เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 134

เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าตัวเหลียนซวงไว้ แววตาคมกริบฉายแววอันตราย

“อย่าส่งเสียง”

“แต่ว่านี่...นี่ท่านถูกคนวางยาพิษชัด ๆ นี่เพคะ!” เหลียนซวงตกใจกลัวจนสติเตลิดเปิดเปิง

นี่ไม่ควรเรียกหมอหลวงมาหรือไร?

เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดบริเวณข้างริมฝีปาก สายตาลึกล้ำ

“ไม่ถึงตายหรอก ข้ารู้ตัวเองดี”

พิษที่นางโดนนี้คือ‘พิษแดนฝัน’ที่เซียวอวี้เป็นคนวาง

หากเรียกหมอหลวงมาย่อมมีความเสี่ยงที่จะเป็นการเปิดเผยร่องรอยออกไป

ปกติพิษนี้จะกำเริบทุกสิบวัน

ครั้งนี้ยังไม่ถึงสิบวันก็กำเริบแล้ว ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่นางใช้ยาถอนพิษในปริมาณน้อยเกินไปเป็นแน่

สายตานิ่งลึกของเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปยังข้างหน้าต่าง

ไม่รู้ว่าซ่งหลีปรุงยาถอนพิษสำเร็จหรือไม่...

ณ สนามม้าหลวง

ขณะที่เซียวอวี้และรุ่ยอ๋องกำลังขี่ม้ายิงธนูกันอยู่นั้น หลิวซื่อเหลียงก็เดินมาด้านหน้า

“ฝ่าบาท คนของทางตำหนักชิงซวีมาบอกว่า กุ้ย... หลิงกุ้ยเหรินอดอาหารประท้วง ตะโกนลั่นว่าจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

รุ่ยอ๋องหันไปมองฮ่องเต้ที่ทรงประทับอยู่ข้าง ๆ เห็นเพียงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทะมึนมืดของเขา

เซียวอวี้ง้างสายคันธนูในมือจนสุด สีหน้าท่าทางเย็นชาเด็ดเดี่ยว

ฟิ้ว

ลูกธนูสามดอกถูกยิงออกไปพร้อมกัน ทั้งหมดเข้ากลางเป้า

จากนั้นเขาก็ลงจากม้าแล้วส่งคันธนูให้ข้าหลวงทันที

หลิวซื่อเหลียงคิดว่านี่ฝ่าบาทคงจะพระทัยอ่อนแล้ว ต้องเตรียมจัดขบวนเสด็จไปตำหนักชิงซวี

ทว่ากลับได้ยิน...

“กลับห้องทรงพระอักษร” น้ำเสียงของเซียวอวี้เย็นยะเยือก ไม่ถามเกี่ยวกับหลิงกุ้ยเหรินแม้แต่คำเดียว

คล้ายกับว่าในใจของเขา ไม่มีคนผู้นี้อยู่อีกต่อไป

เซียวอวี้ขึ้นราชรถ รุ่ยอ๋องก้มศีรษะคำนับอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

“น้อมส่งเสด็จฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อฮ่องเต้เคลื่อนจากไปไกลแล้ว รุ่ยอ๋องก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น

องครักษ์ข้างหลังเขากล่าวถาม

“ท่านอ๋อง หลิงกุ้ยเหรินจะสูญเสียความโปรดปรานแล้วจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ความเปลี่ยนแปลงของเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว

แววตาของรุ่ยอ๋องซ่อนความเย็นชาเอาไว้อย่างล้ำลึก แต่ภายนอกยังคงดูอ่อนโยนสุขุมเช่นเดิม

“ใจกษัตริย์ยากที่จะคาดเดา

“ทว่าอย่างไรของปลอมย่อมถูกลิขิตให้ไม่มีจุดจบที่ดี

“ออกจากวัง กลับจวนอ๋อง”

เมื่อกล่าวจบ รุ่ยอ๋องเหลือบมองไปยังสนามม้าหลวงโดยไม่ได้ตั้งใจ

หลังจากฝนตกมักจะได้กลิ่นไอดินเสมอ

เมื่อมาถึงถนนในเมืองจึงจะค่อย ๆ ถูกกลิ่นอายของอาหารหลากหลายชนิดกลบไป

รุ่ยอ๋องไม่ได้โดยสารอยู่บนรถม้า เขาเดินเท้าทั้งบนถนนใหญ่และซอยเล็กซอยน้อย เพื่อสำรวจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

เขายังจำพ่อค้าหาบเร่สองสามคนที่มาคุยเล่นด้วยกันบ่อย ๆ ได้อีกด้วย

ยามนี้เองรถม้าคันหนึ่งก็เคลื่อนผ่านมาช้า ๆ

รถม้าที่ส่งกลิ่นหอมและม้าพันธุ์ดีล้ำค่า มักทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมองเพิ่มอีกซักสองสามครั้ง

ยิ่งกว่านั้นข้างบนยังมีหญิงงามนั่งอยู่ด้วย

รุ่ยอ๋องมองไปอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าจังหวะนั้นลมบังเอิญพัดผ่านผ้าม่านจนเผยให้เห็นใบหน้าของหญิงงาม

ใบหน้านั้นเหมือนกับหรงเฟยราวกับแกะ!

สถานที่ที่อันตรายที่สุด มักจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุด

ปกติแล้วจ้าวเฉียนจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลิงเยี่ยนเอ๋อร์เสมอ อาจมีโอกาสที่จะวางบันทึกไว้ในห้องโถงหลักนี้

ในห้องโถงตกแต่งอย่างหรูหรา ทุกซอกมุมล้วนเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เจ้าของตำหนักได้รับบความโปรดปรานมากเพียงใด แม้แต่ภาพที่แขวนไว้ส่ง ๆ บนผนังยังมีค่าควรเมือง

เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้าไปในตำหนักบรรทม สายตาของนางตกไปอยู่ที่เตียงหลังนั้นทันที

เหตุผลคือเตียงนี้มีขนาดใหญ่เกินไป ทั้งยังวางอยู่ในตำแหน่งที่แปลกพิกล ดูจะอยู่ห่างจากกลางห้องไปซักหน่อย

นางเดินตรงไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วสำรวจอย่างละเอียด

ผ้าม่านเตียงถูกลมพัดปลิวจนเผยให้เห็นตู้เก็บของบนหัวเตียง

เฟิ่งจิ่วเหยียนคลำหาจนรอบ ลอดเข้าไปแม้กระทั่งใต้เตียง

ในที่สุดนางก็พบความลับด้านในกำแพงที่ติดกับเตียง

นางเหยียบขึ้นไปบนเตียงแล้วเคาะกำแพงนั้น

ไม่มีตรงไหนกลวงเลย

ทว่ามีตำแหน่งนึงที่ปูดขึ้นมา

นางลองกดดู

ทันใดนั้นกำแพงอีกด้านนึงก็เคลื่อนไหว

พอประตูลับเปิดก็เผยให้เห็นเส้นทางลับที่มืดสนิทสายหนึ่ง!

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

มิน่าเล่าตำแหน่งเตียงถึงได้พิลึกถึงเพียงนั้น ที่แท้เพื่อบังกลไกเอาไว้นี่เอง!

นางกระโดดลงจากเตียงแล้วเข้าไปในทางลับเส้นนั้นทันที

หลังจากที่ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหนก็เจอประตูลับอีกบานเข้า

หลังจากเปิดเข้ามา เมื่อเห็นภาพเบื้องหลังประตู เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วจนเป็นปม

ที่แห่งนี้ นางเคยมาเยือน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย