เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 106

ครั้งแรกของทุกสิบวันที่พิษกำเริบก็มาเยือนเช่นนี้

ทว่าฝั่งซ่งหลี่นั้นยังไม่มีข่าวคราวเลย

เฟิ่งจิ่วเหยียนรวบรวมพลังภายในเพื่อระงับพิษกำเริบอย่างเงียบเชียบ ทว่านี้ทำได้เพียงทุเลาลงเท่านั้น ไม่สามารถระงับได้ทั้งหมด

ดูแล้ว นางจำเป็นต้องไปขอยาถอนพิษจากเซียวอวี้

ย่างเข้ายามค่ำคืน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนโฉมหน้า รุดหน้าไปที่ตำหนักฉางซิ่นเพื่อขอยา

ครั้งนี้ นางระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม

ในตำหนักฉางซิ่นไร้ผู้คนซุ่มโจมตี

ในตำหนักมีเพียงองครักษ์เฉินจี๋ผู้เดียว

“ฮ่องเต้รับสั่ง ใช้พิษนี้ก็สามารถควบคุมเจ้าได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องจับกุมเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องระแวดระวังตัวเช่นนี้”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ปักใจเชื่อ

ฮ่องเต้ทรราชย์นั้นพูดจากลับกลอกหลายคราแล้ว

นางได้ยาแล้ว รุดหน้าหลบหนีไปก่อน

เฉินจี๋ไม่ได้ไล่ตามนางไป มุ่งหน้ากลับตำหนักจื้อเฉินเพื่อไปรายงาน

เซียวอวี้นั่งอยู่ริมโต๊ะยาว ข้าง ๆ มือได้วางแส้เก้าท่อนของนักฆ่าผู้นั้นไว้

เฉินจี๋ฉงนอยู่ในใจ ผ่านไปนมนานแล้ว เหตุใดฮ่องเต้ยังเก็บไว้อีก?

“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องจับกุมนักฆ่าผู้นั้นจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เซียวอวี้สีหน้าเย็นยะเยือก

“จับไว้ได้งั้นรึ”

หลายครั้งหลายครา ล้วนจับนางไว้ไม่ได้

หากไม่มีแผนการที่ละเอียดรอบคอบ ลงมือจับตามอำเภอใจ เกรงว่าทำให้คนแค้นเคืองขึ้นมาจริง ๆ จะวุ่นวายจนฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง

ตอนนี้ ก็ใช้ยาแดนฝันเพื่อควบคุมนางไว้ชั่วคราวไปก่อน

เพียงไม่รู้ว่า นางแฝงตัวเข้ามาในวัง มีจุดประสงค์อันใดกันแน่

กลางดึก

ณ ตำหนักหย่งเหอ

เฟิ่งจิ่วเหยียนนำยาถอนพิษมาบดละเอียดให้เป็นผง แบ่งส่วนออกมาเล็กน้อย นำใส่หีบห่อให้นกส่งสาสน์ส่งออกไป

ยาที่เหลืออยู่ นางกินลงไปทันที

ตนเองพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว เชื่อว่าหากมีผงยาถอนพิษนั้น ความคืบหน้าฝั่งซ่งหลี่คงราบรื่นขึ้นเป็นอย่างมาก

......

ตระกูลเฟิ่ง

เฟิ่งเหยียนเฉินถูกปลดตำแหน่ง น้องชายเฟิ่งหมิงเซวียนกลับได้เป็นทูตส่งสาสน์

เมื่อมีการเปรียบเทียบเช่นนี้ นายท่านเฟิ่งยากที่จะหักห้ามใจมิให้ลำเอียง

เขาไม่คาดหวังอันใดจากลูกชายคนโตแล้ว สองสามวันมานี้ล้วนไปพักที่อุทยานอี๋ชิงของอี๋เหนียงหลิน

แม่ลูกอี๋เหนียงหลินลำพองใจมากยิ่งขึ้น

ส่วนฝั่งเรือนฮูหยินเฟิ่งกลับเงียบเหงาอย่างมาก

ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

ครั้นเฟิ่งเหยียนเฉินไปเอาสิ่งของตนเองที่กรมองครักษ์วังหลวง ก็ถูกคนรู้จักจำได้

“พี่เหยียนเฉิน? เป็นท่านจริงด้วย!”

เฟิ่งเหยียนเฉินเงยศีรษะขึ้นมอง

บุรุษด้านหน้านี้สวมอาภรณ์สีคราม และเคยเป็นลูกน้องของเขา แต่เป็นพลทหารในตอนนี้——เซวียฉือ

เซวียฉือทำท่าทีสนิทสนมโอบไหล่เขาเอาไว้

“พี่เหยียนเฉิน ข้าเพิ่งจะไปส่งเสบียงกองทัพเสร็จกลับมารายงาน ถือโอกาสมาแวะหาเจ้า กลับได้ยินมาว่าเจ้า...”

เซวียฉือกวาดสายตามองเขา ถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว “เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เจ้าเองก็ไม่ใช่คนไร้สมองเช่นนั้นนะ จะไปทำให้อัครเสนาบดีไม่พอใจได้อย่างไรกัน ? หรือจะให้ข้าไปขอร้องกับองครักษ์หลวงให้เขาคืนตำแหน่งเดิมให้เจ้าดีหรือไม่?”

“ไม่จำเป็น” เฟิ่งเหยียนเฉินเอามือของเขาออก น้ำเสียงเย็นชา

เซวียฉือเดิมเป็นลูกน้องของเขา เป็นคนมักจะเกียจคร้านในหน้าที่เสมอ

เขาไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนเช่นนี้

เซวียฉือสะบัดคนออก เดินอย่างโอ้อวดเข้าไปที่กรมองครักษ์วังหลวง

ลูกน้องด้านหลังถามอย่างกังวลใจ

“ใต้เท้า อย่างไรเฟิ่งหมิงเซวียนก็เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิ่ง เป็นพี่คนโตของฮองเฮา เขาคงจะไม่ไปร้องเรียนใช่หรือไม่?”

“กลัวอันใด! พวกเราจัดการตามกฎ ต่อให้เรื่องไปถึงฮ่องเต้ เขาก็ไม่มีเหตุผลพอ!” เซวียฉือมีความมั่นใจอย่างมาก

อีกอย่าง พวกเขายังมีกุ้ยเฟยคอยหนุนหลังอยู่

เฟิ่งเหยียนเฉินลุกขึ้นยืน มองเซวียฉืออย่างเยือกเย็น

เวยเฉียงอยู่ในวังก็ถูกรังแกเช่นนี้หรือ...

ยามค่ำคืน

เฟิ่งเหยียนเฉินเป็นฝ่ายไปหามารดาก่อน

“ท่านแม่ โอกาสที่ฮองเฮากล่าวคืออันใด?”

ฮูหยินเฟิ่งเห็นว่าเขาคิดได้แล้ว ใบหน้าพลันปรากฏความปลื้มปิติ

“เหยียนเฉิน เจ้า เจ้ายอมรับแล้ว?!”

......

หลังจากนั้นสามวัน

ราชทูตรัฐเหลียงก็มาถึงวังหลวง

ในวังจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เหล่าขุนนางมาเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

เหล่านางสนมวังหลังก็เข้าร่วมขบวนด้วย

กุ้ยเฟยฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์พิธีการสีชาด ใบหน้าประทินโฉมปกปิดบาดแผลอย่างหนาทึบ เปล่งประกายเหลือคณา

เมื่อนางปรากฏกาย ราชทูตต่างเข้าใจผิดว่านางคือฮองเฮา

“ฮองเฮาของรัฐท่านช่างงดงามไม่เป็นสองรองใครเสียจริง!”

กุ้ยเฟยยังคงยิ้มแย้ม

ทว่าไม่นานนัก นางก็ยิ้มไม่ออก

ราชทูตที่จ้องมองมายังนางเมื่อครู่นั้น หันไปมองทิศทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงทันที แววตาเปี่ยมไปด้วยความตะลึงงันในความงาม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย