เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 108

“ฮองเฮา!” ราชทูตรัฐเหลียงทุกคนกล่าวพร้อมกัน

เฟิ่งจิ่วเหยียนสุขุมอย่างมาก เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ข่าวลือเหล่านี้ ข้ามิเคยหลงเชื่อ”

เหล่าราชทูตมองหน้ากันไปมา รู้สึกอึดอัดใจทันที

นางพูดสุภาพเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถชักสีหน้าได้!

เกรงว่าฮองเฮาแคว้นหนานฉีผู้นี้จะพูด “ข่าวลือ” ไปมากกว่านี้

หูเอ่อร์ต๋ากัดฟันกรอด

“ถูกต้องแล้ว ล้วนเป็นข่าวลือ!

“ข้าไม่มีกลิ่นกายแม้แต่น้อย!”

ส่วนพวกอัครเสนาบดีจะเป็นเยี่ยงไรนั้น เขาขอไม่แสดงความคิดเห็น

ผ่านการตื่นตระหนกครั้งนี้ เหล่าราชทูตไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวถึงเรื่องที่ฮองเฮาถูกโจรภูเขาลักพาตัวไปอีก

เหล่าเสนาบดีแคว้นหนานฉีกลับต่างออกไป

พวกเขาอยากได้ยินสิ่งที่ฮองเฮาพูดต่อไป

ที่พูดไปเมื่อครู่ยังไม่สาแก่ใจ!

กุ้ยเฟยยังคงกัดฟันกรอด

หูเอ่อร์ต๋ามิพูดอันใดแล้วงั้นรึ?

เพียงข่าวลือไม่กี่เรื่อง ก็ทำให้พวกเขาสะอึกจนพูดไม่ออกแล้วหรือ?

ความจริงแล้ว สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งหมด

เป็นเพียง“ข่าวลือ”เท่านั้น สิ่งที่นางทราบยังมีอีกมากมาย เกรงว่านางกล้าพูด พวกเขาก็ไม่กล้าฟัง!

เซียวอวี้สายตาเรียบนิ่งมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนโดยไม่ตั้งใจ

สิ่งที่ฮองเฮาทราบ มากกว่าที่เขาทราบเสียอีก

ที่จริงแล้วนางยังทราบเรื่องใดอีก อย่างเช่น ความลับของฮ่องเต้รัฐเหลียงนั้น...

เฟิ่งหมิงเซวียนที่อยู่ด้านข้างหูเอ่อร์ต๋าตกตะลึงเล็กน้อย

เป็นเพราะเขาไม่ได้พบเฟิ่งเวยเฉียงนานเกินไปหรือกระไร?

เวลานี้การพูดจาของนางไยกลายเป็นทิ่มแทงเช่นนี้?

ก่อนนั้นนางไม่ได้ปาก “ร้าย” เช่นนี้

พ่อลูกตระกูลเฟิ่งสามคน มีเพียงนายท่านเฟิ่งที่ทราบว่า คนที่อยู่ตอนนี้มิใช่เฟิ่งเวยเฉียง แต่เป็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่มีนิสัยต่อต้านโดยกำเนิด

เขาแอบเช็ดเหงื่อเย็นตรงหน้าผาก รู้สึกกังวลและเดือดดาลใจ

เด็กคนนี้ช่างเหลวไหวเสียจริง

นางจำเป็นต้องไปล่วงเกินราชทูตรัฐเหลียงหรือกระไร?

เรื่องเช่นนี้ควรจะให้บุรุษออกหน้าแก้ไข นางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งพูดจามากความเช่นนี้ ช่างสะดุดตาเกินไป

บุรุษไม่ชอบสตรีที่แข็งแกร่งและวาทศิลป์ดี

ไม่แปลกที่ฮ่องเต้ต้องใช้เวลานานเช่นนั้นจึงจะร่วมเรือหอได้

ครั้งหน้าจะต้องให้ฮูหยินพูดกับนางดี ๆ

นางถูกสามีภรรยาตระกูลเมิ่งชุบเลี้ยงมา ไม่มีท่าทางอ่อนโยนดั่งสตรีแม้แต่น้อย

ร่ำสุราไปครูหนึ่ง หูเอ่อร์ต๋าเสนอความเห็น

“ดูแต่สาวงามเหล่านี้ร่ายรำ มันงดงามก็จริง ทว่าขาดความสนุกไปสักหน่อย

“ฮ่องเต้ฉี ทราบข่าวมาว่าแค้วนของท่านมีผู้ที่ฝีมือเก่งกาจมากมาย ไม่ทราบว่าจะสามารถประลองกับผู้กล้าของพวกเราได้หรือไม่?”

เมื่อคำพูดนี้ออกไป เหล่าขุนนางแคว้นหนานฉีรับรู้ถึงความอันตราย

เกรงว่าจะไม่ใช่การประลองที่เรียบง่ายหรอกกระมัง?

ราชทูตรัฐเหลียงผู้นี้ไม่ประสงค์ดี!

เซียวอวี้วางจอกสุราในมือลง ผินสายตาขึ้น

ราชทูตเสนอการประลอง หากแคว้นหนานฉีปฏิเสธ เรื่องแพร่กระจายออกไป เกรงว่าจะถูกคนคิดว่าไม่มีความกล้าหาญ

ทว่าถ้ายอมรับการประลอง ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน พวกเขาจะชนะเกินเลยก็ไม่ดี และจะแพ้ก็ต้องไม่น่าเกลียดเกินไป

จะส่งผู้ใดไปประลองต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ

กุ้ยเฟยมองไปที่เฟิ่งหมิงเซวียนที่นั่งอยู่ สายตาพลันปรากฏรังสีความมืดที่จะจ้องกินเลือดกินเนื้อ

ละครสนุกจวนจะเปิดฉากแล้ว

ตึก ๆ ๆ ๆ ——

เมื่อผู้กล้ารัฐเหลียงเข้าสู่สนาม ผืนพสุธาราวกับกำลังสั่นสะเทือน

หลังเห็นตัวจริง เหล่าเสนาดีแคว้นหนานฉีตกตะลึงตาค้าง

“สูงมาก!”

“เหตุ...เหตุใดจึงมีคนที่ร่างสูงใหญ่เช่นนี้! สูงกว่าพวกเราสองคนรวมกันเสียอีก!”

อะไรกัน?

ให้เขาไปประลอง?

ถึงแม้เขาจะเรียนศิลปะต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก และยังเคยเข้าร่วมการสอบศิลปะการต่อสู้ ทว่าเขา...คู่ต่อสู้ของเขาเป็นคนร่างใหญ่นั้น จะเอาชนะได้อย่างไร!

นายท่านเฟิ่งตกตะลึงเช่นกัน

มีเพียงกุ้ยเฟย อยู่ในความคาดการณ์ของนางอยู่

อย่างไรเสีย นางส่งคนไปเจรจากกับหูเอ่อร์ต๋าไว้ก่อนแล้ว

สนามการประลองวันนี้ จัดขึ้นเพื่อตระกูลเฟิ่งโดยเฉพาะ

หูเอ่อร์ต๋ากล่าวต่อ

“ท่านทูตส่งสาสน์เป็นพี่น้องของฮองเฮา เมื่อวานเราก็รู้จากการพูดคุยกัน ศิลปะการต่อสู้ของเขาสุดยอด เป็นผู้เปิดฉากเหมาะสมที่สุดแล้ว!”

เฟิ่งหมิงเซวียนอยากจะตบปากตัวเองเสียจริง

พูดอะไรไม่ได้ กลับพูดว่าตนศิลปะการต่อสู้ดี!

ตอนนี้ตกที่นั่งลำบากแล้ว!

รู้เช่นนี้เขาก็ไม่มาเป็นทูตส่งสาส์นบ้าบออะไรนี่แล้ว!

ได้ยินหูเอ่อร์ต๋ากล่าวต่อ

“สำหรับผู้เข้าร่วมประลองคนที่สอง ย่อมต้องเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิ่งอยู่แล้ว!

“อย่างไรเสีย ทุกท่านในที่นี่ มีเพียงคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิ่งที่เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ ผู้กล้าของพวกเราก็เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊เช่นกัน ลองมาประลองกันดูก็ไม่เสียหาย!”

เฟิ่งเหยียนเฉินนั่งนิ่งสุขุม ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์

ฝูงชนมองไปทางเขา

หากหูเอ่อร์ต๋าไม่พูดถึง พวกเขาคงลืมไปจริง ๆ ว่า ในเวลานั้นเฟิ่งเหยียนเฉินก็เป็นวีรบุรุษหนุ่ม มีความกล้าหาญชาญชัยเช่นกัน

สายตาของเซียวอวี้มองข้ามทุกสิ่ง ยกจอกสุราขึ้นจิบเล็กน้อย ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของราชทูต ทว่าสีหน้าหม่นหมองราวกับมีเมฆปกคลุม ทำให้คนไม่กล้าสบตาตรง

ทว่าในตอนนี้ สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนกระจ่างแจ้งราวกับน้ำค้างยามเช้า เผยให้เห็นความเข้าใจอย่างถ่องแท้

แม้กระทั่งรู้เรื่องที่เฟิ่งเหยียนเฉินเป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ ราชทูตรัฐเหลียงผู้นี้ไปทราบมาจากแห่งใด?

สายตาของนางหันไปมองกุ้ยเฟยอย่างเรียบนิ่ง

หลังจากนั้น นางก็มองไปทางเฟิ่งเหยียนเฉิน พยักหน้าให้กับเขา ให้เขายอมรับเข้าการประลองครั้งนี้

นางทราบจุดอ่อนของขวยโต่ว จะไม่ยอมให้เฟิ่งเหยียนเฉินพ่ายแพ้เด็ดขาด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย