ถึงแม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียว แต่มองแค่แว่บเดียวเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นางประมือกับเซียวอวี้เป็นครั้งที่สอง ห้องลับใต้ดินของตำหนักหวาชิง!
เตียงหยกหลังนั้นยังอยู่ที่นี่
ยามนั้นเซียวอวี้นั่งขับพิษอยู่บนเตียงหยกหลังนี้
แม้กระทั่งบนกำแพงยังมีร่องรอยจากตอนที่พวกเขาต่อสู้กันทิ้งเอาไว้
ดังนั้นไม่ผิดแน่
ที่นี่ก็คือตำหนักหวาชิง!
เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าเหตุใดตำหนักหลิงเซียวถึงได้มีทางเชื่อมทะลุถึงตำหนักหวาชิงได้?
ถึงแม้นางจะสงสัยเรื่องนี้ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการหาบันทึกของจ้าวเฉียนให้เจอ
ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบออกจากที่นี่ โดยเดินย้อนกลับไปทางเดิม
ตำแหน่งที่จ้าวเฉียนซ่อนบันทึกอำพรางไว้ได้ดีมาก
จนถึงยามนี้ยังไม่เจอเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ราวกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว
ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นใครกัน?
ไม่ว่าความหวังจะเลือนรางขนาดไหนก็ต้องค้นหาต่อไป ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ โดยเด็ดขาด
หลังจากผ่านไปสี่คืน ในที่สุดนางก็เจอบันทึกอยู่ใต้แผ่นอิฐแผ่นหนึ่งที่กองฟืนมุมหนึ่งในห้องครัวเล็ก
ในบันทึกฉบับนี้จดเรื่องที่จ้าวเฉียนทำงานให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตลอดหลายปีมานี้ ทั้งยังจดบันทึกเวลากำกับเอาไว้ทั้งหมด
หนึ่งในนั้นยังรวมถึงการให้โจรไปลักพาตัวคนครั้งนั้นด้วย
เฟิ่งจิ่วเหยียนเก็บมันเอาไว้อย่างดี สายตาเย็นเยียบแฝงรังสีสังหาร
......
บันทึกของจ้าวเฉียนฉบับนี้เพียงหน้าเดียวก็มากพอที่จะเป็นหลักฐานสำคัญเอาผิดได้
แต่เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงมีข้อสงสัยที่ยังไม่ได้ไขให้กระจ่าง
อย่างเช่นเรื่องเส้นทางลับเส้นนั้นในตำหนักหลิงเซียว
แล้วยังมีที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เคยพูดว่าฝ่าบาทขาดนางไม่ได้อีก
นอกจากความรักแบบชายหญิงแล้ว พวกเขายังเกี่ยวข้องกันในรูปแบบไหนอีก?
นางมีลางสังหรณ์ว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกัน
หากไม่ไขปริศนาข้อนี้ ต่อให้นางแสดงหลักฐานความผิดออกมามากแค่ไหนก็เกรงว่าจะเสียเปล่า
เช้าวันถัดมา เฟิ่งจิ่วเหยียนไปเยือนที่ตำหนักชิงซวี
สองสามวันมานี้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์อาละวาดไม่หยุด
ภายในตำหนักชิงซวีไม่สงบสุขเลยซักวัน
เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตะโกน
“ไสหัวไป! ข้าบอกไสหัวไปให้หมด! ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามาปรนนิบัติ! ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้เหลียงซวงรออยู่ด้านนอก จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านในเพียงคนเดียว
ที่ตำหนักชิงซวีไม่ต่างอะไรจากตำหนักเย็น เป็นเพราะที่แห่งนี้มืดสลัว หน้าต่างก็เปิดไว้เพียงบานเดียว แสงอาทิตย์ไม่อาจส่องเข้ามาได้
หลิงเยี่ยนเอ๋อร์นั่งอยู่บนเตียงที่ทำจากไม้ เตียงหลังนั้นไม่มีแม้แต่ผ้าม่านเตียง โหรงเหรงไปหมด แลดูวังเวงอย่างเห็นได้ชัด
พอนางเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทำตัวราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง พองขนแล้วกระโจนเข้าใส่ในทันที
“เป็นเจ้า! เฟิ่งเวยเฉียง! เป็นเจ้าที่ให้ร้ายข้า!”
เฟิ่งจิ่วเหยียนเพียงขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อย หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็โผเข้าสู่ความว่างเปล่า ด้วยแรงของการพุ่งตัวทำให้นางไม่อาจหยุดเท้าไว้ได้ทัน จึงพุ่งไปข้างหน้าอย่างโงนเงนจนเกือบจะหกล้ม
นางรีบทรงตัวให้อยู่ แล้วหมุนตัวกลับมากัดฟันกรอดจ้องเขม็งไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน
“วันงานเลี้ยงต้อนรับ ข้าเป็นลมได้อย่างไร? เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”
สองวันมานี้นางคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายครา ว่าเกิดปัญหาจากตรงไหน
เรื่องที่น่าสงสัยที่สุดคือ การที่นางเป็นลม
นางจะสลบไปนานขนาดนั้นได้อย่างไร!
หากไม่ใช่เพราะนางสลบไป เซวียฉือก็ไม่มีโอกาสเปิดโปงนางได้
เขาย่อมถูกนางฆ่าปิดปากไปนานแล้ว!
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองนางอย่างเย็นชา ไม่กลัวที่จะยอมรับ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย
เติมเหรีญญไป 500 เหรียญ เริ่มกดซื่อตอน จาก 223 มาถึงตอน 227 = 5 ตอน 40 เหรัยญ แต่ตอนนี้มีเหรียญคงเหลือ 444 เหรียญ และเปิดอ่านย้อนหลังไม่ได้ ช่วยแก้ไขด้วยค่ะ...
สนุกดี แต่ใช้บัตร์เติมเงินเอไอเอสไม่ได้ ขอบคุที่ให้อ่าน...