แววตาเซียวอวี้เยือกเย็นลึกล้ำ
วังหลังไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่เพียงเพื่อป้องกันวังหลังกับส่วนหน้าสมรู้ร่วมคิด ส่งผลให้เกิดเผด็จการในหมู่ญาติ ยังเป็นเพราะว่า ส่วนใหญ่สตรีวังหลังไม่มีความรู้ ปกติวางแผนเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานก็ช่างเถอะ โอกาสในที่เป็นทางการนั้น ล้วนไม่รู้จักกาลเทศะ
ในขณะที่เซียวอวี้กำลังจะพูดกู้สถานการณ์ให้กลับมาสมดุล เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยว่า
“กุ้ยเฟยพูดผิดไปแล้วจริง
“เหนือคนยังมีคน เป็นคุณความดีของคนเพียงคนหนึ่ง
“ทว่าความจริง ทหารพันหมื่นที่ชายแดนล้วนเป็นชายชาตรี ผลงานการต่อสู้นั้นไม่สามารถได้มาเพราะคนคนเดียว เหมือนอย่างเมื่อครู่ หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้ามีหลายคนบั่นทอนกำลังกายของขวยโต่ว ทำให้เขาเผยถึงจุดด้อย พี่ชายของข้าก็คงไม่สามารถที่จะเอาชนะเขาได้ไวขนาดนี้
“ยังไงพวกท่านก็ส่งคนมาเพียงคนเดียว ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าแคว้นหนานฉี เอาชนะได้เพราะจำนวนคนมากกว่า
“ที่ผ่านมากองกำลังทั้งสองต่อสู้กัน แคว้นหนานฉีก็ใช้กองกำลังนับแสน ต่อสู้กับกองกำลังรัฐเหลียงเก้าหมื่นเช่นกัน แม้รัฐเหลียงจะพ่ายแพ้แต่ก็ยังมีเกียรติ”
นางพูดเช่นนี้ เป็นการให้เกียรติพอต่อรัฐเหลียง พวกราชทูตฟังอยู่อย่างพอใจ
แต่หูเอ๋อร์ต๋ารู้สึกตัวขึ้นมาก่อน
นางก็เป็นเหมือนกับกุ้ยเฟย ล้วนกำลังพูดว่ารัฐเหลียงของเขาพ่ายแพ้ไม่ใช่หรือ!
เพียงเปลี่ยนวิธีการพูดที่ดูดีขึ้น เหมือนยาพิษที่เคลือบน้ำตาล เหนือชั้นกว่าจนยากที่จะป้องกัน!
แต่ต่อให้ฟังรู้ความหมายที่แอบแฝง ก็ไม่สามารถตบต่ออะไรได้
เซียวอวี้หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียน หว่างคิ้วที่เยือกเย็นผ่อนคลายลงไม่น้อย
นางยังคงปากคอเราะร้ายเหมือนเดิม
แต่นางเป็นเพียงสตรีในเรือนคนหนึ่ง กลับรู้เรื่องแนวหน้า ทำให้เขาค่อนข้างแปลกประหลาดใจ
หูเอ๋อร์ต๋าพูดขึ้นมาอย่างยากที่จะกล้ำกลืนฝืนทนได้ว่า “ใช่ รัฐเหลียงพ่ายแพ้ แต่ฮ่องเต้ฉี หากท่านไม่ยินดีเจรจาสันติ...”
เซียวอวี้พูดแทรกคำพูดไร้สาระของเขาขึ้นมาอย่างน่าเกรงขามว่า
“ฮ่องเต้เหลียงรักเมตตาประชาชนเหมือนบุตร เราเคารพเลื่อมใส
“ดังนั้น หลังจากศึกหุบเขาชุ่ยซาน เราได้สั่งถอนกำลัง ล้วนเพราะฮ่องเต้เหลียงมีเมตตา ในเมื่อมาเจรจาสันติ ก็ไม่มีใครแพ้ชนะ”
“เหมือนการประลองเมื่อครู่ ไม่กำหนดแพ้ชนะ หากต่างถอยคนละก้าว ก็จะสามารถรักษาเกียรติของทั้งสองฝ่ายไว้ได้ หากจะต้องการให้ได้ผลถึงที่สุด เวทีการประลองก็จะมีต่อไป”
เฟิ่งจิ่วเหยียนหลุบตาลง แววตาซ่อนเร้นความลึกล้ำไว้
ศึกการต่อสู้ในหุบเขาชุ่ยซาน รัฐเหลียงพ่ายแพ้ย่อยยับ ขอเพียงนางไล่ล่าต่อไป ก็จะสามารถทำลายแนวป้องกันด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐเหลียง เร่งเดินทัพบุกตรงเข้าไปเรื่อยๆ ยึดครองหลายเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้อีก
แต่ในช่วงเวลาคับขันนี้ เซียวอวี้ยอมรับการเจรจาสันติของรัฐเหลียง การต่อสู้หยุดชะงัก
หรือว่าเขาเป็นเหมือนกษัตริย์รัฐเหลียง ไม่อยากให้เกิดเพลิงไฟแห่งสงครามต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ให้ราษฎรต้องทุกข์ทรมาน?
แต่เขาเป็นฮ่องเต้ทรราชไม่ใช่หรือ...
ศึกต่อสู้ในหุบเขาชุ่ยซาน เป็นฝันร้ายของทุกคนในรัฐเหลียง
“ฝ่าบาท เมื่อหลายวันก่อน ข้าน้อยทุกปลดออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว”
ในใจขุนนางราชองครักษ์หลวงที่นั่งอยู่สะดุ้งเฮือก พร้อมรีบลุกขึ้นมา
“ฝ่าบาท เป็นเรื่องเข้าใจผิด กระหม่อมได้สืบเรื่องราวอย่างชัดเจนแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณชายเฟิ่ง จะรีบคืนตำแหน่งให้เขาโดยเร็ว!”
เซียวอวี้ไม่ได้ถามอะไรมาก ยังไงก็มีขุนนางอยู่มากมาย เขาจะถามไปเสียทุกเรื่องก็คงไม่ได้
แต่เวลานี้ เฟิ่งเหยียนเฉินยกมือประสานพร้อมพูดขึ้นมาว่า
“ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่ต้องการพระราชทานรางวัลใด เพียงขอฮ่องเต้ให้ความยุติธรรม คืนความบริสุทธิ์ให้กับข้าน้อย”
ขุนนางราชองครักษ์คนนั้นร้อนตัว นึกว่าเป็นเรื่องที่เขาวางแผนใส่ร้ายเฟิ่งเหยียนเฉิน จนทำให้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จึงพูดตักเตือนขึ้นมาด้วยเสียงต่ำว่า
“เฟิ่งเหยียนเฉิน ข้าคืนตำแหน่งให้กับเจ้าแล้ว เจ้ายังอยากสืบอะไรอีก?”
กลับคิดไม่ถึงว่า เฟิ่งเหยียนเฉินไม่สนใจคำพูดของเขา พร้อมพูดตอบไปว่า
“เกี่ยวกับคดีเมื่อสองปีก่อน ข้าน้อยถูกใส่ร้าย!”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ กลายเป็นคนอื่นที่ไม่สงบสุขแล้ว
----------------------------------------------
อี้จ้าน[1] สถานที่พักของหลวง(ของราชการ)

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...