เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 135

ถึงแม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียว แต่มองแค่แว่บเดียวเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นางประมือกับเซียวอวี้เป็นครั้งที่สอง ห้องลับใต้ดินของตำหนักหวาชิง!

เตียงหยกหลังนั้นยังอยู่ที่นี่

ยามนั้นเซียวอวี้นั่งขับพิษอยู่บนเตียงหยกหลังนี้

แม้กระทั่งบนกำแพงยังมีร่องรอยจากตอนที่พวกเขาต่อสู้กันทิ้งเอาไว้

ดังนั้นไม่ผิดแน่

ที่นี่ก็คือตำหนักหวาชิง!

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าเหตุใดตำหนักหลิงเซียวถึงได้มีทางเชื่อมทะลุถึงตำหนักหวาชิงได้?

ถึงแม้นางจะสงสัยเรื่องนี้ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการหาบันทึกของจ้าวเฉียนให้เจอ

ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบออกจากที่นี่ โดยเดินย้อนกลับไปทางเดิม

ตำแหน่งที่จ้าวเฉียนซ่อนบันทึกอำพรางไว้ได้ดีมาก

จนถึงยามนี้ยังไม่เจอเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ราวกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียว

ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นใครกัน?

ไม่ว่าความหวังจะเลือนรางขนาดไหนก็ต้องค้นหาต่อไป ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ โดยเด็ดขาด

หลังจากผ่านไปสี่คืน ในที่สุดนางก็เจอบันทึกอยู่ใต้แผ่นอิฐแผ่นหนึ่งที่กองฟืนมุมหนึ่งในห้องครัวเล็ก

ในบันทึกฉบับนี้จดเรื่องที่จ้าวเฉียนทำงานให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตลอดหลายปีมานี้ ทั้งยังจดบันทึกเวลากำกับเอาไว้ทั้งหมด

หนึ่งในนั้นยังรวมถึงการให้โจรไปลักพาตัวคนครั้งนั้นด้วย

เฟิ่งจิ่วเหยียนเก็บมันเอาไว้อย่างดี สายตาเย็นเยียบแฝงรังสีสังหาร

......

บันทึกของจ้าวเฉียนฉบับนี้เพียงหน้าเดียวก็มากพอที่จะเป็นหลักฐานสำคัญเอาผิดได้

แต่เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงมีข้อสงสัยที่ยังไม่ได้ไขให้กระจ่าง

อย่างเช่นเรื่องเส้นทางลับเส้นนั้นในตำหนักหลิงเซียว

แล้วยังมีที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เคยพูดว่าฝ่าบาทขาดนางไม่ได้อีก

นอกจากความรักแบบชายหญิงแล้ว พวกเขายังเกี่ยวข้องกันในรูปแบบไหนอีก?

นางมีลางสังหรณ์ว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกัน

หากไม่ไขปริศนาข้อนี้ ต่อให้นางแสดงหลักฐานความผิดออกมามากแค่ไหนก็เกรงว่าจะเสียเปล่า

เช้าวันถัดมา เฟิ่งจิ่วเหยียนไปเยือนที่ตำหนักชิงซวี

สองสามวันมานี้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์อาละวาดไม่หยุด

ภายในตำหนักชิงซวีไม่สงบสุขเลยซักวัน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตะโกน

“ไสหัวไป! ข้าบอกไสหัวไปให้หมด! ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามาปรนนิบัติ! ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้เหลียงซวงรออยู่ด้านนอก จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านในเพียงคนเดียว

ที่ตำหนักชิงซวีไม่ต่างอะไรจากตำหนักเย็น เป็นเพราะที่แห่งนี้มืดสลัว หน้าต่างก็เปิดไว้เพียงบานเดียว แสงอาทิตย์ไม่อาจส่องเข้ามาได้

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์นั่งอยู่บนเตียงที่ทำจากไม้ เตียงหลังนั้นไม่มีแม้แต่ผ้าม่านเตียง โหรงเหรงไปหมด แลดูวังเวงอย่างเห็นได้ชัด

พอนางเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทำตัวราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง พองขนแล้วกระโจนเข้าใส่ในทันที

“เป็นเจ้า! เฟิ่งเวยเฉียง! เป็นเจ้าที่ให้ร้ายข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเพียงขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อย หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็โผเข้าสู่ความว่างเปล่า ด้วยแรงของการพุ่งตัวทำให้นางไม่อาจหยุดเท้าไว้ได้ทัน จึงพุ่งไปข้างหน้าอย่างโงนเงนจนเกือบจะหกล้ม

นางรีบทรงตัวให้อยู่ แล้วหมุนตัวกลับมากัดฟันกรอดจ้องเขม็งไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน

“วันงานเลี้ยงต้อนรับ ข้าเป็นลมได้อย่างไร? เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”

สองวันมานี้นางคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายครา ว่าเกิดปัญหาจากตรงไหน

เรื่องที่น่าสงสัยที่สุดคือ การที่นางเป็นลม

นางจะสลบไปนานขนาดนั้นได้อย่างไร!

หากไม่ใช่เพราะนางสลบไป เซวียฉือก็ไม่มีโอกาสเปิดโปงนางได้

เขาย่อมถูกนางฆ่าปิดปากไปนานแล้ว!

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองนางอย่างเย็นชา ไม่กลัวที่จะยอมรับ

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย