เข้าสู่ระบบผ่าน

แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย นิยาย บท 138

องครักษ์รีบเข้ามาดู กลับเห็นเพียงว่า ในหอหลวงนั้นไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ มีเพียงชั้นวางตำราและตำราวางไว้เหมือนเดิม แต่หน้าต่างด้านข้างเปิดอยู่ สายลมจึงพัดภาพวาดบนผนัง ทำให้ม้วนภาพวาดด้านล่างกระแทกชนกับผนังเกิดเสียงดัง

หารู้ไม่ว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนได้หนีไปแล้ว

ตำหนักหย่งเหอ

เฟิ่งจิ่วเหยียนถอดหน้ากากออก แววตาดูจริงจังส่วนหนึ่ง

นางพอจะคาดเดาได้ว่าพิษวารีสวรรค์ในร่างกายของเซียวอวี้ ถูกควบคุมไว้ได้อย่างไร...

ตำหนักชิงซวี

แม้ว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกห้ามออกไปข้างนอก แต่ยังสามารถเดินเล่นในลานได้

นางเดินไปตามทางเดินทอดยาวสายหนึ่ง จึงได้ยินเสียงสนทนาของสาวใช้สองคนที่มุมถนน

“กุ้ยเหรินไม่ได้รับความโปรดปรานแล้วจริงหรือ?”

“เกรงว่าจะจริง ตำหนักชิงซวีเป็นสถานที่แบบใด? โดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นตำหนักเย็น นับแต่ฝ่าบาทลดตำแหน่งของนางและส่งมาที่นี่ ฝ่าบาทก็ไม่เคยเสด็จมาเยี่ยมเลย”

“กุ้ยเหรินเสียโฉมแล้ว การหายจากความโปรดปรานนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้”

นางข้าหลวงที่อยู่ด้านหลังของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์หน้าซีด รีบก้าวไปข้างหน้าและตำหนิพวกนางทันที

“บังอาจเกินไปแล้ว ถึงขั้นกล้านินทาเจ้านาย!”

เหล่าข้าหลวงรีบคุกเข่าลงและวิงวอนขอความเมตตาทันที

“กุ้ยเหรินโปรดเมตตา! พวกบ่าวไม่กล้าอีกแล้ว!”

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์กำชายผ้าไว้แน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน

“จงตัดมือและเท้าของพวกนางทิ้งเสีย ให้ดึงลิ้นพวกนางออกมาด้วย จากนั้นลากตัวออกไปโบยด้วยไม้จนตาย!”

“ไม่——ไม่นะพระนาง!”

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เพิกเฉยต่อคำวิงวอนของพวกนาง

นังโง่พวกนี้คิดว่านางไม่เป็นที่โปรดปรานแล้วจริง ๆ

แต่นางจะไม่เป็นที่โปรดปรานได้อย่างไร!

ฝ่าบาทขาดนางไม่ได้!

นางตวัดสายตาเย็นชาไปจ้องนางข้าหลวงข้างกาย “เจ้าเองก็คิดว่าข้าไม่เป็นที่โปรดปรานด้วยแล้วกระมัง?”

นางข้าหลวงหวาดกลัวจนตัวสั่น รีบก้มศีรษะลง “พระนางงดงามไม่มีผู้ใดเทียบเท่า สักวันจะกลับสู่ตำแหน่งสูงส่งเช่นเดิมได้อย่างแน่นอนเพคะ”

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ย่อมรู้ดีว่านางข้าหลวงมิได้จริงใจนัก

ทว่า มันไม่สำคัญอีกแล้ว

นางจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่า หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นี้ ย่อมเป็นสตรีที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในวังหลังมิเสื่อมคลาย

แม้ตัวนางถูกขังไว้ในตำหนักเย็น แต่ฝ่าบาทยังต้องทรงโปรดปรานนาง

นางเฝ้านับวันที่รอคอย นัยน์ตาเปี่ยมล้นด้วยความเชื่อมั่น

ฝ่าบาทจะเสด็จมาในไม่ช้า

……

หลังจากที่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกลดตำแหน่ง นางสนมทั้งหลายก็ทำงานหนักโดยมุ่งหวังไปที่ตำแหน่งเจ้าตำหนักหลิงเซียวคนต่อไป

เพียงแต่ฝ่าบาทไม่เสด็จเยือนวังหลังนานแล้ว

เมื่อพวกนางมาน้อมทักทายที่ตำหนักหย่งเหอในยามเช้า จึงเจตนากล่าวถึงโดยอ้อม

“ฮองเฮาเพคะ บัดนี้ในวังหลังยังไร้ทายาท มันเป็นความผิดของพวกหม่อมฉันที่ไร้ประโยชน์เอง”

“ฝ่าบาทไม่ค่อยเสด็จมาที่วังหลังเลย พวกหม่อมฉันก็จนปัญญาเพคะ”

พวกนางแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้กัน ร่วมแสดงละครเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยและยกย่องเฟิ่งจิ่วเหยียนให้สูงส่งที่สุด

เฟิ่งจิ่วเหยียนผู้เป็นฮองเฮากลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้

แต่พอได้ยินพวกนางกล่าวถึงทายาท นางจึงถูกจุดประกายข้อสงสัยขึ้นมา

รอจนเหล่านางสนมจากไปแล้วอยู่ตามลำพัง นางจึงถามเหลียนซวง

“อย่าพูดให้ร้ายฮองเฮา! ฮองเฮาช่วยชีวิตข้าไว้ มนุษย์เราต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ หากเจ้ายังพูดเหลวไหลอีก ข้าจะไล่เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

ที่สำคัญคือ การแย่งชิงความโปรดปรานมันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของฮองเฮา จะทำให้ฝ่าบาทหันมาโปรดปรานนางได้หรือไร?

ไม่ใช้สมองคิดให้ดี ๆ

สาวใช้ถูกตำหนิจึงสงบปากทันที

“บ่าวไม่กล้าพูดเช่นนั้นอีกแล้ว! พระนางอย่าขับไล่บ่าวออกไปเลย!”

นางสนมเจียถักเรือลำเล็ก ๆ เสร็จ จึงเตรียมไปยังตำหนักหย่งเหอ

เมื่อมาถึงประตูตำหนักหย่งเหอ กลับได้รับแจ้งว่าฮองเฮาไม่อยู่ในตำหนัก ไปที่ตำหนักชิงซวีแล้ว

นางสนมเจียได้ยินแล้วนึกฉงน

เหตุใดฮองเฮาจึงไปที่ตำหนักชิงซวี?

ตำหนักชิงซวี

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่า ฮองเฮาผู้ไม่ได้รับเชิญจะมาเยือนอีกครั้ง

อ้างว่าเพื่อสืบสวนคดีลักขโมยในวังหลวง แต่นางไม่เชื่อ

คราวนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนพาเหลียนซวงและซุนหมัวมัวมาด้วย

วันนี้นางมาที่นี่เพียงเพื่อยืนยันสมมุติฐานบางประการ

เมื่อเข้ามาในตำหนักแล้ว นางก็ขับไล่พวกข้าหลวงประจำตำหนักชิงซวีออกไปหมด เหลือเพียงหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ไว้คนเดียว

“จงถอดเสื้อผ้าของนางออกซะ”

หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตกใจและโกรธจัด กล่าวตักเตือนด้วยสีหน้ามืดครึ้ม

“เจ้ากล้าดีอย่างไร! แม้ว่าตอนนี้ข้าจะเป็นแค่กุ้ยเหริน แต่ยังคงเป็นนางสนมคนโปรดของฝ่าบาท! หากเจ้ากล้าล่วงเกินข้า ฝ่าบาทจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

ซุนหมัวมัวและเหลียนซวงหันมองหน้ากัน นี่...ต้องเปลื้องผ้าของกุ้ยเหรินออกเชียวหรือ? ฮองเฮาต้องการจะทำอะไรกันแน่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย