กุ้ยเฟยฝืนทนเจ็บปวดจากบาดแผล ตรงมายังห้องทรงพระอักษรเพื่อน้อมรับผิด
เซียวอวี้ทอดมองมาที่นางด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“แผลยังไม่หายดี กลับไปพักที่ตำหนักหลิงเซียวเถอะ”
ดวงตาคู่งามของกุ้ยเฟยพลันรื้นไปด้วยน้ำตา
“หากหม่อมฉันไม่สามารถอธิบายกับฝ่าบาทให้ชัดเจน หม่อมฉันก็มิอาจสบายใจได้
“เซวียฉือเคยส่งสิ่งของมาให้หม่อมฉันจริง ๆ แต่หม่อมฉันไม่ได้เต็มใจรับไว้เลย…”
ดวงตาคมกริบของเซียวอวี้ก่อเกิดแววรำคาญ
“พอได้แล้ว
“เรื่องนี้ไม่สำคัญ
“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เราฟัง กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักหลิงเซียวก่อนเถอะ แผลเจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากัน”
กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่าเขาจะไม่ตรวจสอบเรื่องของเซวียฉือแล้ว แถมยังเป็นห่วงร่างกายของตนเองอีก
นางแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทยังทรงใส่ใจนางเหมือนเดิม
นั่นสินะ นางเป็นถึงสนมคนโปรด รับเงินแค่นี้จะเป็นอะไรไป?
ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลของเหล่านางสนมส่งเครื่องบรรณาการมาให้นาง แม้นฝ่าบาททรงทราบ แต่ก็ทำเป็นหลับตาข้างเดียวมิใช่หรือ
เทียบกับของรวมกันที่คนพวกนั้นส่งให้แล้ว ของที่เซวียฉือส่งให้นับว่าไม่มาก
พอเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่สองแคว้นกำลังเจรจากัน ฝ่าบาทจึงยุ่งเป็นพิเศษ จะมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้เสียที่ไหน
ดวงตาฉ่ำน้ำของกุ้ยเฟยไหวระริก จากนั้นก็กล่าวทูลลาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ทว่า หลังจากนางหันหลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเยือกเย็นของชายหนุ่มก็ดังมาจากด้านหลัง
“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าอยู่กับเรามากี่ปีแล้ว”
ฝีเท้าของกุ้ยเฟยชะงักค้าง
นางรีบหันกลับมาตอบ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าวังมาสี่ปีแล้วเพคะ”
ยามสบตาที่แฝงไปด้วยนัยบางอย่างของเซียวอวี้ กุ้ยเฟยพลันกระวนกระวาย
เหตุใดจู่ ๆ ฝ่าบาทจึงถามเช่นนี้?
“กลับไปเถอะ” เซียวอวี้ไม่ได้มองมาที่นางอีก ละสายตากลับมาอ่านสาส์นร้องทุกข์ในมืออีกครั้ง
กุ้ยเฟยอยู่ไม่สุข หัวคิ้วขมวดมุ่น ฝ่ามือเย็นชื้นไปหมด
ณ ตำหนักหลิงเซียว
ชุนเหอคอยรับใช้ป้อนยาให้กุ้ยเฟย เมื่อเห็นนางเหม่อลอย จึงเอ่ยถาม
“พระนาง ท่านเป็นอะไรไปหรือเพคะ? ตั้งแต่กลับมาจากห้องทรงพระอักษรก็ดูหนักใจ หรือว่าฝ่าบาทยังจะตามสืบเรื่องที่เซวียฉือทำต่อไป?”
กุ้ยเฟยส่ายหน้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“เรื่องของเซวียฉือนับว่าจบแล้ว
“ฝ่าบาทให้ข้ารักษาบาดแผลให้หาย”
ชุนเหอได้ยินดังนั้น ก็ปรับน้ำเสียงสูงขึ้น
“ฝ่าบาททรงโปรดปรานพระนางที่สุดอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด”
แม้นจะตรวจสอบเจอของบรรณาการที่เซวียฉือส่งมา ฝ่าบาทก็ยังไม่ตรวจสอบต่อ
ไม่เหมือนฮองเฮา เพียงเพราะน้องชายต่างมารดาซื้อตำแหน่งเข้ามา พลอยโดนหางเลขจนต้องเสียตราประทับทอง
ณ ตำหนักหย่งเหอ
เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งดื่มชาอย่างสงบ
ซุนหมัวมัวยกของว่างเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
“พระนาง ไฉนฝ่าบาททรงกักบริเวณท่านอีกแล้วล่ะเพคะ แถมยังจะยึดตราประทับทองของท่านไปอีกด้วย?”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองนาง
“ข้าว่า ฝ่าบาททรงอยากลงโทษฮองเฮาตั้งแต่แรก จึงอ้างเรื่องอื่นมาเพื่อทำอย่างที่ต้องการ! ขืนพวกเรายังอยู่ในตำหนักหย่งเหอแห่งนี้ต่อไป คงไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้เป็นแน่!”
หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นได้ฟัง พลันรู้สึกหมดหวัง
เช้าวันต่อมา
หลิวซื่อเหลียงรับสั่งมายังตำหนักหย่งเหอ
“ฮองเฮา บ่าวรับสั่งจากฝ่าบาท มาเข้ารับตราประทับทองพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียนซวงรู้สึกอัดอั้นแทนพระนาง
ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้ช่างไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!
แต่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับใจเย็น “เหลียนซวง ไปเอาตราประทับทองมา”
เหลียนซวงเสียดายตราประทับทองที่กว่าจะได้มาก็ไม่ใช่ง่าย ๆ
แต่ก็มิอาจฝ่าฝืนคำสั่งของฝ่าบาทได้
หลังจากที่หลิวซื่อเหลียงได้รับตราประทับทองแล้ว ก็กล่าวปลอบใจ
“พระนาง หากฝ่าบาททรงหายกริ้ว โทษกักบริเวณของท่านก็จะถูกยกเลิก”
แต่เกรงว่าคงไม่ได้ตราประทับทองคืนกลับไป
และคงต้องมอบมันให้กับกุ้ยเฟยอีกหน
เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเฉยชา ไม่ผิดหวังที่ถูกยึดตราประทับทองเลยสักนิด
สิ่งที่นางสนใจยิ่งกว่า คือคดีนี้จะจบลงอย่างไรต่างหาก
ความโปรดปรานที่เซียวอวี้มีต่อกุ้ยเฟยจะสิ้นสุดลงตรงไหน
หากข้องเกี่ยวกับมั่ความงคั่งของแคว้นขนาดนี้แล้วยังไม่สนใจ เช่นนั้นฮ่องเต้อย่างเขาก็ไม่ต่างอะไรกับขยะ
ในราชวังยังนับว่าสงบสุข
แต่ทางจวนตระกูลเฟิ่งกลับเดือดพล่านไปหมด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลิออยู่ 220 เหรียญแต่ทำไมปลดล็อกไม่ได้คะ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
ในกระเป๋ายังมีเหรียญเหลืออยู่ 220 เหรียญแต่ปลดล็อกไม่ได้ แก้ไขให้หน่อยค่ะ...
เติมเหรียญไปแล้ว แต่ปลดล็อกไม่ได้ มีข้อความว่าเกิดข้อผิดพลาด กรุณาลองใหม่อีกครั้ง...
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...