึ่ง สุดท้ายยังมาติดบนทางภูเขามาชั่วโมงกว่า เขาเองก็เหนื่อยบ้างเหมือนกัน
“อ้า เชิญเถ้าแก่นิทัศน์ก่อนเลย”
นิชรีบหลีกทางให้ จากนั้นก็นำทางอยู่ข้างๆ
หมู่บ้านซาลา เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เหมือนกับตัดขาดจากโลกภายนอก มีพื้นที่ประมาณร้อยลี้ ไม่มีหมู่บ้านอื่นใกล้ๆ ในหมู่บ้านมีสิบสองครัวเรือน ทุกคนในหมู่บ้านรวมกันน่าจะไม่เกินสี่สิบห้าสิบคน
เครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดล้วนเป็นของโบราณ ไม่มีแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าขั้นพื้นฐาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ของทันสมัยพวกนั้นเลย
นิทัศน์ถูกพามายังกระท่อมที่นิชได้ให้สร้างขึ้นมาใหม่ บอดี้การ์ดทั้งสี่ก็เหมือนเทพคุ้มประตู ยืนอยู่ข้างนอกคอยเฝ้าไว้
ปาลีกับปิยะถูกพามาที่กระท่อมของชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ
ปิยะยิ่งมองยิ่งคิดว่าเด็กหนุ่มน่าสนใจ โดยเฉพาะตอนที่เขาเขินอายขึ้นมา เขาจะเม้มปากแน่น ตอนนั้นบนใบหน้าก็พลันมีลักยิ้มขึ้นมา น่ารักสุดๆ แต่ยังไม่เสียความแมนแบบผู้ชาย
ภูผาเลื่อนสายตาขึ้นมองไปทางปิยะ เอ่ยด้วยใบหน้างุนงง “ชื่อคนยังต้องแบ่งเป็นชื่อจริงชื่อเล่นด้วยเหรอ ตามที่ผมเข้าใจมานะ แม่เรียกผมว่าภูผา พวกญาติๆ ก็เรียกผมว่าภูผา หลังจากนี้พวกคุณก็เรียกผมว่าภูผาแล้วกัน”
ปิยะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับท่าทางเล็กน้อยของเขา “ก็ได้ก็ได้ หลังจากนี้พวกเราเรียกเธอว่าภูผานะ”
ปาลีที่นั่งข้างๆ เห็นปิยะก็รู้แค่ว่าเธอตลกท่าทางใสซื่อของเด็กหนุ่มชาวเขา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ปิยะ เธอช่วยอย่าทำตัวเห็นผู้ชายแล้วลืมเพื่อนได้ไหมอ่ะ เท้าฉันชามากเลย ไม่รู้สึกอะไรแล้วเนี่ย”
พอได้ยิน ปิยะถึงนึกได้ว่าเท้าของปาลีมีแผล แต่คำพูดของปาลีที่ว่า “เห็นผู้ชายแล้วลืมเพื่อน” ก็ไม่ได้ทำให้เธอโกรธ เธอส่งสายตาดุใส่ แกล้งทำเป็นหงุดหงิดแล้วเอ่ย “เห็นผู้ชายแล้วลืมเพื่อนอะไรกันเล่า เธอนี่ใช้สำนวนเป็นรึเหล่าเนี่ย ใช้ไม่เป็นก็อย่ามาพูดมั่วๆ สิ สมแล้วที่เท้าเจ็บ เจ็บจนสมน้ำหน้า!”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ตัวก็มาคุกเข่าลงข้างเท้าของปาลี คิดจะช่วยถอดรองเท้าที่เปื้อนคราบเลือดของปาลีออก
ตอนนั้นภูผาที่ได้ฟังประโยค “เห็นผู้ชายแล้วลืมเพื่อน” ของปาลีก็อึ้งจนหน้าแดงไปหมด แล้วปิยะที่ดูสายตาเขินอายทำหน้าบึ้งเล่นๆ แบบนั้นก็ทำให้เขาสับสนไปหมด ในตอนนั้นหัวใจที่ใสซื่อไม่รู้ทันโลกของเขา ก็เหมือนกับกวางน้อย เต้นตึกตักขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักประธานเย็นชา(NC+)
จบแบบนี้หรอค่ะ มีต่อมั้ย...
ทีงี้จะกระโดดลงจากรถ ทำไมตอนอยู่ในครัวไม่เอามีดแทงไอ้รฐาไปล่ะ...
เหมือนปาลีอยากมีสามีสองคนเลย คือไม่ยอมบอกพ่อแม่ว่าคู่หมั้นกับน้องสาวเป็นชู้กัน แถมตัวเองนังให้ผู้ชายขู่เข็นได้ตลอดอีก ต่อไปถ้าคนอื่นรู้ว่าตัวเองมีดนุพล ปาลีก็จะกลายเป็นคนเลวในสายตาทุกคน...
ทำไมปาลีไม่ถอนหมั้นแล้วย้ายออก งง...