เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 100

เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกพิษแดนฝัน ระหว่างที่รอข่าวคราวจากอู๋ไป๋ที่อยู่นอกวัง นางก็ลองขับพิษออกด้วยตัวเองไปด้วย

ทว่าไม่ทันระวังจึงหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว

จากนั้น นางเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต ขณะเดียวกันก็เหมือนอยู่ในฝันร้าย

ได้ ‘พบ’ กับคนผู้นั้นที่ไม่ปรากฏตัวในความฝันของนางมานานมากแล้ว

นางได้คุยอะไรกับเขาเยอะมากมาย…

ครั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนฟื้นคืนสติ นางไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานเท่าไร

นางรู้สึกเพียงว่าภายในตำหนักเงียบสงัด แม้แต่การหายใจก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก

เหลียนซวงปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ ส่วนมือก็สั่นเทา

“พระนาง…ท่าน ท่านฟื้นแล้ว…”

เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เมื่อลุกขึ้นมองก็พบว่าเซียวอวี้อยู่ที่นี่ด้วย

เขานั่งอยู่บนตั่งที่ไม่ไกลออกไป สีหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็งหมื่นปีที่ไม่ละลาย เวลานี้ เขากำลังจ้องนางเงียบ ๆ

เฟิ่งจิ่วเหยียนใจไม่ดีเล็กน้อย

หรือเขาจะรู้แล้วว่านางถูกพิษแดนฝัน?

พรึ่บ—

บุรุษลุกพรวดขึ้น ผ้าคลุมตัวยาวแกว่งไปมาราวกับคลื่นทะเล

“ฮองเฮา เจ้าดีมาก”

เขาทิ้งถ้อยคำที่มีความหมายไม่ชัดเจนไว้แล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น นางถามเหลียนซวงทันที

“เกิดอะไรขึ้น”

เหลียนซวงกัดริมฝีปาก

“พระนาง หลังจากที่ท่านหมดสติ บ่าวก็ไปตามหมอหลวง

“แต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทมาได้อย่างไร

“จากนั้น…จากนั้นฝ่าบาทเพิ่งจะเข้าใกล้แท่นบรรทม ท่านก็คว้ามือเขาไปจับและพูด…ถ้อยคำประหลาดเยอะมาก”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีเรื่องที่ตัวเองต้องให้ความสำคัญ

นางถามอย่างมีจุดมุ่งหมาย

“หมอหลวงตรวจพบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงหมดสติ?”

เหลียนซวงส่ายหน้า

“ไม่เพคะ หมอหลวงบอกว่าเลือดลมท่านไม่สมบูรณ์ อีกทั้งหลายวันมานี้ก็นอนหลับไม่สนิท เป็นผลให้อ่อนเพลีย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจโล่งอก

“เช่นนั้นก็ถือว่าไม่เป็นไร”

ตราบใดที่ไม่ถูกเปิดโปงตัวตนก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่

กระนั้นเหลียนซวงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

นางถามเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับ “พระนาง ท่านไม่อยากรู้หรือเพคะว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงพิโรธ?”

ปฏิกิริยาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเรียบเฉย

“เขาเริ่มโมโหตั้งแต่เมื่อไร”

“ตั้งแต่ ตั้งแต่ที่ท่านจับมือเขาพูดถ้อยคำพวกนั้นเพคะ”

เหลียนซวงทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด แต่สุดท้ายก็พูดอยู่ดีว่า “ท่านเรียกเขาว่าท่านพี่ บอกให้เขาอยู่ต่อเพื่อ…เพื่ออุ่นแท่นบรรทมให้ท่าน…”

ยังมีถ้อยคำอีกหลายอย่างที่เหลียนซวงไม่กล้าพูดออกมา ใบหน้าของนางทั้งแดงทั้งซีดสลับกันไปมา

เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกแปลกใจ

วันรุ่งขึ้น

รุ่ยอ๋องตั้งใจจะไปเลือกม้า

แต่เวลานี้ไทฮองไทเฮากลับมาประทับที่วัง เขาสมควรต้องไปถวายบังคม

บังเอิญว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะไปถวายบังคมรอบเช้าเช่นกัน ทั้งสองคนจึงได้พบกัน

สายตาของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนิ่งเรียบ มองแล้วให้ความรู้สึกจริงใจเป็นพิเศษ

“ขอแสดงความยินดีกับพี่สะใภ้ เมื่อวานนี้ได้สมปรารถนาแล้ว”

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

รุ่ยอ๋องทำความเคารพเสร็จแล้วพูดต่อ

“หลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดสงสัยในความบริสุทธิ์ของท่านอีก นี่เองก็คงเป็นสิ่งที่เสด็จพี่ต้องการเช่นกัน เขาเป็นคนเย็นชาแค่ภายนอก แต่ภายในอบอุ่นมาโดยตลอด”

เหลียนซวงยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าเหลวไหล

ฮ่องเต้ทรราชน่ะหรืออบอุ่น?

แค่เขาไม่ทรมานเพราะพระนางก็ถือว่าดีมากแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อยากสนใจ ทว่ารุ่ยอ๋องกลับมีเรื่องคุยเยอะมาก

“หากเสด็จพี่ไม่ยอม ต่อให้เป็นไทฮองไทเฮาก็บังคับเขาไม่ได้

“คิดว่าภายในใจเสด็จพี่คงจะยอมรับในตัวท่านที่เป็นฮองเฮา”

เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังแล้วขมวดคิ้วหนัก

นางไม่ต้องการการยอมรับจากผู้ใดทั้งนั้น

โดยเฉพาะทรราชที่หลงในตัณหาจนเลอะเลือน!

“ยอมรับอะไรหรือ” เสียงของเซียวอวี้ดังมาจากมุมทางเดินด้านหลังทั้งคู่โดยไม่ทันตั้งตัว

เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองก็สบตาเข้ากับดวงตาแหลมปลาบดุจเหยี่ยวของบุรุษผู้นั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย