เธอมองเห็นสิ่งนี้แล้ว ภายใต้ความโกรธ เมื่อเปิดปากออกมาก็มีแต่สิ่งเหล่านี้
ปรากฏว่า คำพูดนี้พูดออกมา ชายหนุ่มที่กำลังรื้อค้นขยะใต้เตียงอยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมาในทันใด สายตาอันนั้น น่าตกใจอย่างมากเหมือนดั่งภูตผีปีศาจที่ออกมาจากขุมนรกยังไงอย่างงั้น
“เดิมทีคุณไม่ได้ตามหาพิมแสงใช่ไหม?”
“อะ......อะไรนะ?”
“ผมจะบอกคุณนะ คุณรีบสวดภาวนาให้ผมหาเจอเธอและไม่เป็นอะไร ไม่งั้นละก็ ผมจะไม่มีทางปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน!”
เขาพูดออกมาทีละคำแต่ละคำลอดฟันออกมา
สายตาอันนั้น เหมือนกับว่าจะกลืนกินจิตวิญญาณของเธอยังไงอย่างงั้น
ในที่สุดใบหน้าของผู้จัดการก็ซีดขาวแล้ว เธอยืนอยู่ที่นั่นเย็นวาบไปทั่วร่าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในเวลานี้ โทรศัพท์ของคนคนนี้ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฮัลโหล?”
“สวัสดีค่ะ คุณมาร์ติน ตามข้อมูลที่คุณให้มา พวกเราได้ตรวจสอบดูแล้ว จริงๆแล้ว ห้าเดือนก่อนหน้านี้ มีหญิงตั้งครรภ์ที่เหมือนกับในรูปที่คุณให้มานั่งรถไฟขบวนฝูเฉิง เอ็กซ์เพรสออกจากเมืองAไปแล้ว แต่ว่า ต้องขอโทษด้วยคุณมาร์ติน ข้อมูลสุดท้ายที่พวกเราตรวจสอบเจอ เธอไปถึงเพียงแค่สถานีรถไฟของเมืองB หลังจากนั้นก็ไม่มีข้อมูลแล้ว”
น้ำเสียงที่มีมารยาทดังออกมาจากสายโทรศัพท์ ผู้จัดการที่ยืนอยู่ที่นั่นได้ฟังแล้ว ถึงกับสะบั้นขึ้นมากับที่
ฝูเฉิง เอ็กซ์เพรส ความจริงแล้วเป็นขบวนรถไฟที่คนในวงการบันเทิงอย่างพวกเขาถึงจะนั่ง
มันขึ้นชื่อเรื่องสลัดปาปารัสซี่ทิ้ง
ทว่าตอนนั้น เธอก็ใช้วิธีนี้ ตามหาร่องรอยของผู้หญิงคนนี้ แต่ว่า เธอไม่ได้พูดออกมาจริงๆ
สืบมาถึงตรงนี้แล้ว นั้นต่อไป งั้นที่มาที่ไปของผู้หญิงคนนั้น ยังจะยากอะไรล่ะ? ก็แค่ไปตรวจสอบตามสายของสถานีต่อ ก็กระจ่างแจ้งแล้ว
ผู้จัดการเหงื่อเม็ดใหญ่ซึมลงมา ในที่สุด เธอยืนอยู่ที่นั่นพูดออกมาอย่างติดขัด:“มา......มาร์ติน ต้องขอโทษด้วย ตอนนั้น ฉันไม่ได้บอกคุณ ก็เพราะว่า......เพราะว่าฉันเกรงว่าจะกระทบกับคุณ”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
วางสายจากคนที่อยู่ในสาย แววตาเงยขึ้นมามอง จ้องมองเธออย่างกับภูตผีปีศาจ
ผู้จัดการ:“……”
เมื่อผ่านไปสักพัก ผู้หญิงคนนี้จึงหน้าซีดหน้าหม่นยืนอยู่ที่หน้าประตู พูดว่า:“ฉัน......ตอนนั้นฉันก็เพื่อพวกคุณ ดังนั้น หลังจากเธอไปถึงนอร์ธเวซแล้ว ฉัน......ฉันก็จัดการให้เธอไปพักอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง”
“โรงพยาบาล?”
“……ใช่ เพราะว่าเธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว ฉันคิดว่า ก็ให้เธอรอคลอดเลย หลังจากนั้นรอให้คุณถ่ายละครเสร็จ ค่อยบอกคุณ แต่......ต่อมา ในตอนที่ฉันกลับไปหาเธออีกครั้ง พบว่าเธอไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ฉัน......ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหนแล้ว”
ในที่สุดผู้จัดการก็นำเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดพูดออกมาแล้ว
ในตอนที่พูดถึงคำสุดท้าย ทั้งร่างของเธอสั่นเทายืนแทบไม่ไหวแล้ว
มาร์ตินยืนขึ้นมาแล้ว
ในมือเขากำสมุดเล่มหนึ่งเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่เขาหามาทั้งวัน ถึงได้หาเจอแล้ว แต่ทว่าสิ่งนี้ เป็นสมุดบันทึกประจำวันที่พิมแสงเหลือเอาไว้ในตอนสุดท้าย
เธอพูดว่า เธอป่วยแล้ว
คืออาการป่วยทำให้เกิดภาพหลอนบ่อยๆ
มาร์ตินฟาดลงบนใบหน้าของผู้จัดการอย่างแรง
“คุณรอดูได้เลย คุณจะต้องจ่ายค่าราคากับสิ่งที่คุณทำลงไปทั้งหมด!”
เขาผอมลงอย่างมาก
สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาชุดหนึ่ง ผมสีบอร์นที่โดดเด่น ก็ย้อมกลับมาแล้ว ยืนอยู่ที่หน้าประตู เหมือนกับคนที่เป็นโรคร้ายระยะเริ่มแรก สายตามองเข้าไปด้านในอย่างห่วงหา
คณาธิปเม้มริมฝีปาก
สุดท้าย ก็เปิดประตูให้เขา ให้เขาเข้ามาแล้ว
เชียนหยวนล๋ายเย่ยืนอยู่ในห้องรับแขกมองดูอย่างตื่นเต้น แต่ว่า มองเห็นสามีปล่อยให้เขาเข้ามาแล้ว เธอที่อยู่ในห้องรับแขก ในขณะที่คนคนนี้เดินตรงเข้ามา ก็นำเอาเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดค่อยๆยื่นออกไป
“คุณ……ระวังสักหน่อย เธอพึ่งจะนอนหลับ”
เธอยังคงบอกกล่าวอย่างใส่ใจหนึ่งประโยค
มาร์ตินกอดเอาไว้อย่างสั่นเทาแล้ว
ตัวเล็กขนาดนี้ แฝงไปด้วยกลิ่นหอมของนม หลังจากวางไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาต่างรู้สึกว่าตัวเองออกแรงนิดหน่อย ถ้าไม่ระวังเธอก็จะถูกเขาทำให้แตกหักเอาได้
เขายิ่งสั่นเทามากกว่าเดิมแล้ว
เพราะว่าหลังจากที่เขาอุ้มเอาไว้แล้ว ถึงได้พบว่า ความจริงแล้ว ตาสองชั้นของเด็กน้อยคนนี้เหมือนเขาอย่างมาก
เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสงบ ก็ไม่รู้ว่ากำลังหลับฝันถึงอะไรอยู่ ทันใดนั้น เธอก็ยิ้มออกมาแล้ว
เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นอย่างมาก!
มาร์ตินร้องไห้ออกมาแล้ว……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก