เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 126

กุ้ยเฟยฝืนทนเจ็บปวดจากบาดแผล ตรงมายังห้องทรงพระอักษรเพื่อน้อมรับผิด

เซียวอวี้ทอดมองมาที่นางด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“แผลยังไม่หายดี กลับไปพักที่ตำหนักหลิงเซียวเถอะ”

ดวงตาคู่งามของกุ้ยเฟยพลันรื้นไปด้วยน้ำตา

“หากหม่อมฉันไม่สามารถอธิบายกับฝ่าบาทให้ชัดเจน หม่อมฉันก็มิอาจสบายใจได้

“เซวียฉือเคยส่งสิ่งของมาให้หม่อมฉันจริง ๆ แต่หม่อมฉันไม่ได้เต็มใจรับไว้เลย…”

ดวงตาคมกริบของเซียวอวี้ก่อเกิดแววรำคาญ

“พอได้แล้ว

“เรื่องนี้ไม่สำคัญ

“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เราฟัง กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักหลิงเซียวก่อนเถอะ แผลเจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากัน”

กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่าเขาจะไม่ตรวจสอบเรื่องของเซวียฉือแล้ว แถมยังเป็นห่วงร่างกายของตนเองอีก

นางแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทยังทรงใส่ใจนางเหมือนเดิม

นั่นสินะ นางเป็นถึงสนมคนโปรด รับเงินแค่นี้จะเป็นอะไรไป?

ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลของเหล่านางสนมส่งเครื่องบรรณาการมาให้นาง แม้นฝ่าบาททรงทราบ แต่ก็ทำเป็นหลับตาข้างเดียวมิใช่หรือ

เทียบกับของรวมกันที่คนพวกนั้นส่งให้แล้ว ของที่เซวียฉือส่งให้นับว่าไม่มาก

พอเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่สองแคว้นกำลังเจรจากัน ฝ่าบาทจึงยุ่งเป็นพิเศษ จะมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้เสียที่ไหน

ดวงตาฉ่ำน้ำของกุ้ยเฟยไหวระริก จากนั้นก็กล่าวทูลลาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

ทว่า หลังจากนางหันหลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเยือกเย็นของชายหนุ่มก็ดังมาจากด้านหลัง

“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าอยู่กับเรามากี่ปีแล้ว”

ฝีเท้าของกุ้ยเฟยชะงักค้าง

นางรีบหันกลับมาตอบ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าวังมาสี่ปีแล้วเพคะ”

ยามสบตาที่แฝงไปด้วยนัยบางอย่างของเซียวอวี้ กุ้ยเฟยพลันกระวนกระวาย

เหตุใดจู่ ๆ ฝ่าบาทจึงถามเช่นนี้?

“กลับไปเถอะ” เซียวอวี้ไม่ได้มองมาที่นางอีก ละสายตากลับมาอ่านสาส์นร้องทุกข์ในมืออีกครั้ง

กุ้ยเฟยอยู่ไม่สุข หัวคิ้วขมวดมุ่น ฝ่ามือเย็นชื้นไปหมด

ณ ตำหนักหลิงเซียว

ชุนเหอคอยรับใช้ป้อนยาให้กุ้ยเฟย เมื่อเห็นนางเหม่อลอย จึงเอ่ยถาม

“พระนาง ท่านเป็นอะไรไปหรือเพคะ? ตั้งแต่กลับมาจากห้องทรงพระอักษรก็ดูหนักใจ หรือว่าฝ่าบาทยังจะตามสืบเรื่องที่เซวียฉือทำต่อไป?”

กุ้ยเฟยส่ายหน้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด

“เรื่องของเซวียฉือนับว่าจบแล้ว

“ฝ่าบาทให้ข้ารักษาบาดแผลให้หาย”

ชุนเหอได้ยินดังนั้น ก็ปรับน้ำเสียงสูงขึ้น

“ฝ่าบาททรงโปรดปรานพระนางที่สุดอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด”

แม้นจะตรวจสอบเจอของบรรณาการที่เซวียฉือส่งมา ฝ่าบาทก็ยังไม่ตรวจสอบต่อ

ไม่เหมือนฮองเฮา เพียงเพราะน้องชายต่างมารดาซื้อตำแหน่งเข้ามา พลอยโดนหางเลขจนต้องเสียตราประทับทอง

ณ ตำหนักหย่งเหอ

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งดื่มชาอย่างสงบ

ซุนหมัวมัวยกของว่างเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

“พระนาง ไฉนฝ่าบาททรงกักบริเวณท่านอีกแล้วล่ะเพคะ แถมยังจะยึดตราประทับทองของท่านไปอีกด้วย?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองนาง

“ข้าว่า ฝ่าบาททรงอยากลงโทษฮองเฮาตั้งแต่แรก จึงอ้างเรื่องอื่นมาเพื่อทำอย่างที่ต้องการ! ขืนพวกเรายังอยู่ในตำหนักหย่งเหอแห่งนี้ต่อไป คงไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้เป็นแน่!”

หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นได้ฟัง พลันรู้สึกหมดหวัง

เช้าวันต่อมา

หลิวซื่อเหลียงรับสั่งมายังตำหนักหย่งเหอ

“ฮองเฮา บ่าวรับสั่งจากฝ่าบาท มาเข้ารับตราประทับทองพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียนซวงรู้สึกอัดอั้นแทนพระนาง

ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้ช่างไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!

แต่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับใจเย็น “เหลียนซวง ไปเอาตราประทับทองมา”

เหลียนซวงเสียดายตราประทับทองที่กว่าจะได้มาก็ไม่ใช่ง่าย ๆ

แต่ก็มิอาจฝ่าฝืนคำสั่งของฝ่าบาทได้

หลังจากที่หลิวซื่อเหลียงได้รับตราประทับทองแล้ว ก็กล่าวปลอบใจ

“พระนาง หากฝ่าบาททรงหายกริ้ว โทษกักบริเวณของท่านก็จะถูกยกเลิก”

แต่เกรงว่าคงไม่ได้ตราประทับทองคืนกลับไป

และคงต้องมอบมันให้กับกุ้ยเฟยอีกหน

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเฉยชา ไม่ผิดหวังที่ถูกยึดตราประทับทองเลยสักนิด

สิ่งที่นางสนใจยิ่งกว่า คือคดีนี้จะจบลงอย่างไรต่างหาก

ความโปรดปรานที่เซียวอวี้มีต่อกุ้ยเฟยจะสิ้นสุดลงตรงไหน

หากข้องเกี่ยวกับมั่ความงคั่งของแคว้นขนาดนี้แล้วยังไม่สนใจ เช่นนั้นฮ่องเต้อย่างเขาก็ไม่ต่างอะไรกับขยะ

ในราชวังยังนับว่าสงบสุข

แต่ทางจวนตระกูลเฟิ่งกลับเดือดพล่านไปหมด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย