“ฮองเฮา!” ราชทูตรัฐเหลียงทุกคนกล่าวพร้อมกัน
เฟิ่งจิ่วเหยียนสุขุมอย่างมาก เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ข่าวลือเหล่านี้ ข้ามิเคยหลงเชื่อ”
เหล่าราชทูตมองหน้ากันไปมา รู้สึกอึดอัดใจทันที
นางพูดสุภาพเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถชักสีหน้าได้!
เกรงว่าฮองเฮาแคว้นหนานฉีผู้นี้จะพูด “ข่าวลือ” ไปมากกว่านี้
หูเอ่อร์ต๋ากัดฟันกรอด
“ถูกต้องแล้ว ล้วนเป็นข่าวลือ!
“ข้าไม่มีกลิ่นกายแม้แต่น้อย!”
ส่วนพวกอัครเสนาบดีจะเป็นเยี่ยงไรนั้น เขาขอไม่แสดงความคิดเห็น
ผ่านการตื่นตระหนกครั้งนี้ เหล่าราชทูตไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวถึงเรื่องที่ฮองเฮาถูกโจรภูเขาลักพาตัวไปอีก
เหล่าเสนาบดีแคว้นหนานฉีกลับต่างออกไป
พวกเขาอยากได้ยินสิ่งที่ฮองเฮาพูดต่อไป
ที่พูดไปเมื่อครู่ยังไม่สาแก่ใจ!
กุ้ยเฟยยังคงกัดฟันกรอด
หูเอ่อร์ต๋ามิพูดอันใดแล้วงั้นรึ?
เพียงข่าวลือไม่กี่เรื่อง ก็ทำให้พวกเขาสะอึกจนพูดไม่ออกแล้วหรือ?
ความจริงแล้ว สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งหมด
เป็นเพียง“ข่าวลือ”เท่านั้น สิ่งที่นางทราบยังมีอีกมากมาย เกรงว่านางกล้าพูด พวกเขาก็ไม่กล้าฟัง!
เซียวอวี้สายตาเรียบนิ่งมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนโดยไม่ตั้งใจ
สิ่งที่ฮองเฮาทราบ มากกว่าที่เขาทราบเสียอีก
ที่จริงแล้วนางยังทราบเรื่องใดอีก อย่างเช่น ความลับของฮ่องเต้รัฐเหลียงนั้น...
เฟิ่งหมิงเซวียนที่อยู่ด้านข้างหูเอ่อร์ต๋าตกตะลึงเล็กน้อย
เป็นเพราะเขาไม่ได้พบเฟิ่งเวยเฉียงนานเกินไปหรือกระไร?
เวลานี้การพูดจาของนางไยกลายเป็นทิ่มแทงเช่นนี้?
ก่อนนั้นนางไม่ได้ปาก “ร้าย” เช่นนี้
พ่อลูกตระกูลเฟิ่งสามคน มีเพียงนายท่านเฟิ่งที่ทราบว่า คนที่อยู่ตอนนี้มิใช่เฟิ่งเวยเฉียง แต่เป็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่มีนิสัยต่อต้านโดยกำเนิด
เขาแอบเช็ดเหงื่อเย็นตรงหน้าผาก รู้สึกกังวลและเดือดดาลใจ
เด็กคนนี้ช่างเหลวไหวเสียจริง
นางจำเป็นต้องไปล่วงเกินราชทูตรัฐเหลียงหรือกระไร?
เรื่องเช่นนี้ควรจะให้บุรุษออกหน้าแก้ไข นางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งพูดจามากความเช่นนี้ ช่างสะดุดตาเกินไป
บุรุษไม่ชอบสตรีที่แข็งแกร่งและวาทศิลป์ดี
ไม่แปลกที่ฮ่องเต้ต้องใช้เวลานานเช่นนั้นจึงจะร่วมเรือหอได้
ครั้งหน้าจะต้องให้ฮูหยินพูดกับนางดี ๆ
นางถูกสามีภรรยาตระกูลเมิ่งชุบเลี้ยงมา ไม่มีท่าทางอ่อนโยนดั่งสตรีแม้แต่น้อย
ร่ำสุราไปครูหนึ่ง หูเอ่อร์ต๋าเสนอความเห็น
“ดูแต่สาวงามเหล่านี้ร่ายรำ มันงดงามก็จริง ทว่าขาดความสนุกไปสักหน่อย
“ฮ่องเต้ฉี ทราบข่าวมาว่าแค้วนของท่านมีผู้ที่ฝีมือเก่งกาจมากมาย ไม่ทราบว่าจะสามารถประลองกับผู้กล้าของพวกเราได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป เหล่าขุนนางแคว้นหนานฉีรับรู้ถึงความอันตราย
เกรงว่าจะไม่ใช่การประลองที่เรียบง่ายหรอกกระมัง?
ราชทูตรัฐเหลียงผู้นี้ไม่ประสงค์ดี!
เซียวอวี้วางจอกสุราในมือลง ผินสายตาขึ้น
ราชทูตเสนอการประลอง หากแคว้นหนานฉีปฏิเสธ เรื่องแพร่กระจายออกไป เกรงว่าจะถูกคนคิดว่าไม่มีความกล้าหาญ
ทว่าถ้ายอมรับการประลอง ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน พวกเขาจะชนะเกินเลยก็ไม่ดี และจะแพ้ก็ต้องไม่น่าเกลียดเกินไป
จะส่งผู้ใดไปประลองต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ
กุ้ยเฟยมองไปที่เฟิ่งหมิงเซวียนที่นั่งอยู่ สายตาพลันปรากฏรังสีความมืดที่จะจ้องกินเลือดกินเนื้อ
ละครสนุกจวนจะเปิดฉากแล้ว
ตึก ๆ ๆ ๆ ——
เมื่อผู้กล้ารัฐเหลียงเข้าสู่สนาม ผืนพสุธาราวกับกำลังสั่นสะเทือน
หลังเห็นตัวจริง เหล่าเสนาดีแคว้นหนานฉีตกตะลึงตาค้าง
“สูงมาก!”
“เหตุ...เหตุใดจึงมีคนที่ร่างสูงใหญ่เช่นนี้! สูงกว่าพวกเราสองคนรวมกันเสียอีก!”
อะไรกัน?
ให้เขาไปประลอง?
ถึงแม้เขาจะเรียนศิลปะต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก และยังเคยเข้าร่วมการสอบศิลปะการต่อสู้ ทว่าเขา...คู่ต่อสู้ของเขาเป็นคนร่างใหญ่นั้น จะเอาชนะได้อย่างไร!
นายท่านเฟิ่งตกตะลึงเช่นกัน
มีเพียงกุ้ยเฟย อยู่ในความคาดการณ์ของนางอยู่
อย่างไรเสีย นางส่งคนไปเจรจากกับหูเอ่อร์ต๋าไว้ก่อนแล้ว
สนามการประลองวันนี้ จัดขึ้นเพื่อตระกูลเฟิ่งโดยเฉพาะ
หูเอ่อร์ต๋ากล่าวต่อ
“ท่านทูตส่งสาสน์เป็นพี่น้องของฮองเฮา เมื่อวานเราก็รู้จากการพูดคุยกัน ศิลปะการต่อสู้ของเขาสุดยอด เป็นผู้เปิดฉากเหมาะสมที่สุดแล้ว!”
เฟิ่งหมิงเซวียนอยากจะตบปากตัวเองเสียจริง
พูดอะไรไม่ได้ กลับพูดว่าตนศิลปะการต่อสู้ดี!
ตอนนี้ตกที่นั่งลำบากแล้ว!
รู้เช่นนี้เขาก็ไม่มาเป็นทูตส่งสาส์นบ้าบออะไรนี่แล้ว!
ได้ยินหูเอ่อร์ต๋ากล่าวต่อ
“สำหรับผู้เข้าร่วมประลองคนที่สอง ย่อมต้องเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิ่งอยู่แล้ว!
“อย่างไรเสีย ทุกท่านในที่นี่ มีเพียงคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิ่งที่เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ ผู้กล้าของพวกเราก็เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊เช่นกัน ลองมาประลองกันดูก็ไม่เสียหาย!”
เฟิ่งเหยียนเฉินนั่งนิ่งสุขุม ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์
ฝูงชนมองไปทางเขา
หากหูเอ่อร์ต๋าไม่พูดถึง พวกเขาคงลืมไปจริง ๆ ว่า ในเวลานั้นเฟิ่งเหยียนเฉินก็เป็นวีรบุรุษหนุ่ม มีความกล้าหาญชาญชัยเช่นกัน
สายตาของเซียวอวี้มองข้ามทุกสิ่ง ยกจอกสุราขึ้นจิบเล็กน้อย ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของราชทูต ทว่าสีหน้าหม่นหมองราวกับมีเมฆปกคลุม ทำให้คนไม่กล้าสบตาตรง
ทว่าในตอนนี้ สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนกระจ่างแจ้งราวกับน้ำค้างยามเช้า เผยให้เห็นความเข้าใจอย่างถ่องแท้
แม้กระทั่งรู้เรื่องที่เฟิ่งเหยียนเฉินเป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ ราชทูตรัฐเหลียงผู้นี้ไปทราบมาจากแห่งใด?
สายตาของนางหันไปมองกุ้ยเฟยอย่างเรียบนิ่ง
หลังจากนั้น นางก็มองไปทางเฟิ่งเหยียนเฉิน พยักหน้าให้กับเขา ให้เขายอมรับเข้าการประลองครั้งนี้
นางทราบจุดอ่อนของขวยโต่ว จะไม่ยอมให้เฟิ่งเหยียนเฉินพ่ายแพ้เด็ดขาด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...